ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 32 บททดสอบบำเพ็ญเพียร (32)
ในเช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวอุบัติเหตุของสำนักต้าชี่แพร่กระจายในเมืองสยากวง และศิษย์ผู้รักษากฎของสำนักเทียนอวิ๋นก็มาถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว คนที่เป็นผู้นำในครั้งนี้คือตู๋กูชิงจิ่ว และผู้ที่เดินติดตามเขาราวกับหางเล็กๆ นั่นก็คืออวิ๋นเซียนเอ๋อร์ผู้เป็นนางเอกนั่นเอง
“เป็นเผ่าปีศาจ”
ในห้องที่พี่ชายน้องสาวของโหวปิ่งเฉินเสียชีวิต ยังคงมีปราณปีศาจลอยอยู่จางๆ
“ไม่ใช่แค่เผ่าปีศาจ”
เมื่อได้ยินคำพูดของตู๋กูชิงจิ่ว อวิ๋นเซียนเอ๋อร์ก็หรี่ตาลง นางยกมือขึ้นและหยิบกระจกทรงกลมขนาดเล็กอันวิจิตรออกมาจากถุงเก็บของนาง ส่องกระจกไปรอบๆ ห้อง หลังจากแสงสีทองสว่างวาบขึ้น หมอกสีดำจางๆ ก็จับตัวเป็นก้อนขึ้นลอยออกมาบนท้องฟ้า ปราณภูตผีที่มืดครึ้มและเย็นยะเยือกทำให้ทุกคนในที่นี้อดจ้องมองไม่ได้
นี่คือ…ผู้บำเพ็ญเพียรผี!
ผู้บำเพ็ญเพียรผีจากอาณาเขตผียมโลก!
ในเวลานี้ ตู๋กูชิงจิ่วเองก็ไม่อาจสงบจิตสงบใจได้เช่นกัน ที่แท้คู่ต่อสู้ของตัวเองไม่ได้มีเพียงเผ่าปีศาจเท่านั้น แต่ยังมีเผ่าภูตผีด้วย!
แท้จริงผู้ใดลงมือกันแน่ คนของสวีเช่อหรือคนของเยี่ยซิน
“เผ่าปีศาจและเผ่าภูตผีเหิมเกริมนัก! กล้าดีอย่างไรมาฆ่าคนที่ตีนเขาสำนักเทียนอวิ๋น!”
ขณะที่ตู๋กูชิงจิ่วกำลังใช้ความคิดอย่างเงียบๆ ทุกคนที่อยู่ด้านข้างทั้งหมดเมื่อได้ข้อสรุปแล้วต่างก็เริ่มพากันโมโหขุ่นเคือง เดิมทีสำนักเทียนอวิ๋นกำลังติดต่อขอความร่วมมือจากสำนักใหญ่ๆ ต่างๆ เพื่อพิชิตอาณาเขตผียมโลกและภูเขาหมื่นปีศาจ เพียงแต่ช่วงหลายปีมานี้ สำนักต่างๆ มากมายต่างพยายามพัฒนาสำนักของตนเองจึงไม่ได้ให้ความร่วมมือกับสำนักเทียนอวิ๋น เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังเช่นวันนี้ สำนักต้าชี่ย่อมเป็นสำนักแรกที่ยืนขึ้นเพื่อสนับสนุนสำนักเทียนอวิ๋นและเพื่อประณามอาณาเขตผียมโลกกับภูเขาหมื่นปีศาจ
วันทั้งวันนี้ ทั้งเมืองสยากวงเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียด คนของสำนักเทียนอวิ๋นเองก็เริ่มสอบสวนผู้บำเพ็ญเพียรที่น่าสงสัย
แต่เพื่อนนักเรียนซูหว่านผู้เป็นฆาตกรฆ่าคนตัวจริงนั้น นางกลับนอนหลับลึกอย่างสบายใจ เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา ก็ลากตัวซูรุ่ยออกไปเดินซื้อของทันที
“คุณชาย ท่านดูสิ นี่คือผ้าไหมห้าสีที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองสยากวง ท่านว่าสวยไหม ดูดีไหม”
ซูหว่านหยิบผ้าไหมนั้นขึ้นมาทาบบนตัวนางเองสลับไปมา ซูรุ่ยที่อยู่ข้างๆ สบเข้ากับดวงตาที่สดใสของนาง ก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงและพูดเบาๆ ว่า “สวยดี ถ้าเจ้าชอบก็ซื้อทั้งหมดเลย”
“โอ้”
เมื่อซูหว่านได้ยินคำพูดของซูรุ่ย นางก็โยนผ้าไหมเข้าไปในอ้อมแขนของซูรุ่ยทันที จากนั้นจึงหยิบศิลาวิญญาณก้อนหนึ่งออกมาแล้วโยนให้เจ้าของร้าน “ข้าซื้อทั้งหมดเลย ไม่ต้องทอน!”
