ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 28 บททดสอบบำเพ็ญเพียร (28)
คืนแรกในเมืองสยากวง ซูหว่านอยู่ในห้องของโรงเตี๊ยมตลอดโดยไม่ออกไปไหน นางนั่งอยู่ในห้องของตัวเองและทำสมาธิ จนกระทั่งถึงเช้าวันถัดมา คุณชายมั่วเรียกนางออกไปทานอาหารเช้า ที่ชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยม ซูหว่านเพียงชำเลืองมองก็เห็นเยี่ยเฉิงที่สวมเสื้อคลุมวิเศษสีทองทั้งตัว
นี่คืออาภรของศิษย์ชั้นยอดของสำนักจื่อหยาง แต่หลังจากผ่านไปสองสามทศวรรษ ตัวตนของเขาก็ต่างไปจากเดิมที่เคยเป็น
เมื่อรู้สึกถึงการสายตาของซูหว่าน เยี่ยเฉิงก็ลืมตาโตขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นร่างของซูหว่านและคุณชายมั่ว ดวงตาของเยี่ยเฉิงก็หรี่ลงทันที ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มให้นางเบาๆ “แม่นางชิง ไม่ได้เจอกันนานเลย”
“อืม”
ซูหว่านยิ้มให้เยี่ยเฉิง ดวงตากวาดมองใบหน้าที่ยังคงหล่อเหลาแต่ดุดันและชั่วร้ายของเยี่ยเฉิง หางตาของนางกลับไปตกอยู่บนร่างของจื่อเย่ที่อยู่ด้านหลังของเขาหนึ่งวินาที
จื่อเย่
ซูหว่านได้อยู่ในสำนักจื่อหยางช่วงเวลาหนึ่ง ย่อมรู้ว่าหญิงสาวที่มีใบหน้าเย็นชาคนนั้นชื่อว่าจื่อเย่ และนางยังรู้อีกว่าจื่อเย่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งและใจร้อน
ถ้าหากนางเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจแล้วละก็ ซูหว่านอาจจะพอเดาตัวตนของนางได้แล้ว
สำหรับ เยี่ยเฉิง…
ซูหว่านพอจะคาดเดาได้อยู่บ้างแต่ยังไม่กล้าตัดสินใจ
เช่นเดียวกับคุณชายมั่วที่อยู่ข้างกายนาง ซูหว่านก็เดาเอาเองได้ตั้งนานแล้ว แต่สุดท้ายนางก็ยังไม่กล้าตัดสินอยู่ดี
นางระมัดระวังรอบด้าน คิดให้รอบคอบแล้วค่อยตัดสินใจ
มาถึงในช่วงเวลาสุดท้ายแล้ว ซูหว่านจะไม่ยอมให้ตัวเองทำผิดพลาดใดๆ ทั้งสิ้น ช่วงเวลาสองสามทศวรรษมานี้ นางผ่านมันมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว และมาถึงตอนนี้ นางไม่สามารถจะฝึกฝนและใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้อีกต่อไปแล้ว
ไม่ว่าตัวเองจะจั่วได้ไพ่ราชาหรือไพ่ตัวร้ายในตอนต้น แต่ครั้งนี้จำเป็นต้องลงมือแล้ว!
