ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 9 บททดสอบบำเพ็ญเพียร (9)
เรือเดินทะเลของสำนักจื่อหยางเป็นศาสตราเวทชั้นสูงจากสมบัติล้ำค่าทั้งหมดของสำนัก เรือทั้งลำไม่เพียงแต่มีการป้องกันขั้นสูงเท่านั้น ยังมาพร้อมกับพลังโจมตีที่น่ากลัวมาก ดังนั้นเรือลำนี้จึงเดินทางไปในทะเลตะวันตกและไม่เคยเกิดอุบัติเหตุใดๆ เลยเป็นเวลาหลายร้อยปี แม้ว่าบังเอิญมีอสูรประหลาดจากทะเลโผล่เข้ามาสร้างปัญหา มันก็จะถูกฆ่าอย่างรวดเร็วโดยเหล่าศิษย์ของสำนักจื่อหยางที่มากับเรือ
ซูหว่านและจิวได้รับการจัดเตรียมห้องสองห้องที่ติดกันไว้ให้ในชั้นสอง ในเวลานี้ ซูหว่านได้วางโลลิต้าตัวน้อยที่ลักพาตัวมาไว้บนเตียงใหญ่
เด็กสาวบนเตียงมีใบหน้าแดงก่ำ ขนตาสั่นเล็กน้อยและมีสัญญาณของการตื่นขึ้นโดยไม่คาดคิด
เอ่อ
จะใช้เคล็ดวิชาหลับใหล ทำให้นางหลับต่อไปดีหรือไม่
ในขณะที่ซูหว่านกำลังลังเล นั้น โลลิต้าตัวน้อยที่อยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้นในทันใด ดวงตาทั้งคู่ที่ใสสะอาดบริสุทธิ์และน่าดึงดูดจ้องมาที่ใบหน้าของซูหว่านอย่างไม่กะพริบตา
ซูหว่านตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด เมื่อเห็นใบหน้าที่น่ารักและดวงตาที่บริสุทธิ์เช่นนี้ นางก็รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก รู้สึกสบายใจมาก
ดวงตาเช่นนี้ โลลิตัวน้อยเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะเคยปรากฏตัวขึ้นในชีวิตของนางมาก่อน
ใช่สักที่หนึ่งในโลกภารกิจไหมนะ คิดไม่ถึงว่าซูหว่านเองก็นึกไม่ค่อยออกแล้ว
“ท่านแม่?”
โลลิตัวน้อยกะพริบตาปริบๆ และตะโกนด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา
ซูหว่านที่อยู่ด้านข้างก็ส่ายศีรษะด้วยความเขินอายทันที “ไม่ๆ ไม่ใช่ ข้าไม่ใช่ท่านแม่ของเจ้า ข้าคือ…”
“พี่สะใภ้?”
