มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 130
ตอนที่ 130 ความขัดแย้ง!
จักรพรรดิโจวมองหยางเย่ จากนั้นมองไปที่ฉวนเอ๋อที่ยืนตรงหน้า และท้ายที่สุดก็มองกลับมาที่หยางเย่อีกครั้ง ” เจ้าหนู ถึงแม้เจ้าจะอยู่ขั้นปราณสวรรค์ตอนนี้ แต่ความสามารถนั้นยิ่งใหญ่นัก เจ้าเหมาะสมกับบุตรสาวของข้าหยินโจวมาก และหวังว่าเจ้าจะดูแลนางอย่างดีในอนาคต!”
“ผู้อาวุโส.” ดูเหมือนหยางเย่กําลังจะกล่าวบางอย่าง แต่หยินฉวนเอ๋อได้มองมาจากด้านข้าง ทําให้เขาต้องกลืนคําอธิบายทั้งหมดลงคอไป ตอนนี้เขาเข้าใจเล็กน้อยแล้วว่าเหตุใดนางต้องการจะแต่งงานกับเขา เมื่อนึกได้เช่นนั้น หยางเย่มองไปที่หยินฉวนเอ๋อโดยที่ไม่คาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะทําให้เขาได้ผลประโยชน์มากมาย และนางก็จะได้รับผลประโยชน์จากสิ่งนั้นอีกที
จักรพรรดิโจวกล่าวต่อ “เจ้ามุ่งเน้นไปที่วิถีแห่งดาบอยู่แล้ว ดังนั้นมรดกของข้าจึงไม่เหมาะสมกับเจ้า แต่ร่างกายทางกายภาพเจ้าไม่เลว ข้ามีวิชาสําหรับฝึกฝนกายภาพอยู่ และวิชาแรกยังเหมาะกับเจ้าอย่างมาก!”
เมื่อกล่าวจบ จักรพรรดิโจวกระดิกนิ้ว ทําให้วิชาทั้งสองลอยไปยังหยางเย่
หยางเย่รู้สึกดีใจอย่างมาก เขาโค้งคํานับจักรพรรดิโจวก่อนจะเบิดคัมภีร์ดู หลังจากนั้นสายตาทั้งคู่ได้มองลงไปที่ม้วนแรกในมือซ้าย
กระบวนท่าขั้นปฐพีระดับกลาง กระบวนท่าทลายมังกร หมัดที่แข็งกล้าจะสามารถกุมอํานาจที่ยิ่งใหญ่ในโลกนี้ได้ การจะเป็นใหญ่ได้นั้นไม่อาจเป็นได้เพียงวันเดียว
จักรพรรดิโจวกล่าว ”เคล็ดวิชาทลายมังกรนี้คือสิ่งที่ข้าคิดค้นเมื่อตอนยังหนุ่ม มันมีเพียงสามกระบวนท่าเท่านั้น กระบวนท่าแรก ทลายเกราะ กระบวนท่าที่สอง ทลายปฐพี กระบวนท่าที่สาม ทลายมังกร! ตามตํานาน พลังป้องกันของมังกรนั้นแข็งแกร่งที่สุดในโลก โชคร้ายที่เผ่าพันธุ์มังกรได้หายสาบสูญไปจากเขตแดนใต้เสียแล้ว มิเช่นนั้นข้าคงได้เห็นว่าวิชาของข้า ทลายมังกร สามารถทลายเกราะป้องกันของพวกมันได้จริงหรือไม่!”
ดูเหมือนหยางเย่จะรับรู้ถึงปณิธานอันแรงกล้าของเขา ” หากข้ามีโอกาสได้พบกับมังกรในภายภาคหน้า ข้าจะลองใช้มันดู!”
