ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนพิเศษ โลกใบนั้น (4)
โรงเรียนมัธยมปลายเอกชนเซิ่งหมิงเป็นผู้นำด้านการศึกษาระดับสูง ตารางเรียนในแต่ละวันแน่นมาก
ซูหว่านเดินตรงเข้าไปในห้องเรียนมอ 5/6 ตามปกติ
“เสี่ยวหว่าน! เธอมาแล้วเหรอ!”
เมื่อเห็นร่างของซูหว่าน ร่างหลายร่างก็เข้ามาล้อมรอบทันที นี่คือบรรดาคนที่มีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับซูหว่านในวันปกติ
อืม ก็แค่นั้นแหละ ลูกสาวตระกูลเศรษฐีชนชั้นสูงเหล่านี้ได้รับการศึกษาที่หลากหลายตั้งแต่เด็ก ทุกคนสามารถเขียน ‘กลยุทธ์ 36 ประการเพื่อการเข้าสังคม’ ได้ตั้งแต่ยังไม่เข้าโรงเรียน
“เสี่ยวหว่าน ฉันได้ยินมาว่าเมื่อคืนนี้เธอพาคนมาจัดการยายสารเลวซูโหยวนั้นเหรอ”
สำหรับลูกสาวนอกสมรสอย่างซูโหยว บรรดาลูกสาวที่ถูกต้องตามกฎหมายในตระกูลเศรษฐีเหล่านั้นย่อมรู้สึกรังเกียจมากเป็นธรรมดา
“เธอไปได้ยินใครพูดมา”
ซูหว่านเหลือบตาขึ้นมองเด็กสาวที่เพิ่งถามคำถามคนนั้นอย่างเย็นชา “เสิ่นฉี ข้าวกินได้ตามอำเภอใจ แต่คำพูดจะพูดมั่วๆ ไม่ได้”
เอ่อ
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน สีหน้าของเสิ่นฉีก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที “ทำไม กล้าทำไม่กล้ารับเหรอ หรือเป็นเพราะกลัวว่า…สิงอี้จะมาเอาเรื่องเธอ แหม เรื่องของสิงอี้กับซูโหยวนั่นน่ะ ในโรงเรียนใครจะไม่รู้….”
เพี๊ยะ!
เสียงตบฉาดหนึ่งดังขัดจังหวะคำพูดของเสิ่นฉี เธอยกมือลูบครึ่งหน้าที่เริ่มแดงของเธอ แล้วมองซูหว่านด้วยความขุ่นเคือง “ซูหว่าน เธอกล้าตบฉันเหรอ”
“ตบก็ตบไปแล้ว ฉันไม่กล้าอะไรอีกล่ะ เป็นแค่ลูกคนที่สามของตระกูลเสิ่น เสิ่นฉี เธอคิดว่าเธอมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินฉัน ตระกูลเสิ่นของเธอไม่คู่ควร!”
ในเซิ่งหมิง ซูหว่านคือความหมายของคำว่าเย่อหยิ่ง ทุกคนใครไม่รู้บ้างว่าตระกูลซูและตระกูลเฉินเป็นตระกูลที่โด่งดังอันดับต้นๆ ในเมืองอวิ๋น ซูหว่านเป็นลูกสาวของซูฉี่เฉียวและฉินซือหย่ง แม้ว่าเธอจะไม่มีความสุขที่บ้านก็ตาม แต่เมื่ออยู่ข้างนอก ทุกคนล้วนค้อมตัวลงต่ำให้เธอสามส่วนโดยอัตโนมัติ
ได้ยินคำพูดอันเย่อหยิ่งของซูหว่าน เสิ่นฉีก็ลอบกัดฟัน…
ซูหว่าน เธอก็แค่เกิดมามีฐานะดีไม่ใช่รึไง
ในเมืองอวิ๋นมีใครไม่รู้เรื่องเน่าเฟะของตระกูลพวกเธอบ้าง
ถ้าไม่มีตระกูลซูและตระกูลฉินแล้ว เธอนับว่าเป็นตัวอะไรกัน
ในใจมีความคับแค้นอยู่ร้อยอย่าง แต่เสิ่นฉีกลับต้องกลืนทุกคำพูดทั้งลงท้องไป ใช่แล้ว เธอเป็นเพียงคุณหนูสามของตระกูลเสิ่น เธอไม่มีคุณสมบัติไปต่อกรกับซูหว่านเลย แต่เมื่อยอมรับในใจไปแบบนั้นแล้ว เสิ่นฉีก็รู้สึกไม่พอใจอีกครั้ง
ซูหว่าน เธอรอก่อน!
รอจนถึงวันที่สิงอี้ไม่ต้องการเธอแล้ว รอจนซูโหยวตั้งหลักได้ในบ้านตระกูลซูแล้ว ตอนนั้นเธอได้ร้องไห้แน่!