“ขอบคุณที่อุดหนุน! ท่านเซียนค่อยๆ เดิน!” เจ้าของร้านที่ถือศิลาวิญญาณไว้ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าและกล่าวลาเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งของเขาออกไปทันที ในเมืองสยากวง ศิลาวิญญาณก็เป็นสกุลเงินในการจับจ่ายใช้สอย แต่ศิลาวิญญาณระดับต่ำหนึ่งก้อนก็ยังมีมูลค่าหลายพันชั่ง เศษผ้าไหมไม่กี่ชิ้นเหล่านั้นจะมีมูลค่าเท่าใดกัน
หลังจากซื้อของเสร็จแล้ว ซูหว่านก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทันที ซูรุ่ยซึ่งกลายเป็นผู้ติดตามอยู่ข้างหลัง ทำได้เพียงมองดูร่างตรงหน้าเขาด้วยท่าทางที่ไร้ซึ่งอำนาจและอ่อนโยน มองดูนางยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนั้น ซูรุ่ยเองก็รู้สึกสบายใจไม่น้อย
ในเวลานี้ ดูเหมือนเขาจะลืมภารกิจของตนเองไปแล้ว และยังลืมตัวตนของพวกเขาทั้งคู่อีกด้วย
“คุณชายมั่ว!”
ในเวลานี้ จู่ๆ ก็มีเสียงหญิงสาวดังขึ้นจากข้างหลังของทั้งสองคน ซูรุ่ยหยุดเดินและหันศีรษะกลับไป ก็มองเห็นเงาร่างของคนสองคน ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาและยังมีสาวสวยทรงเสน่ห์ไร้ที่เปรียบ ภาพที่ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันนั้นช่างมีเสน่ห์เป็นพิเศษ
“เอ๊ะ”
ในเวลานี้ ซูหว่านเองก็หยุดฝีเท้าลงเช่นกัน จ้องมองไปยังชายหนุ่มและหญิงสาวที่กำลังใกล้เข้ามา
ซูหว่านย่อมจำแม่นางเอกสาวอวิ๋นเซียนเอ๋อร์ได้แน่นอน ด้วยใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์เช่นนี้ แม้จะได้พบเพียงครั้งเดียวแต่ก็ยากจะลืมโอเคไหม
แต่ว่าผู้ชายที่อยู่ข้างนาง ซูหว่านกลับไม่รู้จัก แต่เมื่อเห็นชุดเครื่องแบบของสำนักเทียนอวิ๋นบนกายของเขาแล้ว ซูหว่านก็มองออกว่าตำแหน่งของเขาในสำนักเทียนอวิ๋นคงไม่ต่ำนัก
“คุณชายมั่ว ไม่พบกันนานเลย”
อวิ๋นเซียนเอ๋อร์ยิ้มและเดินไปข้างหน้าของซูรุ่ยกับซูหว่าน กล่าวทักทายซูรุ่ยด้วยรอยยิ้มและมองซูหว่านข้างๆ ซูรุ่ยด้วยดวงล้ำลึก…
นางเป็นปีศาจ
ถึงแม้ว่าบนร่างกายของซูหว่านจะไม่ปรากฏปราณปีศาจใดๆ แต่ว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน อวิ๋นเซียนเอ๋อร์เคยใช้อาวุธเวทของท่านอาจารย์เพื่อเผยร่างที่แท้จริงของนาง อวิ๋นเซียนเอ๋อร์รู้ว่านางเป็นปีศาจงู
“ศิษย์พี่ชิงจิ่ว”
อวิ๋นเซียนเอ๋อร์เข้าไปกระซิบใกล้หูของตู๋กูชิงจิ่วสองสามประโยค
เมื่อได้ยินคำพูดของอวิ๋นเซียนเอ๋อร์ ตู๋กูชิงจิ่วก็อดไม่ได้ที่เหลือบตาขึ้นจะจ้องมองอย่าลึกลับไปยังซูหว่านและซูรุ่ย…
ปีศาจงูเขียว?
