ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 30 บททดสอบบำเพ็ญเพียร (30)
ศิษย์ของสำนักต้าชี่พักอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองสยากวง เมื่อวานซูหว่านให้ความสนใจกับที่ตั้งของสำนักพวกเขาเป็นพิเศษ หลังจากความมืดมิดมาเยือนโรงเตี๊ยมแห่งนั้นแล้ว ซูหว่านก็เก็บซ่อนลมปราณของนางและแอบเข้าไปในสวนข้างหลังของโรงเตี๊ยมอย่างเงียบเชียบ นางค่อยๆ กวาดหาลมปราณทั้งสองที่นางจำได้เป็นพิเศษในวันนั้น
ผ่านไปไม่นานนัก ซูหว่านก็พบกับลมปราณของโหวปิงหนิง เนื่องจากปัญญาของร่างกายนี้อยู่ในระดับปานกลาง และพลังบำเพ็ญที่ไม่สูงมากของโหวปิงหนิง ตอนนี้ก็เป็นเพียงระดับก่อกำเนิดขั้นต้นเท่านั้น นางมีทรัพยากรการบำเพ็ญดีที่สุดในสำนักต้าชี่อยู่เสมอ ทั้งหมดก็เป็นเพราะนางมีพี่ชายที่มีพรสวรรค์
ช่วงเวลานี้ของทุกวันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการฝึกฝนบำเพ็ญเพียร เดิมทีโหวปิงหนิงวางแผนที่จะเริ่มทำสมาธิหลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่สิ่งที่นางคาดไม่ถึงก็คือหลังจากที่นางเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว พลันมีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นข้างหลังนาง
ไร้ซึ่งเสียงและลมหายใจ ทั้งยังไม่มีจิตสังหารใดๆ แต่ผู้มาเยือนย่อมเจตนาไม่ดีแน่!
“ผู้…”
‘ใด’ คำนี้ยังไม่ทันออกจากปาก โหวปิงหนิงก็หันกลับมาแล้วปล่อยอาวุธเวทของนางออกไป แม้ว่าพลังบำเพ็ญของนางไม่สูงนัก แต่ในฐานะลูกศิษย์ของสำนักต้าชี่ รอบกายก็มีอาวุธเวทอยู่ไม่น้อย
ซูหว่านหลบการโจมตีของโหวปิงหนิงได้อย่างคล่องแคล่ว เพียงขยับร่างวูบหนึ่ง ยกมือขึ้นแล้วโยนโซ่เงินออกไป
หลายปีมานี้นางเก็บของดีเอาไว้ไม่น้อย ยิ่งกว่านั้นก็ยังอยู่ด้วยกันกับคุณชายมั่วที่ร่ำรวยและทรงพลัง นอกจากนี้ยังมีพ่อพระเอกใหญ่ที่อยู่ยงคงกระพัน ผู้ที่แค่ออกไปข้างนอกก็หยิบอาวุธเวทได้ทุกครั้ง
“โซ่มัดเซียน!”
เมื่อเห็นโซ่ของซูหว่าน สีหน้าของโหวปิงหนิงก็เปลี่ยนไปอย่างมาก โซ่เส้นนี้มีชื่อว่าโซ่มัดเซียน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่โซ่มัดเซียนของจริง แต่ก็ยังเป็นอาวุธเวทที่ทรงพลังมาก! มันเป็นสมบัติวิเศษของผู้อาวุโสท่านหนึ่งจากสำนักต้าชี่ เพียงแต่ว่าหลังจากที่ผู้อาวุโสล้มเหลวในการก้าวข้ามวิบากกรรมและกลายเป็นเซียนพเนจร ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาอยู่ที่ใด…
“เจ้าเป็นใครกันแน่”
โหวปิงหนิงจ้องไปที่เงาในความมืด นางมองไม่เห็นใบหน้าของคู่ต่อสู้ แต่นางสามารถรับรู้ได้ว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
“เธอน่าจะรู้ว่าฉันเป็นใคร เหมือนกับที่ฉันรู้ว่าเธอเป็นใครนั่นแหละ”
ซูหว่านพูดออกไปเบาๆ โดยตั้งใจไม่ดัดเสียงใดๆ
เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจ!
โหวปิงหนิงหรี่ตาลง และในขณะที่ถ่วงเวลาอยู่นั้นนางก็เริ่มคิดหาหนทางอยู่ในใจ…
ขณะเดียวกัน ภายในอีกห้องหนึ่งที่ห่างออกไปไม่ไกล โหวปิ่งเฉินกำลังจดจ่ออยู่กับเตาหลอมอาวุธของเขาอยู่ ตั้งใจจดจ่ออยู่กับการหลอมอาวุธ
นี่เป็นการหลอมอาวุธครั้งสุดท้ายก่อนการเข้าสู่โลกใบเล็กนั้นแล้ว แม้ว่าเขาจะรู้ว่าในครั้งนี้แผนกของเขามีโอกาสประสบความสำเร็จมากที่สุด แต่ว่าเขาก็ยังดำเนินการอย่างระมัดระวังอยู่เสมอ แต่เขาก็หวังว่าจะไม่มีข้อผิดพลาดใดเกิดขึ้น
“ท่านพี่!”