รอยยิ้มได้เผยขึ้นบนใบหน้าจักรพรรดิโจว ”ไม่เลว สมกับเป็นชายที่ลูกสาวข้าชื่นชอบ จงจําไว้ ทลายมังกรนั้นเน้นความแข็งแกร่งของร่างกาย ยิ่งร่างกายเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด ความแข็งแกร่งของมันก็จะเพิ่มตาม เคล็ดวิชาเสริมพลังกายมีมากมาย แต่มันก็ต้องแลกกับความเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่ข้าว่ามันคงไม่ลําบากกับเจ้าหรอก เจ้าหนูจําคําข้าไว้ ดูแลลูกสาวข้าให้ดี!” ขณะที่กล่าวร่างของเขาก็เริ่มเลือนหายจางไปทุกขณะ
“พระบิดา!” น้ําตาของหยินฉวนเอ๋อเริ่มไหลออกมา อ่านนิยายได้ที่ wwwcat2auto.com
จักรพรรดิโจวยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะกล่าว “ข้าได้บรรลุสิ่งที่ปรารถนาไว้แล้ว ดังนั้นมันก็ถึงเวลา ฉวนเอ๋อ ข้าว่าทราบเจ้าคิดจะแก้แค้นให้มารดา และข้าจะไม่ห้ามเจ้า แต่ข้าต้องการจะบอกว่า ตอนนี้เจ้ารอดพ้นจากโชคชะตาที่ต้องถูกผนึกแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะมีชีวิตที่สงบสุขและปลอดภัย” ทันทีที่กล่าวจบ ร่างของจักรพรรดิโจวเริ่มเลือนหายไปในอากาศจนหมดสิ้น
นับจากนี้เป็นต้นไป ยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทานจากยุคก่อนได้หายไปจากโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์
หยินฉวนเอ๋อไม่ร้องไห้หรือกล่าวสิ่งใด นางมองอย่างว่างเปล่าไปที่โลงศพ
หยางเย่เปิดปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด เขาทราบดีว่าสตรีตรงหน้าไม่ได้ต้องการคําปลอบโยน ที่นางต้องการมีแค่ความสงบเท่านั้น
” ขอแสดงความยินดีด้วยน้องชาย ไม่เพียงจะได้โฉมงามที่หาผู้เปรียบมิได้แล้ว เจ้ายังได้วิชาบ่มเพาะพลังและกระบวนท่ามาด้วย!” ทันใดนั้นฉันซี่เยว่กล่าวพร้อมยิ้มให้หยางเย่ แต่วาจาของ นางนั้นเต็มไปด้วยน้ําเสียงที่ขุ่นเคือง ไม่อาจทราบได้ว่านางอิจฉาหยินฉวนเอ๋อ หรือเพราะหยางเย่ได้รับผลประโยชน์อย่างเดียว
หยางเยส่งเคล็ดวิชาทลายมังกรให้ฉันเยว่ก่อนเอ่ย ” หากท่านต้องการจะฝึกมัน เช่นนั้นพวกเราก็สามารถฝึกฝนด้วยกันได้”
“เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่?” ฉินนี่เยวมองขณะกล่าว
“ท่านคิดว่าข้าเหมือนคนล้อเล่นงั้นหรือ?” หยางเย่ไม่เคยตกหลุมรักฉินเยว่ เหตุผลที่ใจกว้างก็เป็นเพราะตัวตนของเขาเป็นอย่างนั้น และหยางเย่เองก็มีเหตุผลอยู่ด้วย ประการแรกคือไม่ต้องการให้มีความเข้าใจผิดระหว่างทั้งสองประการที่สองคือยิ่งนางแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเป็นประโยชน์แก่เขาเช่นกัน
ฉินเยวมองหยางเย่ก่อนจะยิ้ม “น้องชาย พี่หญิงแค่ทดสอบเจ้าเท่านั้น กระบวนท่านี้ขึ้นอยู่กับพลังทางกายภาพ พี่หญิงไม่เหมาะสมที่จะฝึกมันหรอก แต่พี่หญิงก็ซาบซึ้งในน้ําใจเจ้า!”
“นี่คือกระบวนท่าขั้นปฐพีระดับกลาง ท่านไม่ต้องการฝึกมันจริงหรือ?” หยางเย่เอ่ยถาม
ฉินที่เยวส่ายหัว ”ร่างของพี่หญิงหาได้แข็งแกร่งไม่ ดังนั้นฝึกไปมันก็ไร้ประโยชน์
“ช่างใจกว้างนักนะ!” ทันใดนั้น หยินฉวนเอ๋อหันไปมองหยางเย่พร้อมกล่าวด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน ” เจ้าคิดจะแบ่งปันกระบวนท่าขั้นปฐพีเพียงเพราะสตรีหรือ!”