เอ๊ะ แล้วไป๋ซู่เจิน[1]พี่สาวของนางมาหรือยัง
อะแฮ่ม อืม กลับมาสู่หัวข้อหลักก่อน
ถ้าหากผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าก็คือคนที่ลงมือสังหารเมื่อคืน ถ้าอย่างนั้นนางจะต้องเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจอย่างแน่นอน
ซูหว่านเหรอ หรือว่าเยี่ยซิน
“ทั้งสองท่าน ข้าน้อยตู๋กูชิงจิ่วศิษย์ผู้ดูแกลกฎจากโถงลงทัณฑ์แห่งสำนักเทียนอวิ๋น เมื่อคืนที่ผ่านมา มีการลอบฆ่าเกิดขึ้นที่ที่พักของสำนักต้าชี่ ตอนนี้ข้ากำลังปฏิบัติตามคำสั่งของท่านอาจารย์เพื่อสอบสวนเหตุการณ์นี้อย่างละเอียด ตอนนี้ข้าหวังว่าท่านทั้งสองจะร่วมมือกับข้า”
ร่วมมือ?
เมื่อได้ยินคำพูดของตู๋กูชิงจิ่ว ซูรุ่ยก็หรี่ตาลง คนที่ตายเป็นใครกันแน่ ตู๋กูชิงจิ่วน่าจะรู้แน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้การสืบสวนอย่างแข็งขันของเขาจะเป็นเพียงการหาโอกาสที่จะตามหาผู้รับภารกิจคนอื่นที่ซ่อนอยู่ในเมืองสยากวงกระมัง
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของซูรุ่ยก็เป็นประกายวาบขึ้น ส่งยิ้มให้คนตรงหน้า “ในเมื่อมาถึงพื้นที่ของสำนักเทียนอวิ๋นแล้ว พวกข้าย่อมต้องให้ความร่วมมือกับพวกท่านเป็นอย่างดี ไม่ทราบว่าพวกท่านพบเบาะแสอะไรบ้างแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ตู๋กูชิงจิ่วก็สบตาเข้ากับอวิ๋นเซียนเอ๋อร์ครู่หนึ่ง อวิ๋นเซียนเอ๋อร์ยิ้มและก้าวขึ้นไปข้างหน้า “ไม่ปิดบังสหาย พวกข้าพบเบาะแสที่เป็นประโยชน์มากมาย ในที่เกิดเหตุมีปราณปีศาจจากเผ่าปีศาจและปราณผีจากเผ่าภูตผี ในตอนแรกพวกข้าสงสัยว่าภูเขาหมื่นปีศาจและอาณาเขตผียมโลกร่วมมือกัน ดังนั้น…”
ขณะที่พูด แววตาของอวิ๋นเซียนเอ๋อร์ก็ค่อยๆ หยุดลงบนร่างของซูหว่านอย่างเย็นชา
“โธ่เอ้ย คุณชาย”
ซูหว่านสัมผัสได้ถึงสายตาของอวิ๋นเซียนเอ๋อร์ นางจึงเอนตัวเข้าหาซูรุ่ยอย่างประหม่าทันที “คุณชาย ท่านดูนางสิ สายตาช่างร้ายกาจนัก นางคงไม่ได้สงสัยข้าหรอกนะ เมื่อคืนที่ผ่านมาข้าอยู่รับใช้คุณชายทั้งคืน คุณชายเป็นพยานให้ข้าได้! ใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่”
ซูรุ่ย “…”
อวิ๋นเซียนเอ๋อร์ได้แต่คิดในใจ แววตาของข้าร้ายกาจตรงไหนกัน เห็นได้ชัดว่าเจ้าอิจฉาความงามตามธรรมชาติของข้า
ตู๋กูชิงจิ่วคิดในใจ ให้ตายสิ ทำไมน้ำเสียงนี้ถึงคล้ายกับติงจยาจยาขนาดนั้น
“อะแฮ่ม”
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาแปลกๆ ของคนทั้งสองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ซูรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะกระแอมไอออกมาสองครั้ง “ใช่แล้ว เสี่ยวชิงนางเป็นปีศาจจริงๆ แต่นางไม่เคยคร่าชีวิต และเมื่อคืนนางก็อยู่กับข้าตลอดทั้งคืน”
การโกหกเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เป็นเรื่อง่ายสำหรับซูรุ่ย เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซูรุ่ยก็ยกมือขึ้นโดยไม่รู้ตัวและโอบแขนของเขาไว้รอบเอวของซูหว่าน
“โอ้ เช่นนั้นหรือ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ตู๋กูชิงจิ่วก็มองเขาด้วยความสงสัย
อวิ๋นเซียนเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างก็มองทั้งสองคนด้วยสีหน้าที่ไม่ดี “คุณชายมั่ว พวกข้าเพิ่งไปถึงที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของหุบเขาสมุนไพร ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันกับพวกเขา แม้ว่าข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้า แต่ก็เป็นเพียงคำพูดที่ไม่มีหลักฐาน เจ้ามีหลักฐานอื่นใดที่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางหรือไม่”
ซูรุ่ย “…”
ให้ตายสิ หลักฐานอื่นบ้าบออะไร ฉันจะเป็นคนวิปริตมากถึงขนาดที่จะใช้หินจดบันทึกฉากการหลับนอนของฉันในเวลากลางคืนเหรอ
“เจ้าต้องการทำบาปเพิ่มหรือ”
เมื่อได้ยินคำพูดของอวิ๋นเซียนเอ๋อร์ ซูหว่านก็อดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว นางเงยหน้าขึ้นและมองอย่างเย็นชาไปยังผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้านาง “ถึงแม้ข้าจะเป็นปีศาจก็จริง แต่ข้าก็ติดตามคุณชายของข้ามาหลายปีแล้ว ข้าฝึกฝนบำเพ็ญเพียรแสวงธรรมมานานแล้ว! สำนักเทียนอวิ๋นของเจ้าอ้างว่าเป็นสำนักอันดับหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์ ไม่คิดเลยว่าจะมีสายตาที่ตื้นเขินเช่นนี้ ปีศาจแล้วอย่างไร ภูตผีแล้วอย่างไร ทุกสิ่งในใต้หล้าล้วนเท่าเทียมกัน พวกเจ้ามีอคติต่อพวกข้า! ข้าได้ยินมานานแล้วว่าสำนักเทียนอวิ๋นของพวกเจ้าเรียกร้องให้เหล่าสหายในใต้หล้าประณามภูเขาหมื่นปีศาจและอาณาเขตผียมโลก หึ! หลายปีที่ผ่านมาไม่มีผู้ใดตอบรับขอเรียกร้องของพวกเจ้า พวกเจ้ารู้สึกอับอายมากสินะ เรื่องที่เกิดขึ้นกับสำนักต้าชี่ครั้งนี้ยังไม่รู้ตัวคนทำเลย! การที่โจรร้องเรียกให้จับโจรก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่อะไรของแดนเซียนคุนหลุนแห่งนี้!” เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่านก็เกิดความโกลาหลขึ้นจากผู้ชมทั้งหมดตรงนั้น และแม้แต่คนจากสำนักต้าชี่เองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ!
“ช่างเป็นปีศาจสาวที่มีคารมคมคายเสียจริง!”
ในเวลานี้ จู่ๆ ก็มีเสียงเข้มแข็งมีพลังดังมาจากที่ที่ไม่ไกลมากนัก ทันใดนั้นร่างสีเทาขาวก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
——
[1] ไป๋ซู่เจิน ชื่อนางเอกในเรื่อง ตำนานนางพญางูขาว