ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนพิเศษ โลกใบนั้น (11)
ร้านอาหารตะวันตกใกล้กับเซิ่งหมิง ที่นี่เป็นสถานที่ที่คู่รักในโรงเรียนชอบมามากที่สุด
ซูหว่านและสิงอี้เองก็เป็นลูกค้าประจำของที่นี่ รอจนซูหว่านมาถึงที่ประจำ สิงอี้ก็นั่งอยู่ที่นั่นมาสักพักแล้วแล้ว
สิงอี้ชอบที่นั่งข้างหน้าต่าง ที่นั่งตรงนี้ถูกเขาจองแล้ว พระอาทิตย์อัสดงส่องใบหน้าที่หล่อเหลามีชีวิตชีวาของเขาผ่านหน้าต่างกระจก ซูหว่านจ้องมองสิงอี้สองสามครั้งด้วยแววตาสงสัย
จะว่าไปแล้ว สิงอี้ก็ถือว่าเป็นหนุ่มหล่อที่หาได้ยาก แต่เมื่อเทียบกับซูรุ่ยแล้ว ดูเหมือนว่าจะแตกต่างกันมาก ไม่เพียงแค่หน้าตา บุคลิกท่าทางก็ด้วย
แน่นอน ที่สำคัญที่สุดก็คือ สิงอี้กับซูรุ่ยเป็นคนสองคนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
“มาแล้ว”
สัมผัสได้ถึงสายตาจับจ้องของซูหว่าน สิงอี้จึงเงยหน้าขึ้นมามองเธอ “นั่งสิ ผมสั่งอาหารให้คุณแล้ว”
“ไม่ต้องหรอก”
ซูหว่านนั่งลงตรงข้ามสิงอี้ “ฉันมีนัดทานข้าวกับคนอื่นแล้ว วันนี้ที่มาหาคุณเพื่อจะคุยให้ชัดเจน พวกเรา…ถอนหมั้นกันเถอะ!”
นี่เป็นเรื่องที่สิงอี้กังวลมาตลอด วันนี้กลับเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากซูหว่านก่อน
ได้ยินคำพูดของซูหว่าน สิงอี้ตกใจเล็กน้อย
ความจริงหลังจากที่พบว่าตนเองจำคนผิด สิงอี้ก็คิดจะยกเลิกการแต่งงานกับซูหว่านมาตลอด แต่ในเมื่อเป็นความสัมพันธ์สองปี เขาเองก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ของซูหว่าน ข้อแรกเพราะไม่ได้ใจร้ายมากพอ ข้อสอง เพราะซูโหยวอยู่ในสถานะลูกสาวนอกสมรส สิงอี้กลัวว่าถ้าตนเองยกเลิกการแต่งงานกับซูหว่านโดยพลการ ซูหว่านกับคนอื่นจะเอาความผิดทั้งหมดไปโยนให้กับซูโหยว
บางที นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่แท้จริงที่สิงอี้ไม่ได้เคยเอ่ยเรื่องถอนหมั้นกับซูหว่านมาตลอดก็เป็นได้
เขาคิดแทนซูโหยวทุกอย่าง แต่กลับไม่เคยนึกถึงซูหว่านเลยสักนิด
นี่คือความแตกต่างระหว่างรักและไม่รัก
“เสี่ยวหว่าน คุณ…พูดจริงเหรอ”
อาจจะเป็นเพราะความสุขมาอย่างกะทันหัน หลังจากสิงอี้อึ้งตะลึงไปครู่หนึ่ง พอตั้งสติกลับมาได้ก็มองซูหว่านอย่างไม่ค่อยมั่นใจ เขาไม่รู้ว่าคำพูดของเธอมาจากใจจริงหรือว่ามีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง
“ฉันพูดจริง คุณคิดว่าฉันเหมือนคนที่กำลังล้อเล่นอยู่เหรอ”
