ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนพิเศษ โลกใบนั้น (8)
ขณะที่ซูหว่านกำลังจมดิ่งอยู่ในความคิดนั้น ซูรุ่ยก็คว้าเอาตัวเธอขึ้นบนหลังอย่างคล่องแคล่วเรียบร้อยแล้ว “เอาล่ะ ผมจะแบกคุณกลับ คุณพักผ่อนสักหน่อย ตื่นมาก็ถึงบ้านพอดี”
ซูหว่านอิงแอบอยู่บนแผ่นหลังที่กว้างและอบอุ่นของชายหนุ่ม เธอลังเลเล็กน้อย “ซู ซูรุ่ย นายใช้วิธีแบบนี้ไล่จีบสาวๆ มาตลอดเลยเหรอ”
“หึ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ซูรุ่ยก็อดยิ้มไม่ได้ “คนโง่ ผมวิ่งไล่ตามแค่คุณ และผมก็จะแบกแค่คุณเท่านั้น แบกคุณไปด้วยกันจนแก่เฒ่า แบกคุณไปตราบจนฟ้าดินสลาย”
ฟ้าดินสลาย…
ฟังดูน่าตื่นเต้นมากจริงๆ
ซูหว่านยกมือขึ้นอย่างระมัดระวังและเอาแขนโอบรอบคอของซูรุ่ย “นายนี่ปากหวานเหลือร้าย แต่คำพูดของผู้ชายจะเชื่อถือได้ยังไง สิงอี้ก็เคยบอกว่าเขารักฉัน แต่ตอนนี้เขากลับบอกว่าคนที่เขารักคือซูโหยว นายว่า ใครล่ะจะรักคนผิดได้ แม้ว่าพวกเขาจะดูเหมือนกันทุกประการ ถ้าคุณรักก็คือรัก ไม่รักก็คือไม่รัก!”
ซูหว่านคิดไม่ตก ไม่เข้าใจว่าทำไมสิงอี้พอบอกว่าไม่รักก็ไม่รักแล้ว นอกจากนี้ยังปฏิบัติต่อตนเองอย่างเลือดเย็นไร้หัวใจแบบนั้น
ถึงแม้ตนเองจะเป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่งที่เขาเลี้ยงไว้ยามเบื่อหน่าย เมื่ออยู่ร่วมกันนานเข้าก็ต้องมีความรู้สึกบ้างใช่ไหมล่ะ
หรือว่าความรู้สึกระหว่างมนุษย์มันเปราะบางถึงขนาดนี้
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ฝีเท้าของซูรุ่ยก็หยุดลง “ไม่ใช่ว่าคุณไม่เข้าใจ แต่โลกใบนี้มันโหดร้าย”
“อย่าคิดมากเลย คุณพักผ่อนเถอะ”
ซูรุ่ยกล่าวขึ้นพร้อมก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ซูหว่านแนบอิงบนแผ่นหลังของเขา เธอรู้สึกสะลึมสะลือและผล็อยหลับไปในที่สุด
เมื่อซูหว่านตื่นขึ้นมาอีกครั้ง บริเวณโดยรอบยังคงมืดสนิท ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวสุกสกาว
“ใกล้จะถึงเขตเมืองแล้วสินะ ปล่อยฉันลงเถอะ แล้วเราเรียกรถกลับกัน ฉันมีเงิน”
ซูหว่านไม่รู้เลยว่าซูรุ่ยแบกเธอมาเป็นเวลานานเท่าไรแล้ว เธอรู้สึกเกรงใจ พยายามดิ้นรนจะลงมาเดินด้วยตนเอง
“อย่าดิ้นสิ ให้ผมแบกคุณไว้อย่างนี้แหละดีแล้ว”
ซูรุ่ยกระชับแขนทั้งสองให้แน่นขึ้นเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของซูหว่าน “คุณอย่าดูถูกผู้ชายของตนเองเลย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แบกคุณกลับบ้าน รับรองว่าไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย”
ซูรุ่ยกล่าวขึ้นและยังคงก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ด้วยพละกำลังของเขา นับประสาอะไรกับการแบกซูหว่านกลับบ้าน จะให้แบกเธอทุกวันก็ไร้ซึ่งความกดดันใดใดทั้งสิ้น!