และก็ในเวลานี้เอง ยันต์สื่อสารที่เอวของโหวปิ่งเฉินก็ดังขึ้น และเสียงที่ตื่นตระหนกก็โหวปิงหนิงก็ดังมาจากข้างใน “ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย!”
เป็นโหวปิงหนิง!
โหวปิ่งเฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สำหรับน้องสาวของเขาคนนี้ เขาดูแลอย่างดีมาโดยตลอด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชื่อในตัวนางจริงๆ
แต่ว่า ถ้าหากตัวเขาในเวลานี้ไม่ปรากฏตัวออกไปจริงๆ มันก็จะดูไม่สมเหตุสมผล
โหวปิ่งเฉินหยุดการหลอมอาวุธของตัวเองลงหลังจากครุ่นคิดอยู่นาน และเขายังหยิบอาวุธเวทของตัวเองออกมาและเดินตรงไปยังห้องของโหวปิงหนิง
ในเวลานี้ ห้องของโหวปิงหนิงถูกปกคลุมไปด้วยค่ายกลกำบังพลังวิญญาณ โหวปิ่งเฉินเหวี่ยงกระบี่เวทออกไปทีหนึ่งและรีบพุ่งเข้าไป!
ภายในห้องพัก โหวปิงหนิงกำลังต่อสู้อยู่กับซูหว่านจนแยกไม่ออก เมื่อมองเห็นร่างของเขา สีหน้าของโหวปิงหนิงก็เผยความปีติยินดีออกมา จิตสำนึกทำให้นางเดินเข้าไปใกล้โหวปิ่งเฉินโดยไม่รู้ตัว “ท่านพี่! เป็นผู้บำเพ็ญเพียรปีศาจจากภูเขาหมื่นปีศาจ!”
ปีศาจ!
ในเวลานี้ ในที่สุดโหวปิ่งเฉินก็สัมผัสได้ถึงปราณปีศาจที่พุ่งเข้ามาหาเขา ที่แท้ก็คือปีศาจ!
“เดรัจฉาน กล้ามาทำชั่วถึงเมืองสยากวงเสียด้วย ดูกระบี่ข้า!”
โหวปิ่งเฉินกวัดแกว่งกระบี่ในมือของเขาและตรงไปยังร่างของซูหว่าน และในชั่วขณะนี้เอง ดวงตาของซูหว่านก็ส่องประกายวาบและโยนโซ่มัดเซียนอีกครั้ง!
เมื่อถูกมัดด้วยโซ่มัดเซียน โหวปิ่งเฉินก็ไม่ได้ร้อนใจ เขาและซูหว่านมีพลังบำเพ็ญระดับเดียวกัน เครื่องป้องกันเซียนเช่นนี้ก็สามารถยับยั้งเขาได้เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น
“ท่านพี่ ข้ามาช่วยท่านแล้ว!”
ในเวลานี้ จู่ๆ โหวปิงหนิงก็รีบวิ่งขึ้นมาจากด้านหลัง จากนั้น ที่รูม่านตาของโหวปิ่งเฉินหดตัวลง เขามองดูใบมีดแปลกๆ ในมือของโหวปิงหนิงแทงเข้าที่หน้าอกของเขาอย่างแรง!
เลือดสดสาดกระเซ็นไปทั่ว ใบหน้าของโหวปิ่งเฉินซีดขาวอย่างหาที่เปรียบมิได้
และในตอนนี้เอง ลมหนาวก็พัดเข้ามา และก่อนที่โหวปิงหนิงจะดึงมีดของนางออกมา ร่างกายของนางก็ถูกฟาดจนบินลอยออกไป กระแทกเข้ากับผนัง และได้สูญเสียลมหายใจไปแล้ว
ฟาดตายในฝ่ามือเดียว!
ซูหว่านมองดูร่างเพรียวที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ นางอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาและยิ้มออกมา “นายมาแล้ว!”
การทักทายเบาๆ ก็เหมือนกับการได้พบเพื่อนเก่าที่ไม่เจอกันมาหลายปีแล้ว
หน้าของเยี่ยเฉิงไม่แสดงอารมณ์ใดออกมาขณะจับร่างของโหวปิ่งเฉินไว้ ไม่พูดไม่จา ยกมือขึ้นอย่างเงียบๆ และถ่ายเทลมปราณของตนเองเข้าไปในร่างกายเขา ในวินาทีถัดมา สีหน้าของเยี่ยเฉิงก็เปลี่ยนไป
นี่คือ…
“พี่ใหญ่!”