ซูหว่านขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ “สิงอี้ ฉันเคยคิดว่าถ้าไม่มีคุณฉันคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ฉันพบว่าตัวเองผิดมหันต์ตั้งแต่แรกเริ่ม สิ่งที่ฉันต้องการไขว่คว้าไว้ให้แน่นก็คือการให้อภัยอันอ่อนโยน การดูแลเอาใจใส่อย่างจริงใจที่คุณให้ฉัน แต่ถึงตอนนี้ คุณเริ่มรำคาญฉันแล้ว ถึงขั้นเกลียดฉันแล้ว คุณไม่เคยห่วงใยฉันมานานมากแล้ว และก็ไม่เคยยิ้มให้ฉันอย่างจริงใจอีก ความสัมพันธ์แบบนี้ ถ้าฉันยังจับเอาไว้แน่นในมือ จะมีความหมายอะไร”
เมื่อก่อนนี้ซูหว่านไม่เข้าใจ เธอคิดว่าเมื่อตนเองเสียสละก็ต้องได้รับการตอบแทน แต่ตอนนี้ ซูหว่านคิดได้แล้ว
ความรัก ซับซ้อนและสมบูรณ์มากกว่าที่ตนเองจินตนาการไว้มาก
รัก ไม่สามารถวัดจำนวนมากน้อยได้
รักก็รักเลย แม้ต้องเสียสละทุกอย่างเพื่อแลกเพียงรอยยิ้มกลับมาสักครั้ง ก็ถือว่าคุ้มค่า
“เสี่ยวหว่าน”
ได้ยินคำพูดของซูหว่าน นัยน์ตาของสิงอี้ก็เผยให้เห็นความรู้สึกผิด
เขานึกถึงเมื่อสองปีก่อนภาพที่ตนเองยื่นมือไปหาซูหว่านครั้งแรก ตอนนั้นเธอเบิกตาโต สายตาสดใจแต่กลับมองตนเองอย่างแปลกใจ
ความจริงแล้ววินาทีนั้น เขาใจสั่น
ตกลงว่าตนเองทำเพื่อตอบแทนบุญคุณ หรือว่าสงสารสาวน้อยที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาคนนั้นเฉยๆ กันแน่ ถึงตอนนี้สิงอี้เองก็ยังไม่แน่ใจ
หรือบางที นี่ก็คือความแตกต่างระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย
ความรักของผู้ชายมาอย่างรวดเร็ว และก็ไปอย่างรวดเร็ว
ต่อหน้าคนรักใหม่และคนรักเก่า พวกเขายังจิตใจโลเลไม่มั่นคงอย่างง่ายดาย มักจะคิดว่าตนเองจะไม่ทำร้ายใคร แต่สุดท้าย เขากลับเป็นผู้ชายเจ้าชู้หลายใจ
ส่วนผู้หญิง พอได้รักแล้ว ก็มักจะทุ่มเทให้ความรักอย่างเต็มที่ แม้ว่าสุดท้ายจะบาดเจ็บสาหัสมีบาดแผลทั่วตัว
“สิงอี้ เอาอย่างนี้แล้วกัน การเลิกกันเป็นการปลดปล่อยทั้งคุณและฉัน”
ซูหว่านพยักหน้าให้สิงอี้ จากนั้นก็ลุกขึ้น หมุนตัวเดินจากไปอย่างไม่มีเยื่อใยเลยสักนิดเดียว
บอกลาความรักที่ไม่มีความสุขนี้ เธอต้องเดินไปอย่างอิสระเดินอย่างสง่างาม
สิงอี้ ลาก่อน
ซูหว่านผลักประตูเดินออกจากร้านอาหารฝรั่ง หันหน้ามองภาพพระอาทิตย์กำลังตกดิน แล้วยังมีพระอาทิตย์อัสดงสีแดงดวงนั้น เธออดที่จะยิ้มน้อยๆ ครู่หนึ่งไม่ได้
ไม่ร่ำลาอดีต จะมีอนาคตได้อย่างไร
จ้องมองรอยยิ้มที่มุมปากของซูหว่าน มุมหนึ่งไม่ไกลจากตรงนั้น สวีเช่อหมุนตัวเดินจากไปอย่างเงียบๆ
“นายน้อย”
