ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 5 บททดสอบบำเพ็ญเพียร (5)
หุบเขาสมุนไพรตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลตะวันตก ถัดจากภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูกของภูเขาหมื่นปีศาจ สถานที่ที่รวบรวมปราณบริสุทธิ์ของโลกหล้า
คุณชายมั่วพาซูหว่านและดอกเหมยน้อยตรงกลับไปที่บ้านของตนเองในหุบเขาสมุนไพร ที่นี่เป็นเรือนที่แยกออกมาเป็นอิสระ ยังไม่ทันที่จะเข้าประตูไปก็ได้กลิ่นหอมกรุ่นของสมุนไพรวิญญาณ
“นายท่าน นายท่าน ท่านกลับมาแล้ว!”
ก่อนที่คุณชายมั่วจะเข้าประตูไป ก็มีเสียงดีใจปนประหลาดใจดังออกมาจากในเรือน จากนั้นเถาวัลย์จำนวนนับไม่ถ้วนก็โผขึ้นไปต้อนรับเขา
เมื่อสัมผัสได้ถึงปราณปีศาจอันตรายที่จู่โจมในชั่วขณะนั้น ดอกเหมยน้อยก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาและหลบอยู่ข้างหลังของคุณชายมั่ว
ลมปราณที่น่ากลัวเช่นนี้ คงจะเป็น…
“จิว เงียบหน่อย”
คุณชายมั่วยิ้มและทำให้กิ่งไม้เหล่านั้นสงบลงด้วยนิ้วของเขา เมื่อได้ยินคำพูดของเขา กิ่งไม้เหล่านั้นทั้งหมดก็หดตัวกลับไป ทันใดนั้นจิวก็ค่อยๆ ส่งเสียงอย่างน้อยใจออกมา “นายท่าน นายท่าน ข้าหิวแล้ว ข้าหิวเหลือเกิน”
ขณะที่พูดจิวก็ค่อยๆ เคลื่อนกายเข้ามาใกล้คุณชายมั่ว ร่างกายของนางเป็นดอกไม้กินคนที่สูงพอๆ กับมนุษย์ และตอนนี้ดอกไม้กินคนที่มีสีสันสวยงามและลมปราณปีศาจชั่วร้าย กลับโน้มเอียงตัวลงจากกระถางมาอิงแอบข้างกายของคุณชายมั่วและขายความน่ารักของมันออกมา “นายท่าน นายท่าน ยามที่ท่านไม่อยู่พวกเขาทั้งหมดล้วนรังแกข้า ไม่ให้ข้าวไม่ให้อาหารข้ากิน ข้าน่าสงสารมากจริงๆ หือ นี่คือสิ่งใดกัน งูพิษหรือ ไอ้หยา ถึงแม้จะมีพิษ แต่ข้าก็ไม่รังเกียจหรอกนะ! เป็นอาหารที่นายท่านจะให้ข้าหรือ นายท่านช่างแสนดีเสียจริง ท่าน…”
จิวยังพูดไม่ทันจบ คุณชายมั่วที่อยู่ด้านข้างก็ผละออกไปพร้อมกับซูหว่านที่อยู่ในอ้อมแขนแล้ว เขากลับไปที่ห้องของตนเอง ก่อนปิดประตู เขาโยนดอกเหมยน้อยที่อยู่บนไหล่ลงไปบนกิ่งก้านและใบของจิว “เจ้าช่วยข้าดูแลนางก่อน อย่าทำให้นางตกใจกลัว!”
“โอ๊ะ โอ้ๆ”
จิวตอบรับกลับไปสองสามคำ หลังจากมั่นใจว่าคุณชายมั่วจากไปแล้ว นางก็รีบเคลื่อนกลับไปที่มุมกำแพงอย่างรวดเร็วทันที กระซิบอย่างดุดัน “หึๆ ดอกเหมยเล็กๆ หนึ่งดอกกล้าแข่งกับข้ารึ เจ้ามาจากทางไหน เคยกินคนหรือ เคยดื่มเลือดหรือ”
ดอกเหมย…
งูน้อย เจ้างูน้อยรีบมาช่วยข้าด้วย พี่สาวดอกไม้คนนี้ช่วงน่ากลัวนัก!
“นี่”
ในยามที่เจ้าดอกเหมยน้อยตัวสั่น จิวก็ได้ห้อยกลีบดอกไม้ลงมาแล้วพูดต่อไปอย่างชั่วร้าย “อย่าคิดว่าเจ้าเกิดมาตัวเล็กน่ารักแล้วจะได้รับความรักจากนายท่าน ข้าจะบอกเจ้าให้นะ แต่ไหนแต่ไรมานายท่านไม่เลี้ยงคนไม่มีประโยชน์! เด็กน้อยที่ไม่เคยดื่มแม้กระทั่งเลือดมาก่อน ก็ยังคิดจะแข่งกับข้าหรือ หึ!”