เด็กสาวเอียงศีรษะ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาขณะมองไปยังซูหว่าน “ข้ารู้สึกได้ บนตัวของท่านมีลมปราณของท่านพี่ ท่านเป็นพี่สะใภ้ใช่หรือไม่”
“เอ่อ”
แววตาของซูหว่านเปลี่ยนไปและยิ้มให้โลลิตัวน้อยทันที “ใช่ ข้าเป็นพี่สะใภ้ของเจ้า ครั้งนี้ท่านพี่ของเจ้าขอให้ข้าพาเจ้าไปที่แดนเซียนคุนหลุนเพื่อกราบไหว้อาจารย์ร่ำเรียนศิลปะ แต่ว่า อย่าให้คนนอกรู้ตัวตนของเจ้าเด็ดขาด เจ้าเข้าใจหรือไม่”
“อ้อ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน เด็กสาวตัวน้อยก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟังมาก “เชียนเอ๋อร์รู้แล้ว เรื่องเหล่านี้ท่านพี่เคยสอนมาก่อน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องไม่บอกคนอื่นว่าข้าเป็นใคร”
ในฐานะทายาทของเผ่าพันธุ์นั้น ต้องไม่ให้ผู้ใดรับรู้ได้ถึงสายเลือดพิเศษในร่างกายของตัวเอง มิฉะนั้น สิ่งที่รอตัวนางและท่านพี่ของนางคงไม่ง่ายเหมือนการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์
ที่แท้พี่สาวงดงามผู้นี้เป็นพี่สะใภ้ของตัวนางจริงๆ! นึกไม่ถึงเลยว่าท่านพี่จะบอกความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตัวเองกับนางแล้ว
ในเวลานี้เชียนเอ๋อร์ได้เชื่อซูหว่านที่อยู่ตรงหน้านางไปโดยสมบูรณ์แล้ว และเมื่อซูหว่านเห็นน้องสาวของคุณชายมั่วให้ความร่วมมือด้วยโดยไม่คาดคิด นางก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “เอาล่ะ เชียนเอ๋อร์ใช่หรือไม่ เจ้าพักผ่อนอีกเสียหน่อยเถอะ ตอนนี้พวกเราอยู่บนเรือเพื่อไปยังแดนเซียนคุนหลุน เจ้าจงจำไว้ว่านอกจากคำพูดของพี่สะใภ้แล้ว เจ้าก็ไม่ต้องไปเชื่อคำพูดทั้งหมดของผู้อื่นที่พูดกับเจ้าเด็ดขาด เจ้าจำได้หรือไม่”
“อื้อๆ”
เชียนเอ๋อร์พยักหน้าอย่างจริงจัง “พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวล เชียนเอ๋อร์จำได้แล้ว!”
เด็กดี เป็นเด็กดีอะไรอย่างนี้!
เมื่อเห็นเชียนเอ๋อร์หลับตาลงอย่างเชื่อฟังอีกครั้ง ซูหว่านก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก โชคดีที่เจ้าโลลิตัวน้อยนี้เกลี้ยกล่อมง่าย เรือลำนี้ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะไปถึงแดนเซียนคุนหลุน ระหว่างทางจะมีข้อผิดพลาดใดเกิดขึ้นไม่ได้ ซูหว่านไม่อยากถูกจับได้เร็วเกินไปนัก!
นางยังมีเรื่องที่สำคัญมากที่ยังไม่ได้ทำเลย
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซูหว่านก็รู้สึกสับสนในใจอีกครั้ง นางร่ายคาถาชำระจิตใจสองสามคำในความเงียบ ในที่สุดก็ค่อยๆ สงบลง
ในคืนแรกเหนือทะเลตะวันตก คลื่นลมสงบ และไม่ฝันอะไรทั้งคืน