หญิงสาวที่ใบหน้างดงามรีบไล่ตามฝีเท้าเขาไป “นายน้อย ทำไมคุณถึงยอมแพ้แล้ว ครั้งนี้เห็นชัดว่าคุณมีโอกาส…”
“เสี่ยวสือ”
สวีเช่อขัดจังหวะคำพูดของเซวียนหยวนสือ “ไม่ได้ยอมแพ้ จริงๆ นะ ฉันก็แค่ได้เรียนรู้แล้วว่าความรักคืออะไร”
ความรักบางประเภทก็อาจจะเป็นการเฝ้ามองอยู่ห่างๆ อย่างเงียบๆ
เขาสามารถไปแก่งแย่งกับซูรุ่ยได้ อย่างไรเสียบนโลกใบนี้ เขามีพลังอำนาจมากมายที่ซูรุ่ยไม่มี
แต่เขาไม่ทำ
ความจริงแล้ววันนั้นหลังจากได้พบซูหว่านครั้งแรก สวีเช่อก็ตัดสินใจแล้ว
เขาจะทำเรื่องแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว แม้จะอยู่ในโลกจำลอง
เขาสามารถแสดงเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบ เจ้าชายผู้อ่อนโยน แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ตัวเขาเอง ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขา
เขายังจะใช้ตัวตนที่จอมปลอมของตัวเองไปหลอกซูหว่านอีกครั้งเหรอ
เขาทำไม่ได้
สิ่งที่เขาเสียใจที่สุดก็คือการที่ตนเองหลอกลวงคนที่ไม่ควรจะถูกหลอกลวงที่สุดคนหนึ่งอย่างโหดร้าย
และตอนนี้ เขาไม่มีความเสียใจแล้ว จริงๆ นะ
แม้ว่าที่นี่จะเป็นเพียงโลกเสมือน แต่สวีเช่อรู้สึกดีใจมากที่ได้เห็นซูหว่านใช้ชีวิตที่ต่างไปจากเดิมในโลกนี้
ซูหว่าน
ความรักเป็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ
คุณกับซูรุ่ยมีความสุขมาก ผมขออวยพรให้พวกคุณ
ผมคิดว่า สักวันหนึ่งในอนาคต ผมก็จะมีความสุขเหมือนกับพวกคุณ
ผมจะไม่ยอมเข้าไปแทรกแซงความรู้สึกของคนอื่น ไม่ยอมทำลายความสุขที่ได้มาอย่างยากลำบากของผู้อื่น
ฉันเชื่อมั่นเสมอ ว่าทุกคนล้วนมีความสุขในตัวเอง ขอเพียงแต่ทุกคนรอคอยด้วยใจ คนคนนั้น ช่วงเวลานั้น ก็จะมาถึง
……
เมื่อวานตอนที่รอซูหว่านไปร้านอาหารร้านนั้น ซูรุ่ยยังนั่งอยู่ที่ในห้องรับรองส่วนตัวห้องนั้น บนโต๊ะมีแล็ปท็อปวางอยู่สองเครื่อง
มองเห็นสายตาลังเลของซูหว่าน ซูรุ่ยยักไหล่ยิ้ม “คนบนโลกนี้จิตใจดีจริงๆ ไม่ยึดของที่เก็บได้ไว้เป็นของตัวเอง”
ซูหว่านนิ่งงัน…
แล็ปท็อประดับไฮเอนด์แบบนั้นก็สามารถตัดสินได้แล้ว คุณคิดว่าใครก็กล้าทำผิดกฎหมายทั้งที่รู้กฎหมายเหรอ
“ฉันเลิกกับสิงอี้แล้ว”
ซูหว่านนั่งตรงหน้าซูรุ่ย มองเขาอย่างจริงจัง “ซูรุ่ย ที่นายข้ามมาจากอีกมิติหนึ่ง ก็เพื่อที่จะให้ฉันกับสิงอี้เลิกกันใช่ไหม”
ซูรุ่ย “เอ่อ แค่กๆ ภรรยา คุณฉลาดแบบนี้ไม่ดีเลย ความจริงแล้วผมก็แค่อยากจะมาดูคุณ ดูอดีตของคุณ”
