ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 35 บททดสอบบำเพ็ญเพียร (35)
วังใต้ดินอันมืดมิด ถูกแสงสีน้ำเงินทำให้ส่องสว่างขึ้น
ณ เวลานี้ ซูหว่านได้กลายร่างเป็นมนุษย์อีกครั้ง เมื่อมองไปยังหนึ่งชายหนึ่งหญิงแปลกหน้าที่อยู่ตรงหน้า นางก็ขยับตัวเข้าไปหาสวีเช่อโดยไม่รู้ตัว
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
เมื่อได้ยินคำถามของซูหว่าน สวีเช่อก็ขมวดคิ้ว และมองไปยังหญิงสาวที่มีใบหน้างดงามแต่เย็นชาตรงหน้าและชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มแบบจิ้งจอกด้านข้างด้วยความสงสัย “เป็นพวกเจ้าที่พาพวกข้าสองคนมายังที่นี่”
“ไม่ใช่ข้า”
ชายที่อยู่ด้านข้างยังคงสวมชุดพรรคเทียนอวิ๋นแย้มยิ้มและขมวดคิ้วพลางพูดว่า “นางเป็นคนทำ”
เขาชี้นิ้วไปยังหญิงสาวที่สวมชุดสีดำที่อยู่ด้านข้าง
หญิงสาวในชุดดำยังคงมีสีหน้าไร้ความรู้สึก เมื่อสัมผัสถึงสายตาของสวีเช่อที่กำลังจับจ้องมายังตนเอง ดวงตาของหญิงสาวก็กะพริบเล็กน้อย และเปิดปากพูดเสียงเย็นชาว่า “นายน้อย ข้าเป็นคนพาพวกท่านมาเอง แต่พี่ใหญ่ไป๋เย่เป็นคนออกความคิด”
ราชาปีศาจไป๋เย่?
ซูหว่านและสวีเช่อต่างหันหน้าไปมองศิษย์พรรคเทียนอวิ๋นที่มีใบหน้าธรรมดาผู้นั้น ในเวลานี้ทั้งรูปร่างและหน้าตาของเขากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง
ไม่ผิด ไป๋เย่ก็เหมือนกับเซวียนหยวนสือ ล้วนแฝงตัวเข้ามาอยู่ในโลกใบเล็กนี้
แน่นอนว่า เซวียนหยวนสือพึ่งพิงกำลังของตนเอง นางปกปิดพลังปราณเดิมของตนเอง และใช้ฐานะของศิษย์พรรคหยินกุ่ยปะปนเข้ามาในนี้ แต่ไป๋เย่เลือกใช้วิธีที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม เขาใช้ประโยชน์ในตอนที่ซูหว่านเกิดวันนั้น แย่งสิทธิ์รายชื่อคนหนึ่งจากเทียนสิงจื่อมา จากนั้นก็แปลงร่างเป็นศิษย์พรรคเทียนอวิ๋น ตามเข้ามาในนี้อย่างสง่าผ่าเผย
เมื่อเห็นทุกคนต่างมองมาที่ตนในตอนนี้ ไป๋เย่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงเบา “นายน้อย ข้ากระซิบบอกเสี่ยวสืออย่างลับๆ ให้ใช้วิชาเคลื่นมิติพาพวกท่านมาที่วังใต้ดินด้วยกัน นายท่านเลี่ยเหยียนเซียนจวินหลับใหลอยู่ที่นี่ แต่มีเพียงนายน้อยเท่านั้นที่จะปลดผนึก และทำให้เขาตื่นได้”
เลี่ยเหยียนเซียนจวิน!
เมื่อได้ยินไป๋เย่เอ่ยถึงเลี่ยเหยียนเซียนจวิน ซูหว่านก็อึ้งไปสักพัก เลี่ยเหยียนเซียนจวินยังมีชีวิตอยู่อีก!
อีกทั้ง สิ่งที่ตนเองคาดเดาน่าจะเป็นความจริง เลี่ยเหยียนเซียนจวินเป็นบิดาของสวีเช่อจริงๆ!
เมื่อเทียบกับความตกใจของซูหว่านแล้ว สวีเช่อกลับนิ่งสงบเป็นอย่างมาก เขาก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเลี่ยเหยียนเซียนจวินจะยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้
แต่ไม่ว่าจะยังมีชีวิตหรือตายไปแล้ว สำหรับคนที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกอย่างเขาแล้วกลับไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร
“ไป๋เย่ เซวียนหยวนสือ?”
