ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนพิเศษ โลกใบนั้น (1)
การจราจรคับคั่งเต็มถนน บรรดาพ่อค้าแม่ขายตะโกนเสียงดัง
ซูรุ่ยลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองมาปรากฏตัวอยู่ในตรอกว่างเปล่าแห่งหนึ่ง ตรงหน้าตรอกยังสามารถมองเห็นผู้คนขวักไขว่มากมาย
นี่คือ โลกใบนั้น
แววตาของซูรุ่ยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ในตอนก่อนที่เขาจะจากแผนกฟื้นฟูเขตแดนไป เขาได้เจอกับสวีเช่อแล้วครั้งหนึ่ง…
“ถ้าหากพวกเราเจอกับซูหว่านพร้อมกัน ซูรุ่ย นายคิดว่านายจะชนะไหม”
ยังคงจดจำวันนั้นได้อย่างเลือนราง สวีเช่อยืนพิงหน้าต่างอยู่ภายใต้แสงแดดที่สาดส่องเข้ามา เขาหันข้างมองย้อนแสงมายังตนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“แล้วนายคิดว่านายจะชนะเหรอ”
ไม่ใช่ว่าซูรุ่ยดูถูกสวีเช่อ เขาเพียงแค่มั่นใจในตัวเองสูงมากก้เท่านั้น บนโลกใบนี้มีเพียงเขา ที่เข้าใจซูหว่านและเป็นคนที่เหมาะสมกับเธอที่สุดคนนั้น
เมื่อเห็นแววตาเชื่อมั่นของซูรุ่ย สวีเช่อก็อมยิ้มเล็กน้อย “นายยังไม่เคยเห็นตัวตนที่แท้จริงของซูหว่าน นายยังไม่ได้สัมผัสกับโลกใบนั้นทั้งหมด ซูรุ่ย นายอยากรู้เกี่ยวกับอดีตของซูหว่านไหม”
อดีตของซูหว่าน…
โลกที่พังทลายใบนั้น
“ฉันกำลังทดลองซ่อมแซมทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนั้นขึ้นมาใหม่โดยใช้แบบจำลองเสมือนจริง ถ้าทำสำเร็จฉันจะแจ้งให้นายทราบ”
สวีเช่อสร้างโลกใบนั้นขึ้นมาใหม่สำเร็จแล้ว และเขาก็ยังใช้ช่องทางพิเศษมาแจ้งเตือนซูรุ่ยที่อยู่ในโลกอีกใบอีกด้วย…
นี่คือการเดินทางข้ามปริภูมิและเวลาแบบหนึ่ง
ซูหว่าน ผมมาแล้ว
ซูรุ่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง เวลานี้บนร่างกายของเขายังคงสวมใส่เสื้อผ้าของโลกอีกใบอยู่
อืม
ที่แท้นี่ก็คือความเป็นจริงเสมือนในตำนาน
ทุกอย่างล้วนเป็นภาพจำลอง แต่ทุกอย่างล้วนสมจริงไร้ที่เปรียบ
อดีตที่แท้จริง ตัวตนที่แท้จริง
ตอนที่เดินออกมาจากตรอกซอยนั้น ซูรุ่ยถึงกับแยกทิศทางไม่ออกชั่วขณะ ในโลกเสมือนจริงที่ไร้ขอบเขตแห่งนี้ พลังการรับรู้ของเขาถูกจำกัด แทบจะไม่สามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายของคนรอบข้างได้เลย
แต่ ซูรุ่ยเชื่อว่า สวีเช่อน่าจะเลือกตำแหน่งเริ่มต้นที่ไม่เลวให้กับตน อย่างน้อย ที่นี่ก็น่าจะอยู่ไม่ไกลจากซูหว่านมากหรอกมั้ง
ในตอนซูรุ่ยกำลังเดินไปตามถนนเรื่อยๆ จนมาถึงหัวมุมหนึ่ง จู่ๆ เขาก็มองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยเงาร่างหนึ่ง…
“อย่า อย่าตีฉัน!”
หญิงสาวผมยาวคนหนึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นกำลังถูกผู้หญิงกลุ่มหนึ่งรุมทำร้ายอยู่ ตอนนี้ผมของเธอยุ่งเหยิงไปหมด แต่ยังคงเผยให้เห็นใบหน้าที่เย็นชาและงดงามของเธออย่างชัดเจน
เสี่ยวหว่าน!
“หยุดนะ!”