ซูรุ่ย…
ได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ซูหว่านชะงักเล็กน้อย ฉับพลัน เธอก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่ซูรุ่ยพูดกับตัวเองเมื่อตอนเย็น
หรือว่า เขาจะมาจากอนาคตจริงๆ
ซูหว่านรู้สึกฉงนและสับสนเล็กน้อย เกิดอะไรขึ้นกับเธอ คำโกหกที่ไร้สาระ เธอกลับหวังว่ามันจะเป็นจริง…
แต่ว่า
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า นั่นคือความจริง
ไม่ว่าจะเป็นใครล้วนดีทั้งสิ้น หากในอนาคตสามารถมีคนแบบนี้อยู่ข้างกาย อย่างนั้นต้องเป็นเรื่องที่ดีมากอย่างแน่นอน
เธอไม่ได้ร้องขอลาภยศบรรดาศักดิ์ เธอไม่ได้ร้องขอชื่อเสียงเกรียงไกร
เธอไม่ต้องการหนุ่มรูปงามมากความสามารถ และไม่ต้องการคุณชายชนชั้นสูงใดๆ เธอเพียงต้องการคนคนหนึ่งที่รักตนเองอย่างจริงใจ…
เมื่อซูรุ่ยแบกซูหว่านกลับมาถึงวิลล่าตระกูลซูก็ดึกมากแล้ว ชั้นหนึ่งของวิลล่ายังคงเปิดไฟสว่าง สิงอี้และซูโหยวนั่งโซฟารออยู่ที่ห้องโถง เมื่อเห็นซูรุ่ยแบกซูหว่านกลับมา ซูโหยวรีบร้อนลุกขึ้น “เสี่ยวหว่าน เสี่ยวหว่าน เกิดอะไรขึ้น เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
ระหว่างพูด ซูโหยวก้าวเดินมาด้านหน้าพร้อมยกมือขึ้นเพื่อจะประคองซูหว่าน กลับถูกซูหว่านปฏิเสธอย่างเย็นชา “เธออย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
“ซูหว่าน เธอเป็นอะไรไป ซูโหยวเขาเป็นห่วงเธอนะ!”
เมื่อเห็นซูหว่านไม่แยแสต่อซูโหยวเหมือนทุกครั้ง สายตาของสิงอี้ที่อยู่ข้างๆ ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา
“หึ ขอบคุณมากสำหรับความห่วงใย ถ้ากังวลขนาดนี้ทำไมไม่ออกไปตามหาฉันล่ะ มานั่งอยู่ในห้องโถงจิบชาแทะเมล็ดแตงโม ช่างลำบากเธอเหลือเกิน!”
ซูหว่านเหลือบมองสิงอี้อย่างเย็นชาและพูดเสียงเบาอย่างเย้ยหยัน
“ซูโหยวจะออกไปตามหาเธอ แต่เป็นฉันที่รั้งซูโหยวไว้ไม่ให้ออกไป”
ในสายตาของสิงอี้ ซูหว่านเป็นคนใจกล้าและเด็ดเดี่ยวเสมอมา การที่เธออยู่ข้างนอกตามลำพังนั่นไม่มีปัญหาอะไร แต่หากเป็นซูโหยวผู้ใจดีและอ่อนแอออกไปกลางดึกแล้วเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาล่ะ จะทำอย่างไร
จึงกล่าวได้ว่า หากคุณเป็นบัวขาวที่อ่อนนุ่มได้ คุณก็ต้องไม่ให้คนอื่นรู้ว่าคุณเป็นหญิงแกร่ง
ถึงแม้กุหลาบจะมีหนาม แต่ผู้ชายก็รู้สึกว่ากุหลาบขาวบอบบาง ในขณะที่กุหลาบแดงนั้นอันตราย
“เอาล่ะ เอาล่ะ เป็นความผิดของฉันเอง”
เมื่อเห็นซูหว่านและสิงอี้เริ่มมีอารมณ์ใส่กัน ซูโหยวซึ่งแต่เดิมรู้สึกผิดอยู่ในใจก็พูดไกล่เกลี่ยขึ้นมาในทันที “ใช่แล้ว ซูรุ่ย ขอบคุณที่ส่งเสี่ยวหว่านกลับบ้าน!”
“เป็นสิ่งที่ฉันสมควรทำอยู่แล้ว”
ซูรุ่ยย่อตัวลงและช่วยซูหว่านเปลี่ยนรองเท้าอย่างเบามือ “เท้าของคุณโอเคไหม ผมจะพาคุณขึ้นไปชั้นบนและเปลี่ยนยาให้”
เมื่อเห็นแววตาที่อ่อนโยนของซูรุ่ย สีหน้าของซูหว่านก็อ่อนลงโดยไม่รู้ตัว “อืม ไปกันเถอะ…อ๊ะ!”