“โอ้โห ทำไมตอนเช้ามันถึงได้คึกคักอย่างนี้นะ ฉันพลาดอะไรไปงั้นเหรอ”
ในเวลานี้จู่ๆ ก็มีเสียงแหลมสูงดังมาจากประตู เด็กสาวน่ารักผมสั้นเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋านักเรียนใบใหญ่แล้วโปรยยิ้ม
“เสี่ยวหว่านหว่าน”
ทันทีที่เด็กผู้หญิงเข้ามาในประตูก็ตรงเข้าไปหาซูหว่าน “ซูหว่าน นี่พวกเธอกำลังทำอะไรอยู่เหรอ”
“เซวียฮุ่ยมาแล้วเหรอ!”
เมื่อเห็นสาวผมสั้นคนนั้น ผู้คนต่างหัวเราะเฮฮาพากันทักทายเธออย่างสนุกสนาน ทุกคนรู้ว่าในชั้นเรียนเซวียฮุ่ยมีความสัมพันธ์อันดีกับซูหว่านที่สุด เธอมาทันเวลาพอดี ทันให้หน้ากระดาษพลิกไปหน้าถัดไป
หลังจากได้ยินคำพูดของเซวียฮุ่ย ซูหว่านก็หันกลับมาอย่างเย็นชาและกลับมานั่งที่ของเธอ “ไม่ได้ทำอะไร แค่ตบแมลงวันตัวหนึ่งเท่านั้น”
“หา ไม่นึกว่าจะมีแมลงวันในห้องเรียนด้วย!”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน เซวียฮุ่ยก็อดที่จะเบิกตากว้างไม่ได้ “อยู่ตรงไหน อยู่ตรงไหน ให้ฉันดูศพหน่อย ฉันจะเอาศพไปโชว์บนอินเทอร์เน็ต!”
ผู้คนต่างพูดไม่ออก…
น้องสาว เธอใสซื่อขนาดนี้ มันจะดีจริงๆ เหรอ
ซูหว่านยิ้มแกมหัวเราะให้เซวียฮุ่ยน้อยๆ อย่างไม่รู้ตัว “ศพโดนฉันทุบจนแหลกไปแล้ว เพราะฉะนั้นเธอไม่ต้องไปสนใจแล้ว”
“โธ่ ไม่นะ!”
เซวียฮุ่ยวางกระเป๋านักเรียนและนั่งด้านหน้าซูหว่านอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก “ซูเสี่ยวหว่าน เธอใจร้ายจังเลย! สัตว์น่ารักขนาดนั้น เอ่อ ตัวเล็กขนาดนั้น เธอลงมือจัดการมันได้ยังไง ได้โปรชี้แนะด้วย!”
ซูหว่านเผยสีหน้า ‘เธอพอได้แล้ว’ ออกมา
เมื่อเห็นสีหน้าของซูหว่าน เซวียฮุ่ยก็อดแลบลิ้นใส่ไม่ได้ จากนั้นก็เอนตัวลงชิดข้างซูหว่านแล้วกระซิบเสียงต่ำ “ตอนที่ฉันเพิ่งมาถึงได้ละครฉากใหญ่ด้วยแหละ เธอรู้ไหม โรงเรียนของเรามีคนเท่อยู่คนหนึ่ง!”
“หา”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซวียฮุ่ย ซูหว่านก็มองใบหน้าเล็กกลมของเธอ “คนเท่อะไร มนุษย์ป้าที่โรงอาหารกลายเป็นหนุ่มน้อยหน้าหล่อรึไง”
“ไม่ ไม่ ไม่! เป็นคุณครูจ้ะ! เธอรู้ไหม! คุณครูเทพบุตร! อา หล่อไม่ไหว เท่ไม่ไหว สรุปแล้วคือสุดยอด! เสียดาย ดูเหมือนว่าจะมารับตำแหน่งแทนครูอวี๋ ครูอวี๋ที่สอนห้องหนึ่ง ฉันอิจฉาสาวๆ ในห้องหนึ่งจังเลย เสี่ยวหว่านหว่านพวกเราย้ายห้องกันดีไหม”
เทพบุตร?
ซูหว่านขมวดคิ้ว เทพบุตรของเซวียฮุ่ยนั้นมีตั้งแต่พี่ชายคนส่งของยันผู้นำประเทศ มันมีจำนวนเยอะเกินไป
“เธอชอบเทพบุตร ถึงกับต้องย้ายห้องเลยเหรอ”
ซูหว่านเลิกคิ้วมองที่เซวียฮุ่ยปราดหนึ่ง “เลิกเรียนแล้วรอฉัน วันนี้ฉันนัดกับสิงอี้ว่าจะไปงานวันเกิดของโอวหยางมั่วด้วยกัน เธอก็มาด้วยสิ”
โอวหยางมั่ว! โอวหยางมั่วเหรอ!