“งั้นตอนนี้นายก็เห็นแล้ว คุณช่วยฉันไว้ได้แล้วจริงๆ ซูรุ่ย นายต้องไปแล้ว…ใช่หรือเปล่า”
ซูหว่านมีความรู้สึกบางอย่าง ซูรุ่ยจะต้องจากไป กลับไปยังอนาคต
ได้ยินคำพูดของซูหว่าน สีหน้าซูรุ่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย น้ำเสียงเองก็เปลี่ยนเป็นทุ้มต่ำลง “ภรรยา ผมจะไม่มีวันจากคุณ ตลอดไป ในอนาคตที่แสนไกล พวกเราจะได้อยู่ด้วยกันนิรันดร”
“จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันก็สบายใจแล้ว”
ซูหว่านถอนหายใจอย่างโล่งอก ค่อยๆ ยิ้มให้ซูรุ่ย “อย่างนั้น ก่อนจะไป ผู้ชายของฉัน คุณช่วยฉันทำเรื่องหนึ่งได้ไหม”
“อะไรเหรอ” ซูรุ่ยถามด้วยจิตใต้สำนึก
“ช่วยต่อยสิงอี้ให้ฉันสักหมัด”
ซูหว่านเอียงคอ ค่อยๆ คลี่ยิ้มให้ซูรุ่ย
แม้จะบอกว่าตัดความสัมพันธ์กันเด็ดขาดแล้ว แต่สิงอี้ ฉันซูหว่านเป็นลูกสาวนักธุรกิจ จะทำธุรกิจขาดทุนได้อย่างไร
ที่ติดค้างฉัน กรุณาคืนให้ฉันทั้งหมด!
เวลากลางคืน ค่ำคืนที่มืดมิดและลมแรง
แม่ทัพซูเมื่อได้รับคำขอร้องจากภรรยาผู้เป็นที่รักของตนเอง ก็จับตัวสิงอี้ไปยังภูเขาที่ห่างไกลอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ทำตามคำสั่งของซูหว่านทำร้ายเขาจนวิญญาณแทบออกจากร่าง
เห็นสิงอี้ขดตัวงอ ในสภาพที่มีเลือดโชกไปทั้งตัว ในที่สุดซูหว่านก็เดินเข้ามาอย่างพอใจ
อาศัยแสงจันทร์สลัว มองเห็นใบหน้าที่คุ้นตาตรงหน้า นัยน์ตาสิงอี้ฉายความไม่อยากจะเชื่อ
“เสี่ยวหว่าน ทำไม…”
“หึ”
ได้ยินคำพูดของสิงอี้ ซูหว่านยิ้มบางๆ ย่อตัวลงมา “สามปีก่อน ฉันไม่น่าช่วยคุณไว้จริงๆ ตอนนี้ฉันขอให้ทุกอย่างกลับไปสู่ตอนแรกเริ่ม!”
พูดพลาง ซูหว่านยกมือขึ้นจ้วงแทงที่แผลของสิงอี้ “บาดแผลพวกนี้เหมือนเมื่อก่อน แน่นอน คราวนี้ฉันจะโทรหาซูโหยว ขอเรียกให้เธอมาช่วย แบบนี้เธอจะเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตคุณเอาไว้ พวกคุณก็จะได้มีความรักจนสุดท้ายได้แต่งงานกัน เป็นเรื่องน่ายินดีมาก”
ขณะพูด ซูหว่านก็ลุกขึ้นยืนอย่างสบายๆ “ซูรุ่ย พวกเราไปกันเถอะ ฉันเหนื่อยมาก นายแบกฉันกลับบ้านหน่อย”
“อืม”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ซูรุ่ยก็โน้มตัวลงด้วยท่าทางที่เคยชินทันที ให้ซูหว่านกระโดดขึ้นมาบนหลังตนเอง
ครั้งนี้ซูหว่านไม่ลังเลแต่โอบรอบคอของซูรุ่ยไว้แน่น…
เห็นร่างทั้งสองคนไปไกลแล้ว การมองเห็นของสิงอี้ก็เริ่มเลือนราง แต่ทันใดนั้นความทรงจำของเขากลับชัดเจนขึ้นมา…
“เสี่ยวหว่าน! ที่นี่มีศพด้วย! ฉันกลัวจัง พวกเรารีบโทรแจ้งตำรวจเถอะ!”