ดื่มเลือด มันก็แค่ดื่มเลือดไม่ใช่รึ เอ่อ ดอกไม้ต้องดื่มเลือดด้วยหรือ
ในเวลานี้ดอกเหมยน้อยงงงวยไปแล้ว ต้องบอกว่าตลอดช่วงเวลาหลายปีในการบำเพ็ญเซียนของนางนั้น มีเพียงคนสองคนที่มีอิทธิพลต่อนางมากที่สุด
คนแรกก็คือซูหว่าน ผู้เป็นสหายคนแรก และก็เพียงพอต่อการใช้ชีวิตเป็นตายของนางหลังจากที่นางเบิกสติตื่นรู้แล้ว
และคนที่สองที่ส่งผลประทบต่อนางอย่างลึกซึ้งก็คือจิว ผู้สอนนางให้กลายเป็นดอกเหมยที่ดุร้าย…กินคน ดูดเลือด
ไอ้หยา ไอ้หยา ทั้งหมดนี้เป็นผลงานชิ้นเอกของพี่จิว ดอกเหมยน้อยได้เรียนรู้แล้ว…
แน่นอน นี่ล้วนเป็นเรื่องในภายหลัง ในเวลานี้ดอกเหมยที่ยังไม่โตเต็มที่และไร้เดียงสาก็กำลังสั่นสะท้านด้วยความตกใจ และในเวลาเดียวกัน ภายในห้อง คุณชายมั่วนำร่างงูทั้งตัวของซูหว่านแช่ลงในอ่างยาของเขา
นางยังสลบไสลไม่ได้สติอยู่ แต่ลมปราณกลับมั่นคงมาก
สายตาของคุณชายมั่วตกอยู่บนหางงูของซูหว่าน ลวดลายสีทองตรงส่วนปลายหางสีแดงไหม้ในเวลานี้ สีทองค่อยๆ เปล่งแสงอ่อนๆ และแสงเหล่านั้นก็ซ่อมแซมร่างกายของซูหว่านอย่างต่อเนื่อง
แสงสีทองนี้คือ…
เมื่อเห็นแสงสีทอง คุณชายมั่วก็ตะลึงไป เขายกมือขึ้นโดยไม่รู้ตัวเพื่อสัมผัสแสงสีทองนั้น แต่ในวินาทีถัดมาเขาก็ชักมือกลับราวกับถูกไฟฟ้าช็อต
อันตราย!
แสงสีทองนั้นมีลมปราณอันตรายที่อธิบายไม่ได้และยากจะหยั่งรู้
นั่น แท้จริงแล้วคือสิ่งใดกัน
คุณชายมั่วจ้องมองไปที่ร่างของซูหว่านอีกครั้ง…ตอนที่อยู่ในป่า เขาควรจะจัดการนางให้ราบคาบในคราวเดียว แต่ว่า เหตุใดยามนั้น จู่ๆ เขาจึงไม่สามารถลงมือต่อไปได้กันนะ
ความรู้สึกคุ้นเคยเป็นพิเศษเช่นนั้น แท้จริงแล้วคือสิ่งใดกัน
เขาถอนหายใจออกมา หันไปด้านข้างและเรียกเตาหลอมปีศาจของเขาออกมาจากถุงเก็บของ และกลั่นยาถอนพิษอย่างเงียบๆ
หลังผ่านไปสองชั่วยาม
สติของซูหว่านก็ค่อยๆ กลับมา นางสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในร่างกายของนางเอง มีปราณร้อนที่สบายมากเป็นพิเศษกำลังไหลเวียนอยู่ในร่างกายของนางตอนนี้ นั่นคือ…
ปราณวิญญาณ?
ไม่ ไม่ใช่ปราณวิญญาณ เป็นของที่ดีกว่าปราณวิญญาณหมื่นเท่า หรือจะเป็น…ปราณเซียน?
ซูหว่านตกตะลึงไปกับการคาดเดาของตัวเอง ที่นี่ไม่ใช่แดนเซียนเสียหน่อย ไหนเลยจะมีเซียนมากมายขนาดนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น แผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์ก็เงียบเหงามานานนับพันปี ในตอนนี้ทรัพยากรในมิตินี้นั้นหายาก เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรก็ลดลงอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน ในแผ่นดินกว้างใหญ่นี้ไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรให้เห็นมาเกือบพันปีแล้ว
การบำเพ็ญเพียรนั้นยาก และการบรรลุเป็นเซียนนั้นยากยิ่งกว่ายาก!
ซูหว่านค่อยๆ ลืมตาขึ้น นางพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ในเวลานี้ ร่างงูทั้งหมดของนางล้วนม้วนขด คุณชายมั่วก็นั่งอยู่ข้างเตียง จ้องมองมาที่นางโดยไม่ขยับเขยื้อน เมื่อเห็นว่าตัวนางตื่นแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา และยกมือขึ้นยื่นยาเม็ดสีแดงเลือดส่งมาตรงหน้าของนาง “กินนี่เสีย จะดีต่อตัวเจ้าเอง”
เมื่อปราณวิญญาณที่แสนหอมหวนจากยาเม็ดนั้นลอยเข้ามาให้ได้กลิ่น ซูหว่านก็อดกลืนน้ำลายลงไปไม่ได้ ปราณวิญญาณที่เพียงพอ! ผู้คนในหุบเขาสมุนไพรมีฝีมือไม่ธรรมดาเลย!