โหวปิ่งเฉินมองไปยังเยี่ยเฉิงที่ฝ่ามือค่อยๆ กลายเป็นสีดำ เขาพยายามดิ้นรนสุดชีวิตทันที “พี่ใหญ่ พี่ไม่ต้องสนใจฉัน นี่เป็นพิษของหุบเขาสมุนไพร!”
“โอ้ มีประสบการณ์ไม่เลว”
ซูหว่านยิ้มและก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “โหวปิงหนิงโดนวางยาพิษมานานแล้ว สูญสิ้นสติและการรับรู้ และอาวุธที่เธอใช้เมื่อครู่ก็โดนฉันเคลือบยาพิษไว้เหมือนกัน แม้แต่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับแยกวิญญาณก็ไม่สามารถหลีกหนีความตายไปได้ ดังนั้นรออย่างเงียบๆ จนตายไปน่ะดีแล้ว อย่าคิดต่อสู้ดีกว่านะ”
ขณะที่พูด ซูหว่านก็มองขึ้นไปที่เยี่ยเฉิงอีกครั้ง “นายก็เหมือนกัน คุณชายเยี่ย ไม่สิ ควรจะเรียกว่าหัวหน้าแผนกสวี”
“หึ”
สวีเช่อยิ้มแล้วยกมือขึ้น ม่านหมอกสีดำชั้นหนึ่งปกคลุมทั่วทั้งห้อง ในวินาทีต่อมา ปราณพิษในฝ่ามือของสวีเช่อก็ค่อยๆ ถูกหมอกสีดำดูดกลืนหายไป
ผู้บำเพ็ญเพียรผี!
ซูหว่านตะลึงไปครู่หนึ่ง นางคิดไม่ถึงเลยว่าสวีเช่อจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรผี!
ผู้บำเพ็ญเพียรผี…
นางลูบไปที่สร้อยข้อมือของตัวเองอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว “สวีเช่อ ดูเหมือนว่านายจะโชคดีไม่น้อย”
“เธอก็เหมือนกัน”
สวีเช่อรู้ว่าพิษที่ซูหว่านใช้นั้นมีฤทธิ์ร้ายแรงมาก และตอนนี้นางอยู่กับซูรุ่ยมาหลายสิบปีแล้ว เกรงว่าซูหว่านจะแอบเรียนยาพิษเหล่านั้นจากซูรุ่ยมาแล้วไม่มากก็น้อย เรื่องนี้เขาประมาทเอง
เมื่อสัมผัสได้ว่าลมหายใจของอวิ๋นเซิงค่อยๆ แผ่วลง สวีเช่อก็ถอยหายใจ “ดูเหมือนว่าหลังจากคืนนี้ ก็คงจะเหลือเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจอยู่อีกแค่ห้าคน อย่างนี้ก็ดี”
“หัวหน้าแผนกสวียังมั่นใจในตัวเองอะไรขนาดนี้ หาได้ยากจริงๆ”
ซูหว่านยังยิ้มออกมา และก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว นางยืนอยู่ตรงหน้าของสวีเช่อ นางค่อยๆ ยกข้อมือตัวเองและพับแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นข้อมือสีขาวบริสุทธิ์ของนางและบนข้อมือของนางนั้นก็มีรอยสักสีทองปรากฏขึ้น “ก่อนที่ฉันจะตาย นายจะบอกความจริงกับฉันได้ไหม นายเป็นผีชราใช่ไหม”
ผีชรา
ดวงตาของสวีเช่อมองลงไปยังข้อมือของซูหว่าน มองดูรอยสักที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสร้อยข้อมือทองคำ ดวงตาของเขามีความมึนงงเล็กน้อย
“เธอจำ…เรื่องทำหมดได้แล้วเหรอ”
ผ่านไปเนิ่นนาน สวีเช่อก็เงยหน้าขึ้น มองไปยังซูหว่านที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ ในขณะที่เขาตกตะลึงอยู่นั้น อันที่จริงแล้วเขาเตรียมป้องกันอย่างเงียบๆ เขารู้จักซูหว่านดี เขาคิดว่าการกระทำและคำถามของซูหว่านกำลังรบกวนจิตใจของเขาอย่างแน่นอน
นางกำลังรอคอยโอกาสในการลงมือ!
แต่อย่างไรก็ตาม ซูหว่านกลับทำเรื่องที่เหนือความคาดหมายไปอีก นางไม่ลงมือใดๆ แต่เพียงแค่มองชายตรงหน้าด้วยสายตาซับซ้อน
“ทำไมนายถึงช่วยฉัน ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากนาย”
ซูหว่านเดินไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว ดูเหมือนนางจะไม่กลัวเลยว่าสวีเช่อจะโจมตีนางโดยไม่รู้ตัว
ทำไมต้องช่วยเหลือนาง
อันที่จริงสวีเช่อเองก็ไม่รู้คำตอบนี้เช่นกัน