วันรุ่งขึ้น เมื่อซูหว่านตื่นขึ้นมา เชียนเอ๋อร์ก็ตื่นแล้ว นางมองดูซูหว่านด้วยดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์ “พี่สะใภ้ ข้านอนไปนานมากแล้วใช่หรือไม่ ตอนนี้ท่านพี่สบายดีหรือไม่”
ความทรงจำของเชียนเอ๋อร์ยังคงหยุดอยู่ในปีที่ตัวนางอายุได้เจ็ดขวบ เมื่อนางสลบไสลอยู่นางก็ตื่นขึ้นมาบ้างเป็นบางครั้ง และบางครั้งก็เงียบงัน ดังนั้นนางจึงไม่รู้จริงๆ ว่านางหลับไปนานแค่ไหน นางเพียงแค่รู้สึกว่ามันน่าจะเป็นเวลาหลายปีต่อมาแล้ว
เมื่อได้ยินคำถามของเชียนเอ๋อร์ ซูหว่านก็ลูบผมสีดำบนศีรษะของนางเบาๆ “เชียนเอ๋อร์เด็กดี เจ้านอนหลับไปไม่นานเลย ท่านพี่เขาก็สบายดี อีกไม่นานเจ้าก็จะได้พบเขาแล้ว”
“อืมๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน เชียนเอ๋อร์ก็พยักหน้าอย่างแรงทันที
และดอกเหมยน้อยที่แสร้งทำเป็นปิ่นปักผมเล็กๆ สิ่งใดก็ไม่ได้ทำเลย ในเวลานี้กำลังมองซูหว่านและเชียนเอ๋อร์อย่างเงียบๆ…
เจ้างูน้อยดูจะใจดีกับน้องสาวของคุณชายมั่วเป็นพิเศษนะ
จริงสิ พี่จิวบอกไว้ว่า ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปากไม่ตรงกับใจ เช่นนี้นเจ้างูน้อยชอบคุณชายมั่วหรือไม่นะ
แต่ว่านางเป็นงูนะ งูเป็นสัตว์เลือดเย็นไม่ใช่หรือ
ดอกเหมยน้อยรู้สึกว่าโลกนี้ช่างซับซ้อนเหลือเกิน ชั่วขณะหนึ่ง นางกระทั่งไม่อยากฝึกบำเพ็ญเพียรเป็นมนุษย์แล้ว…
เมื่อเห็นเชียนเอ๋อร์ฟื้นขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง จิวเป็นคนที่ดีใจที่สุดแล้ว นางพยายามเข้าใกล้เชียนเอ๋อร์อยู่ตลอด น่าเสียดายที่ทำอย่างไรมันก็เป็นการเสียแรงไปโดยเปล่าไร้ประโยชน์
ดูเหมือนเชียนเอ๋อร์จะเชื่อเพียงซูหว่านเท่านั้น นางไม่เชื่อว่าจิวเป็นคนรับใช้ของท่านพี่นางเลย…
“เจ้าไม่ใช่คนใกล้ตัวของท่านพี่ บนตัวเจ้าไม่มีกลิ่นของท่านพี่!”
สำหรับสิ่งนี้ เสี่ยวเชียนเอ๋อร์เชื่อมั่นไม่คลางแคลง
จิว “…”
นี่มันเหตุผลอันใดกัน ตนเองอยู่กับเจ้านายมาหลายปีแล้วเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่มีกลิ่นอายของเจ้านาย
และถึงแม้ตัวเองจะไม่มีกลิ่นอายของเจ้านายจริงๆ แล้วเจ้างูน้อยตัวนั้นจะมีกลิ่นอายของนายท่านได้อย่างไรกัน เอ๊ะ! จิวรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้ค้นพบความลับที่ยิ่งใหญ่เข้าแล้ว…
เจ้างูน้อยกับนายท่าน แท้จริงแล้วลับหลังตนเองกับดอกเหมยน้อยแอบทำสิ่งใดกัน
ในความเป็นจริง ซูหว่านก็ยังคงงงงวย เหตุใดน้องสาวของคุณชายมั่วจึงยืนยันว่านางมีกลิ่นอายของคุณชายมั่วในตัวนาง
นางตัดสินได้อย่างไรกัน