ซูรุ่ยแทบจะพุ่งกระโจนเข้าไปดุจลูกศร จากนั้นก็ไม่พูดพำทำเพลงลงมือจัดการกับคนกลุ่มนั้นในทันที
“ภรรยา คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”
ซูรุ่ยพลันถามออกไปประโยคหนึ่งตามจิตใต้สำนึก มือหนาทั้งสองข้างกุมมือของหญิงสาวไว้แน่น
“คุณ…”
หญิงสาวช้อนดวงงามขึ้นมองชายหนุ่มรูปหล่อที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวตรงหน้าด้วยความสงสัย “คุณ…เป็นใคร”
เมื่อครู่เขาเรียกตนเองว่าอะไรนะ ใช่…จำคนผิดหรือเปล่า
ขณะที่หญิงสาวยังสับสนอยู่นั้น ซูรุ่ยก็ตั้งสติและคลายมือของตัวเองออก
ใช่…ซูหว่านไหม
ทั้งๆ ที่รูปร่างหน้าตาเหมือนมาก แต่ดูแล้วกลับรู้สึกว่ามีตรงไหนสักที่ไม่ค่อยเหมือน
หรือว่า นี่จะเป็นซูหว่านในอดีตอย่างนั้นเหรอ
คนที่ทั้งอ่อนแอน่าสงสารขนาดนี้ ไม่เหมือนกับซูหว่านที่ซูรุ่ยรู้จักเลยสักนิด
ในเวลานี้ รถยนต์ยี่ห้อจากัวร์สีดำที่จอดนิ่งอยู่ริมถนนมาตลอดก็เปิดประตูรถออก เผยให้เห็นรองเท้าหนังสีแดงคู่เล็กสะดุดตาผู้คนกำลังก้าวเข้ามา
“คุณหนูซู!”
ในตอนนั้นเอง กลุ่มผู้หญิงที่ถูกซูรุ่ยผลักออกไปด้านข้างก็รีบเข้ามาล้อมไว้ทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโห “คุณหนูซู คุณดูสิ ไม่รู้ว่านางแพศยาซูโหยวมันไปให้ท่าตาลุงคนนี้ยังไง ถึงได้กล้าลงมือกับพวกเรา!”
“หึ”
ผู้หญิงสวมชุดกระโปรงสั้นสีดำทั้งตัว เลิกคิ้วโก่งน้อยๆ จ้องมองไปที่ใบหน้าของซูรุ่ยด้วยสายตาเย็นชาน่ามอง “คุณลุง ฝีมือไม่เลวนี่คะ!”
ซูรุ่ยพูดไม่ออก…
คุณลุงหมายความว่ายังไง
“แค่กๆ”
ซูรุ่ยสะบัดผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างออก แล้วหันไปมองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีตื่นเต้น “เสี่ยวหว่าน?”
ให้ตายสิ นี่แหละถึงจะเป็นภรรยาเขา! รัศมีรอบกายแบบนี้สายตาเขาไม่มีทางมองผิดเด็ดขาด!
เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ซูหว่านถึงกับขมวดคิ้วเย็นชา “คุณรู้จักฉันเหรอ ซูโหยวบอกคุณสินะ หึ ซูโหยว เธอนี่ช่างมีเมตตาจริงๆ เลยนะ แม้แต่คุณลุงนี่เธอก็ยังไม่ปล่อย จิ๊ๆ”
“ไม่ ไม่ใช่นะ ฉัน…ฉันไม่รู้จักเขา”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ซูโหยวก็รีบอธิบายทันทีว่า เธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้จริงๆ!
“ไม่รู้จักเหรอ”
ซูหว่านแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อย “เมื่อกี้ตอนอยู่ในรถฉันได้ยินเขาเรียกเธอว่าภรรยานะ หรือคุณลุงคนนี้จะจำแม้กระทั่งภรรยาของตัวเองผิดงั้นเหรอ”
ซูรุ่ยพูดไม่ออกอีกครั้ง…
ให้ตายสิ เขาพูดได้ไหมว่าเขาจำคนผิดจริงๆ
เขาจะรู้ได้ยังไงว่าพี่สาวของซูหว่านคนนั้นจะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันกับเธออย่างกับแกะขนาดนี้! ลูกพ่อเดียวกันแต่คนละแม่กลับมีหน้าตาเหมือนกันอย่างกับฝาแฝด มันไม่ถูกต้องตามหลักการวิทยาศาสตร์เลยนะโอเคไหม
“ซูหว่าน คุณฟังผม…”
ซูรุ่ยยกมือขึ้นหวังจะจับแขนของซูหว่าน แต่ซูหว่านกลับหลบออกอย่างรวดเร็ว
เธอแสดงสีหน้ารังเกียจมองผู้ชายแปลกหน้าที่อยู่ตรงหน้าตน…
คุณจะบอกว่ารูปร่างหน้าของคุณหล่อมากนักใช่ไหม แต่พอเห็นสาวน้อยเข้าหน่อยก็เอื้อมมือมาแตะเนื้อต้องตัวกันแล้ว ใช้ได้ที่ไหนกัน
สมกับเป็นพวกหื่นกามประเภทเดียวกับนางแพศยาซูโหยวจริงๆ
“คุณอย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะมองซูรุ่ยเพื่อเป็นการเตือน “ว่าที่สามีของฉันกำลังจะมาแล้ว”
ว่าที่สามี!