เวลานี้สวีเช่อทำเพียงยืนยันตัวตนของสองคนที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง “ข้ารู้จักพวกเจ้า ถ้าเช่นนั้น พวกเจ้าก็นำทางเถอะ”
พูดพลาง สวีเช่อก็หันมามองซูหว่านที่อยู่ด้านข้างปราดหนึ่ง “ตามฉันมา อย่าเดินมั่วล่ะ”
“อืม”
ซูหว่านออกแรงพยักหน้า ล้วนมาถึงตรงนี้แล้ว นางก็ไม่มีวิธีอะไรอื่นแล้ว เมื่อเทียบกับไป๋เย่และเซวียนหยวนสือ สวีเช่อกลับเป็นคนที่ดูอบอุ่นและไม่มีพิษภัยมากกว่า
ทั้งสี่คนต่างค่อยๆ เดินไปในเส้นทางที่คดเคี้ยวของวังใต้ดิน เดินมาสักพักใหญ่ ก็มาถึงหน้าประตูหินบานหนึ่ง บนประตูหินสีเทาขาวแกะสลักไว้ด้วยลวดลายอันสลับซับซ้อน
นี่คืออักขระยันต์
ซูหว่านศึกษาอักขระยันต์ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรมาไม่น้อย นางแค่มองแวบเดียวก็รู้ว่าลวดลายบนประตูเป็นอักขระยันต์ และเป็นอักขระปิดผนึกที่แข็งแกร่งมาก
“นายน้อย มีเพียงเลือดของท่านที่สามารถปลดผนึกและเปิดประตูนี้ได้”
เวลานี้ ไป๋เย่มองไปยังสวีเช่อ แววตากลับซุกซ่อนความตื่นเต้นไร้ที่เปรียบอยู่ภายใน
เขา รอคอยมาห้าพันปี ในที่สุดนายน้อยก็กลับมาจนได้ รอคอยจนถึงวันที่ปลดผนึกและปลุกนายท่านตื่น
เมื่อได้ยินคำพูดของไป๋เย่ สวีเช่อกลับไม่ขยับ “จำเป็นจะต้องใช้เลือดของข้าเท่านั้นหรือ”
ในเวลานี้สีหน้าของเขานั้นออกจะแปลกพิกลไปอยู่บ้าง เซวียนหยวนสือกับไป๋เย่ที่ยืนอยู่ด้านข้างเมื่อได้ยินคำพูดของสวีเช่อต่างพยักพร้อมเพรียงกกัน “แน่นอนว่าต้องเป็นเลือดสดๆ ของนายน้อย มีเพียงเลือดสดๆ ของท่านเท่านั้นที่จะสามารถปลดผนึกนี้ได้”
เอ่อ
สวีเช่อยังคงยืนอยู่ไม่ขยับไปไหน ซูหว่านที่ยืนอยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะกุมขมับ…
ที่รักทั้งสอง ตอนนี้เป็นชั่วโมงวิทยาศาสตร์เสริมพิเศษค่ะ
นายน้อยของพวกนายน่ะ เขาใช้ร่างกายของคนอื่น ดังนั้น เลือดที่ไหลออกมาก็เป็นเลือดคนอื่นน่ะสิ!
แล้วการที่นายหวังจะให้เลือดขององค์ชายอาณาเขตผีมาปลดผนึกประตูบานนี้ได้ พวกนายกำลังเล่นตลกกันอยู่ใช่ไหม
อืม เหตุผลก็มีแค่นี้แหละ แต่เรื่องของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจ ซูหว่านไม่บอกกับผู้อื่นแน่นอน นางหันหน้าไปมองสวีเช่อที่ยืนอยู่ด้านข้าง “นายจะจัดการบังไง”
สวีเช่อเดินตรงไปยังประตูหินอย่างมั่นคง และยกมือขึ้นกรีดนิ้วของตนเอง เลือดของเขาค่อยๆ ไหลไปตามลวดลายที่อยู่บนประตูอย่างช้าๆ จากนั้นก็รวมตัวกัน หลังจากนั้น…ก็ไม่มีหลังจากนั้นแล้ว
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”
ไป๋เย่ที่ยืนอยู่ด้านข้างมองไปยังลวดลายบนประตูด้วยสีหน้าตกตะลึง อย่าพูดถึงปลดผนึกเลย แม้แต่ขยับประตูหินบ้านนี้ยังไม่มีวี่แววเลยแม้แต่น้อย!
“เรื่องเป็นเช่นนี้”
สวีเช่อกวาดมองมือทั้งคู่ของตนเอง “ตอนนี้ข้าไม่ได้ใช้ร่างของตนเอง ดังนั้นถ้ากลไกการปลดผนึกนี้จะต้องใช้เลือดของทายาทเลี่ยเหยียนเซียนจวินโดยตรงจึงจะเปิดได้ เช่นนั้น พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่อีก”
ไม่ใช่ร่างของตนเอง!