จิวไม่แน่ใจ ซูหว่านเองก็ไม่เข้าใจ มีเพียงเชียนเอ๋อร์เท่านั้นที่รู้ บนโลกนี้เคยมีเผ่าพันธุ์หนึ่ง แต่ไหนแต่ไรมาพวกเขาไม่ได้มองคนจากภายนอก แต่ดูที่จิตวิญญาณของคนนั้น
แม้ว่าเชียนเอ๋อร์จะหลับใหลไปในช่วงหลายปีมานี้ แต่ว่าจิตสำนึกทางจิตวิญญาณของนางยังคงอยู่ที่นั่น นางสามารถสัมผัสถึงจิตวิญญาณของพี่ชายนางได้ แม้ว่า…วิญญาณจะผันผวนอย่างรุนแรงเมื่อสิบปีที่แล้ว แต่ว่า เชียนเอ๋อร์รู้ว่าพี่ชายก็คือพี่ชาย
ในเวลานี้หญิงสาวชุดเขียวที่อยู่ตรงหน้า ในวิญญาณนางมีกลิ่นอายของพี่ชายฝังอยู่
เชียนเอ๋อร์จำสิ่งที่ท่านพ่อของนางเคยบอกได้ว่า ขอเพียงในยามที่ต่างคนต่างมองว่าเป็นความรักในชีวิตของกันและกันเท่านั้น กลิ่นอายของคนสองคนจะปะปนกันไป และก็จะสลักลึกลงในจิตวิญญาณของกันและกันไม่มีวันผิดพลาด
ดังนั้น เสี่ยวเชียนเอ๋อร์ผู้เลอะเลือนในสายตาของจิวผู้นี้ แท้จริงแล้วกลับเป็นคนที่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง…
เมื่อเผชิญหน้ากับการต่อต้านซ้ำซากของเสี่ยวเชียนเอ๋อร์ ในที่สุดจิวก็ยอมแพ้ อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงแดนเซียนคุนหลุน เจ้างูน้อยกับดอกเหมยน้อยก็จะบินหนีไปไกลแล้ว ตัวเองพาบรรพบุรุษตัวน้อยนี้กลับไปรายงานผลก็พอแล้ว เรื่องอื่นๆ เฮ้อ หัวใจดวงนั้นของข้ารับไม่ได้หรอก!
ในวันที่สามของการเดินเรือ พวกเขาถูกโจมตีโดยกลุ่มของอสูรทะเลดุร้าย เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของอสูรทะเล ผู้บำเพ็ญเพียรบนเรือก็ได้ช่วยชีวิตผู้บำเพ็ญเพียรสองคนที่ได้รับบาดเจ็บมาจากในทะเล
“คุณหนูจิว”
เมื่อรู้ว่าจิวมาจากหุบเขาสมุนไพร ผู้บังคับบัญชาบนเรือก็รีบมาพบนางทันที แสดงออกด้วยความเคารพ เชิญนางลงไปที่ห้องโดยสารด้านล่างเพื่อดูอาการผู้บาดเจ็บทั้งสองคน
ด้วยเหตุนี้ จิวจึงทำได้เพียงตอบตกลง
แต่ว่า ในฐานะดอกไม้กินผู้อหังการแล้ว นางทำได้เพียงกินคน นางจะช่วยคนเป็นได้อย่างไรกัน เพียงแต่ตอนนี้ที่อยู่บนเรือ นางก็เหมือนขี่หลังเสือลงยากแล้ว หากปฏิเสธตัวตนของตัวเองในเวลานี้ ให้ตายเถิด นางกับเจ้างูน้อยจะต้องถูกทุกคนสงสัยเป็นแน่ ไม่แน่ว่าอาจจะโดนพวกคนเลวนั่นโยนลงทะเลตะวันตกเพื่อเลี้ยงอสูรทะเลก็ได้ เพียงแค่คิดก็หวาดกลัวแล้ว
“เจ้างูน้อย เจ้างูน้อย เจ้าต้องช่วยข้านะ! เจ้ากับคุณชายดีต่อกันถึงเพียงนั้น เจ้าต้องรู้วิธีรักษาและช่วยชีวิตคนแน่ใช่ไหม”
จิวพาซูหว่านลงไปที่ห้องโดยสารด้านล่างด้วยกัน และแอบกระซิบกระซาบบอกนางขณะที่เดินไปด้วย
ซูหว่านนึกในใจ อะไรที่เรียกว่าฉันกับคุณชายดีต่อกันเช่นนั้น เขาจะฆ่าข้า นี่เจ้าตาบอดหรือ
แค่กๆ ช่างเถอะ เพื่อประโยชน์ในการนั่งเรือลำเดียวกัน ก็ทำได้เพียงช่วยเจ้าให้ผ่านความผิดพลาดไปด้วยกันแล้ว