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ซูรุ่ยถึงกับอึ้งตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น…
ว่าที่สามีบ้าอะไรอีกเนี่ย
“ปิ๊นๆ”
ทันใดนั้น ก็มีรถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์สีดำมาจอดอยู่ด้านหลังรถของซูหว่าน บีบแตรพร้อมกับเปิดประตูออก ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งเดินลงมาจากรถอย่างแช่มช้า
“สิงอี้!”
เมื่อเห็นว่าที่สามีของตัวเอง ซูหว่านก็ยิ้มแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาทันที
“เสี่ยวโหยว!”
แต่สิงอี้กลับรีบเดินเข้าไปหาซูโหยวก่อน เมื่อเห็นท่าทางสะบักสะบอมของเธอ สิงอี้จึงหันไปมองซูหว่านด้วยแววตาและใบหน้าเยือกเย็นทันที “ซูหว่าน! คุณทำอะไรกับเสี่ยวโหยว เธอเป็นพี่สาวของคุณนะ! ทำไมคุณใจร้ายได้ถึงขนาดนี้”
“ฉัน…”
ซูหว่านกัดริมฝีปากแน่น กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
เสียง “พลั่ก” ดังขึ้น ร่างของสิงอี้ถูกแม่ทัพซูถีบลอยออกไป
ไอ้ผู้ชายสารเลว!
ซูรุ่ยหน้าเย็นชา ย่ำเท้าราวกับเหยียบเมฆท่องสายลม
“คุณทำอะไร”
ซูหว่านถลึงตาใส่ซูรุ่ยทีหนึ่ง ขณะกำลังจะก้าวเท้าวิ่งไปหาสิงอี้ แต่แขนของเธอกลับถูกถูกรุ่ยที่อยู่ข้างๆ จับไว้แน่น
“อย่าไป”
“คุณปล่อยนะ! คุณบ้าไปแล้วหรือเปล่า!”
ซูหว่านมองถลึงตาใส่ซูรุ่ยอีกครั้ง แต่ซูรุ่ยก็ไม่ยอมปล่อยมือ
เขาไม่มีทางปล่อยให้ใครหน้าไหนมีโอกาสทำร้ายซูหว่านเด็ดขาด ไม่มีทาง
ประสาท!
ซูหว่านก่นด่าจากก้นบึ้งของหัวใจคำหนึ่ง จากนั้นก้มลงไปกัดที่ข้อมือของซูรุ่ยอย่างแรง
ซี๊ด
สาวน้อยนี่ถนัดกัดจริงๆ ไม่นาน ข้อมือของซูรุ่ยก็มีเลือดไหลซิบๆ ออกมาแล้ว แต่เขากลับสูดอากาศเย็นเยียบเข้าไปเฮือกหนึ่ง แล้วยังคงยิ้มออกมาพร้อมกับจับซูหว่านอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อยมือ
“เด็กดี รีบปล่อยผมเถอะ สามีของคุณใกล้จะถูกคุณกัดจนพิการแล้ว”
“นาย…นายพูดบ้าอะไร!”
ซูหว่านหน้าแดงก่ำค่อยๆ คลายปากของตัวเองออก บนริมฝีปากยังมีเลือดของซูรุ่ยติดอยู่ “คุณนี่ไม่มีเหตุผลจริงๆ เห็นใครก็คิดจะเอาเปรียบ งั้นให้ผู้หญิงทุกคนบนโลกเป็นภรรยาของคุณหมดเลย คุณพอใจหรือยัง”
“ไม่ ผมต้องการแค่คุณ”
ซูรุ่ยค่อยๆ ยกแขนที่บาดเจ็บขึ้นมา แล้วใช้นิ้วมือเช็ดมุมปากของซูหว่าน
“โรค จิต”
ซูหว่านหน้าเปลี่ยนสี ถอยหลังไปหลายก้าว สายตามองไปยังสิงอี้ที่ถูกคนขับรถช่วยพยุงขึ้นมา ซูหว่านรีบวิ่งกลับไปขึ้นรถของตัวเองอย่างรวดเร็ว
“ลุงหลิน รีบออกรถ”