เพียงแต่…
“เหตุใดเจ้าจึงช่วยข้า ดอกเหมยน้อยล่ะ”
ซูหว่านไม่หลงใหลไปกับเสน่ห์และความสง่างามของคุณชายมั่ว จิตใจของนางยังคงสงบนิ่ง แม้ว่าระดับการบำเพ็ญเพียรของนางในตอนนี้ยังไม่เพียงพอให้นางเปล่งเสียงมนุษย์ได้ แต่นางก็สามารถสื่อสารกับผู้คนที่มีพลังจิตแกร่งกล้าได้นานแล้ว
เมื่อได้ยินคำถามของซูหว่าน คุณชายมั่วก็ตอบอย่างใจเย็น “ข้ารับปากนางไว้ว่าจะช่วยชีวิตเจ้า เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ข้าจะนำนางมากลั่นยา!”
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณชายมั่ว สีหน้าของซูหว่านก็เปลี่ยนไปทันที ดอกเหมยน้อยช่างโง่อะไรเช่นนี้ แท้จริงแล้วเพื่อตัวนาง…
“ตอนนี้นางเป็นหรือตาย”
ซูหว่านรีบถามออกไปทันที คุณชายมั่วที่อยู่ด้านข้างยิ้มออกมา “นางยังมีชีวิตอยู่”
“ดีแล้ว”
ซูหว่านถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นนางก็ขยับกาย หางงูสะบัดไปมาและโยนยากลับเข้าไปในมือของคุณชายมั่ว “ยาของเจ้าข้าไม่ต้องการ ชีวิตของข้าก็ไม่ใช่เจ้าที่ช่วยเอาไว้ ดังนั้นข้อตกลงของพวกเจ้าจะถูกยกเลิกเดี๋ยวนี้!”
เอ่อ
คุณชายมั่วมองไปที่ซูหว่านด้วยใบหน้าทะมึน “เจ้าคิดว่า อยู่ในหุบเขาสมุนไพรนี้เจ้าพูดเช่นไรก็เป็นเช่นนั้นหรือ”
“โอ้ เช่นนั้นเจ้าคิดจะพูดแล้วคืนคำสินะ คนของหุบเขาสมุนไพรล้วนไร้ยางอายเช่นนั้นหรือ”
ซูหว่านบิดกายของนาง ยืดศีรษะขึ้น ดวงตาสีแดงของนางจ้องมองไปยังใบหน้าของคุณชายมั่วอย่างเอาเป็นเอาตาย “เช่นนี้สิ ข้ากับดอกเหมยน้อยตกลงเซ็นสัญญากับเจ้า ทำงานให้เจ้าสิบปี เจ้าคิดเช่นไร อย่าบอกข้านะว่าเจ้าจะเอานางไปกลั่นยาให้ได้ หากจะต้องใช้นางจริงๆ สิบปีก่อนเจ้าคงไม่ปล่อยนางไปแล้ว”
“ทำงานสิบปี?”
คุณชายมั่วจ้องมองไปที่ซูหว่านด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปากและดวงตาของเขา “เจ้าคิดจะใช้เรือนข้าในการฝึกบำเพ็ญเพียรสินะ เจ้ารู้หรือไม่ว่าสมุนไพรพวกนั้นของข้ามีค่ามากแค่ไหน เจ้าสิบคนก็ยังไม่สามารถซื้อครึ่งหนึ่งของหญ้าเซียนได้!”
“นั่นสำหรับมุมมองของเจ้า สำหรับข้าแล้ว สมุนไพรในสวนของเจ้าก็ไม่ได้มีค่าเท่ากับเกล็ดล้ำค่าบนร่างกายของข้า”
ซูหว่านเงยหน้าขึ้นและตอบกลับอย่างเย็นชา
คุณชายมั่ว…
ในฐานะงูตัวหนึ่ง เจ้าถือดีเช่นนี้มันดีแล้วหรือ
ในเวลานี้ คุณชายมั่วคิดไม่ถึงเลยว่าคำพูดหยอกล้อของซูหว่านในวันนี้ จะเป็นเรื่องจริงในอนาคต…
ไม่ต้องพูดถึงการนำสมบัติล้ำค่าในเรือนมาแลกเปลี่ยน ต่อให้ท่านนำสมบัติล้ำค่าของทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์มาแลกเปลี่ยน ในใจของเขา มันก็ไม่ได้มีค่าเท่ากับเกล็ดบนร่างกายของนาง
ในโลกนี้ย่อมมีสมบัติล้ำค่าที่แม้แต่ทองนับหมื่นก็แลกไม่ได้ อย่างเช่น นางที่เป็นของเขา