“อย่าโวยวาย เขายังมีชีวิตอยู่ ฉันไปดูหน่อย”
…
“เขาไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันโทรหาหน่วยฉุกเฉินแล้ว เดี๋ยวเจ้าหน้าที่หมอพยาบาลก็จะมาแล้ว เซวียฮุ่ยพวกเราไปกันเถอะ!”
“เสี่ยวหว่าน ตัวเธอมีแต่เลือดเต็มไปหมด เธอไม่รอให้เขาฟื้นก่อนเหรอ เขาจะได้พูดขอบคุณเธอสักคำไง!”
“ฉันไม่ต้องการ”
…
คนที่หยิ่งทระนงอย่างเธอ ไม่ต้องการคำขอบคุณจากคนอื่น ไม่ต้องการความเข้าใจของคนอื่น และก็ไม่ต้องการการยอมรับจากคนอื่น
นี่ ก็คือซูหว่าน
สายตาของสิงอี้ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ก่อนที่เขาจะหมดสติเขามองเห็นใบหน้าขาวซีดของซูโหยวอยู่ตรงหน้าตนเอง “ว้าย! สิงอี้ นั่นคุณเหรอ! คุณเป็นอะไร!”
ซูโหยวตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ตื่นตระหนกจนแทบจะยกร่างของสิงอี้ได้แล้ว แต่กลับทำให้เขาขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด…
ที่แท้ ครั้งแรกเขาไม่ได้จำคนผิด
ครั้งที่สอง ถึงจะเป็นการจำคนผิดแล้วจริงๆ…
เวลานี้ ภายในใจของสับสนวุ่นวาย แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ซูหว่านอยากจะสนใจ ตอนนี้เธอเอาหน้าแนบติดกับแผ่นหลังของซูรุ่ยไว้แน่น ค่อยๆหลับตาสองข้างของตัวเอง
ซูรุ่ย ได้รู้จักนาย ดีจริงๆ
……
“นี่คือหลิงอ้ายซูที่ใครเห็นใครก็รัก ตื่นได้แล้ว! ตื่นได้แล้ว! ถ้ายังไม่ตื่นอีกก็จะขึ้นสนิมแล้วนะ!”
นาฬิกาปลุกอัจฉริยะที่บันทึกเสียงของหลิงอ้ายซู ดังขึ้นข้างหูของเขา
ซูรุ่ยตื่นขึ้นมาจากความฝัน เขายื่นแขนออกไปโอบซูหว่านที่อยู่ข้างกายเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเองด้วยความเคยชิน
“ภรรยา ผมรักคุณ”
รักมาก รักมากๆ
“แต่เช้าตรู่ก็เลี่ยนขนาดนี้”
หลิงอ้ายซูที่ไม่รู้ว่าแอบเข้ามาในห้องนอนตอนไหน กะพริบตาใสของเธอและมองไปที่ซูรุ่ยบนเตียงด้วยความรังเกียจ
แหวะ!
ซูรุ่ยตกใจเสียงของเด็กน้อย ในวินาทีต่อมา เขาก็ตะโกนด้วยหน้าตาบูดบึ้ง “หลิงลี่! เอาลูกหมีของนายออกไป! ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม!”