“ฉวนเอ๋อ..” หยางเย่กําลังจะกล่าวบางอย่าง แต่หยินฉวนเอ๋อได้กล่าวก่อนพร้อมใบหน้าที่เย็นชา “เจ้าคู่ควรพอจะเรียกข้าว่าฉวนเอ๋องั้นหรือ? เจ้าคิดจริงหรือว่าข้าจะแต่งงานกับเจ้า?”
ทันที่ที่กล่าวจบ นางมองไปยังฉินที่เยวพร้อมปล่อยจิตสังหารผ่านดวงตา ” คนของจักรวรรดิต้าฉิน และเป็นเชื้อพระวงศ์? เช่นนั้นเจ้าคงเป็นองค์หญิงสินะ?”
ดวงตาหยางเย่หรี่ลงก่อนจะกลายเป็นเย็นชา ผ่านไปชั่วครู่เขาสุดหายใจลึกพร้อมเอ่ย “แม่นางหยิน ข้าทราบว่าเจ้าสูญเสียคนที่รักไป และคงหลีกเลี่ยงอารมณ์ไม่ดีได้ยาก ข้าเข้าใจสิ่งนั้น แต่สิ่งเกิดขึ้นระหว่างเจ้ากับชีเยว่…”
“ข้าต้องการสังหารนาง เจ้าจะช่วยข้าหรือนาง?” หยินฉวนเอ๋อกล่าวขัดขึ้นมา
“หยินฉวนเอ๋อ การมีสหายนั้นดีกว่ามีศัตรู เจ้าไม่จําเป็นต้องกระทําเช่นนี้”
“งั้นก็หมายความว่าเจ้าจะช่วยนางสินะ?” หยินฉวนเอ๋อกล่าวอย่างเหยียดหยาม “คิดว่ามีคนสัญญากับพระบิดาก่อนหน้านี้ว่าจะดูแลข้า เจ้าเอาสมบัติของพระบิดาข้าไป แต่กลับตั้งใจจะช่วยผู้อื่นต่อต้านข้า”
ท่าที่หยางเย่เปลี่ยนไปทันที เขาไม่คิดสิ่งใดมากก่อนจะโยนคัมภีร์ทั้งสองให้หยินฉวนเอ๋อ “แม่นางหยิน ที่ข้าคิดนั้นท่านไม่จําเป็นต้องให้ใครมาดูแลด้วยซ้ํา สําหรับสองวิชานี้ หยางเย่ไม่คู่ควรจะรับมัน ดังนั้นท่านเอาคืนไปเสีย!”
ทันทีที่กล่าวจบ หยางเย่หันไปหาฉินเยวพร้อมเอ่ย “ไปกันเถอะ!”
ฉินเยว่และหยินฉวนเอ๋อชะงัก ทั้งสองไม่คาดคิดว่าหยางเย่จะยอมทิ้งวิชาขั้นปฐพี่ทั้งสองม้วนได้
ฉินเยว่หายจากอาการตกใจคนแรก เมื่อมองไปที่หยางเย่ ดวงตาของนางมองออกไปด้วยความรู้สึกที่สับสนอย่างมาก “เจ้าจะไม่ไตร่ตรองสักหน่อยหรือ? นั่นคือวิชาขั้นปฐพีสองเล่ม ทําไมต้องทิ้งมันเพียงเพราะความโกรธด้วย?”
“โกรธ?” หยางเย่ชระงักไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายหัว “แม้วิชาขั้นปฐพีจะมีค่าเพียงใด แต่แล้วยังไงล่ะ ข้าต้องลงมือกับเจ้าเพื่อวิชาขั้นปฐพงั้นหรือ? บางทีคนอื่นอาจทําได้ แต่ไม่ใช่สําหรับข้า”
ฉินซี่เยวมองไปที่หยางเย่ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย “ไม่เหมือนตัวเจ้าเลยนะ! น้องชาย เจ้าทําให้พี่หญิงมองเจ้าเปลี่ยนไป!”