เมื่อได้ยินคำพูดของสวีเช่อ สีหน้าของไป๋เย่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่เซวียนหยวนสือที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับมองไปยังสวีเช่อและซูหว่านด้วยแววตาซับซ้อน
นางนึกถึงคำพูดที่จิงหงเซียนจื่อเคยบอกกับตนเองอีกครั้ง ก็หมายความว่า…นายน้อยกลับมาจากโลกใบนั้นหรือ
“ไม่ จะต้องมีวิธีอื่น”
เวลานี้แววตาของไป๋เย่ค่อยๆ จริงจังขึ้นมา
ปราณปีศาจในตัวเขาค่อยๆ แผ่ออกมาไม่หยุด “หากว่าไม่มีร่างสังขารเลือดเนื้อ เช่นนั้นก็เอาวิญญาณในตัวท่านมากลั่นรวมกันเป็นเลือดบริสุทธิ์ จะต้องปลดผนึกนี้ได้แน่นอน!”
“พี่ใหญ่ไป๋เย่ ท่านบ้าไปแล้วหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของไป๋เย่ เซวียนหยวนสือพลันเข้ามาขวางตรงหน้าสวีเช่อและซูหว่านอย่างระแวดระวังทันที “ดึงวิญญาณออกมา จะทำให้วิญญาณของนายน้อยได้รับบาดเจ็บอย่างไม่อาจรักษาได้ ข้าไม่ยอมให้ท่านทำเช่นนี้แน่นอน!”
เวลานี้แววตาของเซวียนหยวนสือทั้งเยียบเย็นและแน่วแน่
นางต้องการปกป้องบุรุษที่อยู่ด้านหลังของตนเอง ไม่ว่าจะต้องเผชิญศัตรูแบบไหน จะไม่ถอยแม้แต่ครึ่งก้าว
เมื่อได้รับรู้ถึงความมุ่งมั่นของเซวียนหยวนสือ สวีเช่อหันหน้าไปยังด้านข้างเล็กน้อย มองไปยังสาวน้อยที่อยู่ด้านหน้าอย่างประหลาดใจ
แม้ว่าสวีเช่อเองจะเป็นผู้ไร้อารมณ์ความรู้สึก แต่เขายังสามารถรับรู้ถึงความใส่ใจของคนอื่นได้…
เหตุการณ์ตรงหน้าไม่ดีแล้ว!
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังปราณระหว่างเซวียนหยวนสือและไป๋เย่ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซูหว่านที่ยืนนิ่งๆ อยู่ด้านข้างก็แอบไปดึงเสื้อของสวีเช่อและพูดว่า “สวีเช่อ นี่มันเรื่องอะไรกัน ไป๋เย่มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
ราชาปีศาจไป๋เย่…
สวีเช่อปิดตาลงช้าๆ นึกถึงความทางจำเกี่ยวกับแผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์ ความทรงจำเหล่านี้สวีชิ่นเก็บมันไว้ในสร้อยข้อมือ แม้ไม่สมบูรณ์ แต่ก็มากเพียงพอให้สวีเช่อจะทราบถึงอดีตที่ผ่านมา
ภาพความทรงจำของสวีเช่อหยุดอยู่ที่ต้นเหมยสีแดงเย้ายวนชวนให้หลงใหล
เซียนดอกเหมยหงอวี้
นางคือภรรยาของไป๋เย่!
สวีเช่อลืมตาขึ้นมา แววตาค่อยๆ เข้าใจกระจ่างชัดขึ้น “ไป๋เย่ ข้ารู้ว่าเจ้าอยากทำอะไร ข้าเชื่อเจ้า เจ้าลงมือเถอะ”
“นายน้อย!”
เมื่อได้ยินคำพูดของสวีเช่อ เซวียนหยวนสือมองไปยังสวีเช่ออย่างไม่อยากเชื่อ นางกัดปากและส่ายศีรษะ “นายน้อย ท่านต้องคิดพิจารณาให้ดี”
เมื่อวิญญาณได้รับบาดเจ็บ จะต้องเป็นบาดแผลที่ไร้หนทางรักษาอย่างแน่นอน
เวลานี้ซูหว่านเองก็มองไปยังสวีเช่อด้วยสีหน้าตกใจ แม้กำลังสงสัย แต่มือนั้นก็ยังจับเสื้อของสวีเช่อแน่น “สวีเช่อ นายอย่าทำอะไรมั่วซั่วนะ! นาย…”
“เสี่ยวหว่าน”
สวีเช่อหันหน้าไปยิ้มให้กับซูหว่านพร้อมกับพูดว่า “ฉันว่า ฉันเข้าใจแล้วว่า รักคืออะไร”
รัก แม้อ่อนโยนดั่งสายน้ำ แต่ก็รุ่มร้อนดั่งเพลิงไฟ
ต่างคน วิธีการรักก็ต่างกัน
ไป๋เย่ไม่คิดหน้าคิดหลังอย่างนี้ ก็เพียงเพราะเขารอมาเนิ่นนานแล้ว เขาและคนรักของเขาแยกจากกันมานานเหลือเกิน
หลังประตูบานนั้น ไม่เพียงผนึกเลี่ยเหยียนเซียนจวิน แต่ยังผนึกเซียนดอกเหมยหงอวี้เอาไว้ด้วย!