“ฮือๆ”
ได้ยินเสียงซูรุ่ย หลิงอ้ายซูก็เบะปากมองดูซูรุ่ยบนเตียงด้วยน้ำตาคลอเบ้าพูดว่า “พ่อพาแม่หนีไปแล้ว! แม้แต่ตายายก็ไม่ต้องการอ้ายซูแล้วเหรอ หนูจะกลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครต้องการ! หนูทำเตียงให้อุ่นได้ หนูยังน่ารักด้วย ใครจะอุ้ม ใครจะเลี้ยงหนู หนูเป็นเด็กดีมากเลย!”
ซูรุ่ยตกตะลึง…
ดังนั้นหลิงลี่พระเอกผู้มีระดับสติปัญญาสูง ตกลงว่าเขาอบรมเลี้ยงดูลูกสาวตัวเองมาอย่างไรกันแน่นะ!
“เอาละ อย่ามาแกล้งทำเป็นน่าสงสารเลย ลูกไม้นี้ถูกแม่เธอใช้จนพรุนแล้ว”
ตอนนี้ ในที่สุดการเคลื่อนไหวในห้องก็ปลุกซูหว่านซึ่งยังคงหลับอยู่ เธอขยี้ตาเตรียมจะลุกขึ้นนั่ง
“ภรรยา คุณช้าๆ หน่อยนะ ร่างกายคุณ ต้องระวัง”
ซูรุ่ยที่อยู่ข้างๆ รีบไปประคองซูหว่านขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ร่างเล็กๆในตอนนี้กำลังตั้งท้องอยู่
นี่คือลูกของซูรุ่ยและซูหว่าน และเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวพวกเขานี้
“ฮือๆ หนูไม่ได้ตั้งใจ”
เห็นซูหว่านลุกขึ้นมาแล้ว หลิงอ้ายซูก็รีบปีนขึ้นมาบนเตียง ยื่นมือเล็กๆ ที่มีเนื้อเป็นก้อนๆ ออกมาแล้วแตะท้องของซูหว่านอย่างอ่อนโยน “สวัสดีค่ะคุณน้า หนูคืออ้ายซูที่แสนน่ารัก หนูมาพบคุณอีกแล้ว จุ๊บๆ”
“คุณน้าตัวน้อยรีบออกมาเถอะ รอหนูโตแล้วจะปกป้องคุณเอง!”
ซูรุ่ย/ซูหว่านหมดคำจะพูด…
เด็กคนนี้เหมือนกับซูเสี่ยวซูตอนเด็กๆ มักจะใฝ่ฝันว่าเมื่อโตขึ้นจะเป็นพี่สาว…
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสะบัดให้หลุดมาจากเด็กน้อย ซูรุ่ยจึงลุกขึ้นประคองซูหว่านไปห้องน้ำ
“ฉันยังไม่ได้กลายเป็นคนพิการนะ”
เห็นท่าทางตื่นตระหนกของซูรุ่ย ซูหว่านอดที่จะยิ้มพลางเอ่ยไม่ได้
“ผมชอบปรนนิบัติดูแลคุณ แบบนี้น่าจะได้นะ” ซูรุ่ยเงยหน้าขึ้นมา สายตาเปล่งประกายมองซูหว่าน
นับตั้งแต่ที่ออกมาจากความฝันนั้น ซูรุ่ยก็รู้สึกว่าตัวเองยังดีกับซูหว่านไม่มากพอ เขาบอกตัวเองว่าเขาต้องดีกับเธอให้มากยิ่งขึ้น สิบเท่าร้อยเท่าเลย
“เป็นเรื่องดีที่มีคนคอยปรนนิบัติดูแล”
สัมผัสได้ถึงความหวานหยาดเยิ้มในดวงตาซูรุ่ย ซูหว่านก็หลุบสายตายิ้ม
เมื่อคืน เธอฝัน
เธอฝันถึงอดีต และฝันถึงซูรุ่ย
จริงๆ นะ ที่รัก มีคุณอยู่ดีมากจริงๆ
-ตอนพิเศษ จบ -