กล่าวโดยแท้จริง การกระทําของหยางเย่ทําให้นางประทับใจมาก เคล็ดวิชาขั้นปฐพี มันเป็นสิ่งที่ผู้คนมากมายแก่งแย่งกันเพื่อให้ได้มันมา ไม่เพียงแค่นั้น นางยังรู้จักกับหยางเย่เพียงไม่กี่วัน สําหรับคัมภีร์นั้นแม้กระทั่งพ่อลูกยังสู้กันจนถึงตายเพื่อจะได้มันมา แต่หยางเย่กับทิ้งมันโดยไม่มีความลังเล
อันที่จริงหยางเย่รู้สึกปวดใจเล็กน้อยเช่นกัน แต่เขาก็ไม่เสียใจที่กระทําเช่นนั้นไป ถึงแม้เขาจะเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่ก็ยังมีจุดยืนเป็นของตนเอง กล่าวคือทุกคนมีขีดจํากัดที่จะไม่ควรข้าม
หยางเย่ส่ายหัวและเลิกคิดสิ่งนั้น “ไปกันเถอะ นี่ถือว่าเป็นคําเตือนสําหรับข้าว่าไม่ควรไปไหนมาไหนกับแม่นางคนนี้!”
“เจ้ารู้สึกเสียใจหรือไม่ที่ช่วยข้าออกมา?” ทันใดนั้นหยินฉวนเอ๋อกล่าวอย่างเย็นชา
หยางเย่ยิ้มพร้อมกล่าว ” กล่าวถึงสิ่งนี้ไปก็ไร้ความหมาย แม่นางหยินไว้เจอกันครั้งหน้า”
“เจ้าคิดว่าจะจากไปโดยไม่มีข้าได้หรือ?” หยินฉวนเอ๋อกล่าว
หยางเย่ไม่ตอบสิ่งใด เขามองไปรอบด้านก่อนจะเอ่ย งั้นพื้นที่นี้ก็เป็นภาพลวงตาสินะ ช่างสมจริงนัก!”
ขณะที่กล่าว เขายืนมือไปจับมือฉินเยว่ก่อนจะออกคําสั่งในใจ ดาบของเขาพุ่งออกจากฝักไปลอยอยู่กลางอากาศ
หยางเย่ไม่ทราบว่าทําไมเขาถึงตระหนักว่าสถานที่นี้คือภาพลวงตา เขาทราบว่ามี บางอย่าง ผิดปกติจากที่เห็น และมันคือหนึ่งในสัญชาตญาณของเขา สัญชาตญาณบอกเขาว่ามัน คือภาพลวงตา!
ทันใดนั้นแสงสีขาวสว่างขึ้นตรงหน้าหยินฉวนเอ๋อ และนางไปปรากฏอยู่ก่อนหยางเย่และฉินที่เยว่ ทันใดนั้นดาบของหยางเย่ถูกนางคว้าไว้ “อย่าทําลายสถานที่นี้ พวกเราจะออกไปพร้อมกัน!”
หยางเย่ชะงักก่อนจะพยักหน้า “นั่นน่าจะดีที่สุด!”
เขายังติดหนี้จักรพรรดิโจวที่ให้คําชี้แนะ ดังนั้นหากเขามีทางเลือกอื่น หยางเย่ก็ไม่ต้องการทําลายสถานที่นี้เช่นกัน
นางหมุนตัวกลับไปเป็นร่างเดิม จากนั้นได้พุ่งเข้าไปยังอกหยางเย่ แต่ขณะที่เข้าไปใกล้ ร่างของนางได้ถูกผลักกระเด็นด้วยพลังที่มองไม่เห็น
หยินฉวนเอ๋อกลับกลายเป็นร่างมนุษย์ก่อนจะมองไปที่หยางเย่ ” หมายความว่ายังไง?”
“แม่นางหยิน ท่านจะทําอะไร?” หยางเย่ขมวดคิ้วพร้อมถาม
หยินฉวนเอ๋อกล่าว “ข้าจะกลับเข้าไปข้างใน ไม่ใช่ว่าพวกเราตกลงกันแล้วงั้นหรือ?”
นางครุ่นคิดบางอย่างก่อนจะสะบัดมือส่งคัมภีร์ทั้งสองให้หยางเย่ ”ข้าสามารถเข้าไปได้แล้วหรือยัง?”