พูดยังไม่ทันจบ เธอก็ถูกซูรุ่ยอุ้มขึ้นมาแล้ว
“เด็กดี ทั้งเท้าและขาของคุณเดินเหินไม่สะดวก อย่าขยับมาก”
ซูรุ่ยพูดขึ้นพลางอุ้มซูหว่านขึ้นบันได
ซูโหยวที่อยู่ในห้องโถงจ้องมองการกระทำของซูรุ่ยอย่างตกตะลึง
นี่…
นี่…
ที่แท้ซูรุ่ยก็ชอบเสี่ยวหว่านหรอกหรือ มิน่าล่ะเขาถึง…
แต่ว่า เสี่ยวหว่านเป็นคู่หมั้นของสิงอี้นี่นา!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซูโหยวหมุนตัวกลับอย่างประหม่าในทันที ค่อยๆ มองสีหน้าของสิงอี้อย่างระมัดระวัง “สิงอี้ คุณอย่าได้เข้าใจผิดนะ เสี่ยวหว่านเขา เขาได้รับบาดเจ็บ เอ่อ เดินเหินไม่ค่อยสะดวก”
“หึ”
เมื่อเห็นซูโหยวพยายามพูดแทนซูหว่านอย่างประหม่า สิงอี้ก็อดยิ้มไม่ได้ ลุกขึ้นยืนตรงหน้าซูโหยวพร้อมทั้งจ้องมองไปในดวงตาของเธอ “ซูโหยว คุณกังวลเกี่ยวกับซูหว่าน หรือว่ากำลังเป็นห่วงผม”
“ฉัน…”
ซูโหยวจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ใกล้อย่างประหม่า “สิงอี้ คุณอย่า คุณอย่ามองฉันแบบนี้ คุณเป็นคู่หมั้นของเสี่ยวหว่าน ฉันหวังว่าพวกคุณจะไปกันได้ดี”
“ใช่เหรอ ผมบอกกับคุณไปแล้วไม่ใช่หรือว่าผมหมั้นกับซูหว่านเพราะอะไร นั่นเป็นเพราะผมคิดว่าซูหว่านคือคนคนเดียวกันกับเมื่อสามปีที่แล้ว แต่ในความเป็นจริง คนที่ส่งผมไปโรงพยาบาลเมื่อสามปีที่แล้ว เป็นคุณ”
เรื่องนี้ สิงอี้ได้ให้คนไปตรวจสอบดูแล้ว คนที่ปรากฏตัวที่โรงพยาบาลในขณะนั้นก็คือซูโหยวอย่างไม่ต้องสงสัย
น่าโมโหตรงที่เมื่อสองปีก่อนขณะที่ตนกำลังคบอยู่กับซูหว่าน กลับเข้าใจผิดคิดว่าคนคนนั้นก็คือซูหว่านมาโดยตลอด
เพราะสถานที่ที่ตนเองประสบเหตุเมื่อสามปีที่แล้ว ในช่วงเวลานั้นซูหว่านก็เคยไปที่นั่นด้วยเช่นกัน ดังนั้นตนจึงมั่นใจเสมอมาว่าคนคนนั้นจะต้องเป็นซูหว่าน
นี่ ช่างเป็นเรื่องเข้าใจผิดที่ชวนปวดหัวจริงๆ
…
ซูรุ่ยอุ้มซูหว่านไปที่เตียงในห้องนอนอย่างชำนาญ และหมุนตัวไปหยิบกล่องยา
“นายรู้ได้ยังไงว่ากล่องยาอยู่ตรงนั้น”
ซูหว่านเบิกตากว้างจ้องมองซูรุ่ย ซูหว่านรู้สึกแปลกใจมากที่เขาสามารถหาห้องนอนของเธอได้
“เพราะว่าผมเป็นผู้ชายของคุณ”
ซูรุ่ยเลิกคิ้วไปทางซูหว่านอย่างภาคภูมิใจ “ไม่เพียงแค่นิสัยในการวางสิ่งของของคุณ แม้กระทั่งเวลาคุณนอนมักจะเตะผ้าห่มไปทางโน้น อาบน้ำที่อุณหภูมิเท่าไร ผมรู้หมด”
“หือ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ใบหน้าของซูหว่านพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอนั่งบนเตียง มือทั้งสองกำมุมผ้าห่ม พึมพำเสียงเบา “ถ้าอย่างนั้นนาย นายลองบอกหน่อยสิ ในอนาคตฉันชอบทำอะไรมากที่สุด”
“แค่ก แค่ก”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ซูรุ่ยยิ้มอย่างมีเลศนัย “ทำไม เริ่มเชื่อคำพูดของผมแล้วใช่ไหม”
“ฉันก็แค่ถามดู ถามดูไม่ได้หรือไง นายไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบหรอก!”
ซูหว่านเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แน่นอน เธอไม่สามารถใจดีกับเจ้าหมอนี่ได้หรอก ผู้ชายคนนี้ชอบปีนเกลียวอยู่เรื่อย น่าเบื่อชะมัด