เดือนโรงเรียน อปป้าขายาวสุดหล่อ
“โอเค โอเค โอเค”
เซวียฮุ่ยพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าวสาร อยู่กับเสี่ยวหว่านมีความสุขจังเลย ไม่เพียงแค่จะได้เห็นอาหารตาทุกวัน ยังได้เข้าร่วมงานฉลองวันเกิดของเทพบุตรเดือนโรงเรียน เซวียฮุ่ยรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายอย่างมีความสุข
ส่วนพวกที่บอกว่าสิงอี้มีใจเปลี่ยนไปหลงรักซูโหยวเหล่านั้น ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย เสี่ยวหว่านหว่านของเราเป็นทั้งนักเรียนดีเด่นและเทพธิดา อยู่ในบ้านก็น่ารักได้ อยู่นอกบ้านก็เยี่ยมยอด เด็กผู้หญิงดีๆ แบบนี้หาได้จากที่ไหน!
ถ้าสิงอี้ไม่ชอบเสี่ยวหว่านหว่านจริงๆ แต่กลับไปชอบยายดอกบัวขาวซูโหยวนั่น นี่พิสูจน์ได้เรื่องหนึ่งว่าเขาตาบอด
ทั้งสองคุยสัพเพเหระกันสักพัก ในขณะที่เซวียฮุ่ยกำฃังจมอยู่ในความหลงใหลเดือนโรงเรียนโอวหยางจนโง่งมไปแล้วนั้น ซูหว่านก็เหลือบไปเห็นข้อความที่สิงอี้เพิ่งส่งมาทางโทรศัพท์ของเธอ [โอวหยางมั่วก็เชิญซูโหยวด้วย ซูหว่านคืนนี้เธอระวังด้วยนะ อย่าทำให้ทุกคนขายหน้า]
ซูโหยว
เป็นซูโหยวอีกแล้ว
ที่จริงซูหว่านไม่เข้าใจจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นสิงอี้หรือโอวหยางมั่ว พวกเขาชอบอะไรในตัวซูโหยวกันแน่
ใจดี? น่ารัก? บอบบาง?
ผู้หญิงที่ใจดีและอ่อนแอเกินไปจะได้แต่ถูกรังแก ซูหว่านไม่ชอบคนที่อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย
บางครั้งเธอก็คิดไม่ออกอยู่บ้าง เมื่อซูโหยวที่บอบบางใสซื่อขนาดนั้นอยู่นอกบ้าน เธอรอดมาได้อย่างไรจนถึงตอนนี้
ในโลกนี้มีคนดีๆ มากมายที่เต็มใจช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนจริงเหรอ
ให้ไปแล้ว ฉันจะต้องได้สิ่งตอบแทน
ซูหว่านซึ่งเกิดในตระกูลนักธุรกิจ เชื่อมั่นในสิ่งนี้มาโดยตลอด…
ฉันให้หนึ่งคะแนน เธอต้องให้ฉันอย่างน้อยหนึ่งคะแนนเป็นการตอบแทน หรือมากกว่านั้น
ในโลกนี้จะมีคนงี่เง่าที่เอาแต่ให้ไม่หวังอะไรตอบแทนได้ยังไง
คนประเภทนั้น ต้องไม่มีจริงแน่
ซูหว่านลบข้อความของสิงอี้อย่างเงียบๆ…
สิงอี้ เป็นนายเองที่ริเริ่มยั่วยุฉันในตอนแรก เป็นนายเองที่เสนอเรื่องงานแต่งงานให้กับตระกูลซู
ตั้งแต่ที่นายยั่วยุฉัน นายต้องรับผิดชอบฉันจนถึงที่สุด
อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ความคิดเล็กๆ ของนายเกี่ยวกับซูโหยว นายอยากจะทิ้งฉันและไปไล่ตามซูโหยวใช่ไหม
เว้นเสียแต่ว่าฉันตายแล้วเท่านั้นแหละ
ในขณะที่แววตาฉายแววอึมครึม ก็ได้ยินเสียงกริ่งเข้าเรียน ซูหว่านวางโทรศัพท์ของเธอทันที หยิบหนังสือเรียนจากกระเป๋านักเรียนของตน
วิชาเรียนแรก เป็นวิชาคณิตศาสตร์พอดี
คณิตศาสตร์…
ซูหว่านไม่รู้ทำไมจู่ๆ ก็นึกถึงคำพูดของเซวียฮุ่ย ครูคณิตศาสตร์คนใหม่อะไรทำนองนั้น
ขณะที่เธอกำลังเหม่อลอย จู่ๆ ก็มีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นในห้องเรียน
“เทพบุตร”
เซวียฮุ่ยซึ่งนั่งอยู่หน้าซูหว่านพลันหันกลับมา มองที่ซูหว่านด้วยดวงตาเป็นประกาย “เสี่ยวหว่านหว่าน เป็นเทพบุตรของฉัน! ใต้เท้าเทพบุตร!”
เทพบุตร?
ซูหว่านเงยหน้าขึ้น สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเธอคือใบหน้าที่หล่อเหลาของซูรุ่ยพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยน…
“หล่อมาก!”
“ฉันจะเป็นลมแล้ว!”
“เทพบุตรได้โปรดออกเดตกับฉัน”
ท่ามกลางเสียงกระซิบ ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง
เทพบุตร?
พวกเธอแน่ใจนะว่านี่คือเทพบุตรและไม่ใช่ชายวิปริต