เมื่อคนทั้งสี่เดินผ่านมา ต่างคนต่างก็นั่งลงบนโต๊ะคนละตัว ในเวลานี้ เหล่าศิษย์ของสำนักวิญญาณก็ลงบันไดภายใต้การนำของเซวียนหยวนสือ
นายน้อย…
เซวียนหยวนสือมองแวบเดียวก็เห็นเยี่ยเฉิงที่นั่งอยู่กับจื่อเย่ได้อย่างรวดเร็ว
นางรู้สึกถึงลมปราณที่คุ้นเคยลอยออกมาจากร่างของเยี่ยเฉิง ลมปราณนั้นเซวียนหยวนสือไม่มีทางจำผิดแน่ ย้อนกลับไปในตอนนั้นเลี่ยเหยียนเซียนจวินได้สร้างอาวุธเวทสำหรับลูกหลานของเขา และรูปร่างอาวุธเวทนั้นก็เหมือนกับสร้อยข้อมือของจิงหงเซียนจื่อทุกประการ มีอาวุธเวทเพียงสองชิ้น ชิ้นหนึ่งสลักชื่อของจิงหงเซียนจื่อ อีกชิ้นหนึ่งสลักชื่อของลูกเขาไว้
เวลานั้นเมื่อเด็กคนนั้นเพิ่งเกิดออกมา มรรคาสวรรค์พลันกำหนดบทลงโทษ เนื่องจากพลังบำเพ็ญของไป๋เย่และเซวียนหยวนสือต่ำเกินไป จึงถูกเลี่ยเหยียนโยนออกจากเขตแดน หลังจากที่เขตแดนหายไป ทุกคนก็หายไปแล้ว…
เลี่ยเหยียนเซียนจวิน จิงหงเซียนจื่อ เซียนดอกเหมยหงอวี้ และยังมีนายน้อยที่เพิ่งเกิดออกมา ก็ไม่อยู่แล้ว
เซวียนหยวนสือเชื่อมั่นว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ จะต้องยังมีชีวิตอยู่เป็นแน่ เพราะจิงหงเซียนจื่อบอกว่านางมาจากอีกมิติหนึ่ง ที่นั่นมีเขตแดนระดับสูงมากๆ เป็นการดำรงอยู่ที่มีระดับสูงกว่าโลกของเซียน!
เซวียนหยวนสือไม่รู้ว่าการดำรงอยู่ของห้วงกาลอวกาศนั้นเป็นอย่างไร แต่นางเฝ้ารอคอยมาหลายปีแล้ว นางจดจำสัมผัสแห่งลมปราณได้ การเฝ้ารอใครคนหนึ่งที่ไม่เคยพบพาน…
ห้าพันปี การรอคอยที่ยาวนาน รอคอยโดยไม่เสียใจภายหลัง ในที่สุดคนที่ปล่อยให้นางรอคอยก็มาอยู่ตรงหน้านางแล้ว
เซวียนหยวนสือยังคงมองเยี่ยเฉิง แต่นางก็ยังคงระมัดระวังเป็นอย่างมาก ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นแววตานั้นที่นางจ้องมองเยี่ยเฉิง
ในทำนองเดียวกัน ก็ไม่มีใครสังเกตเห็น ในโถงชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยม เยี่ยเฉิงและคุณชายมั่วกำลังใช้พลังวิญญาณของพวกเขาสื่อสารอย่างลับๆ…
‘ปล่อยซูหว่านไปได้ไหม’
เมื่อได้ยินคำขอของซูรุ่ย สวีเช่อก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเสียงเย็นชาของสวีเช่อก็ดังขึ้นมาในสมองของซูรุ่ย ‘นี่เป็นการทดสอบ ไม่ใช่เกม ถ้านายลงมือไม่ได้ ก็ส่งนางมาให้ฉันเถอะ ฉันจะจัดการนางเอง’
อันที่จริงแล้ว สวีเช่อในเวลานี้รู้สึกประหลาดใจมาก เพราะว่าเขาปิดผนึกความทรงจำของซูรุ่ยแล้ว คิดไม่ถึงว่าซูรุ่ยจะยังคงไม่สามารถลงมือกับซูหว่านได้
ยิ่งไปกว่านั้น โลกก็ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้ คนแรกที่ซูหว่านพบก็เป็นซูรุ่ย
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ การระบุตัวตนของแต่ละคนล้วนเป็นแบบสุ่ม หากคุณโชคดีก็จะได้เป็นศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจของสำนักใหญ่ๆ แม้แต่เจ้าสำนักหรือตัวละครหลักก็เป็นไปได้ทั้งนั้น และคนที่โชคไม่ดีอาจเป็นเป้ากระสุน ตัวประกอบ หรือแม้แต่คนที่เดินผ่านไปบนถนน
และซูหว่านในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าถูกรางวัลใหญ่เข้าให้แล้ว ครอบครองร่างของงูไผ่เขียวโดยไม่มีรากฐานหรือความสามารถใดๆ
แต่ในขณะที่นางโชคร้าย นางก็ยังมีโชคดีเช่นกัน เพราะว่าคนแรกที่จำนางได้ก็คือซูรุ่ย และคนที่สองที่จำนางได้ก็คือสวีเช่อ
ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานพิสูจน์ความจริงใดๆ เมื่อสวีเช่อพบกับซูหว่านเป็นครั้งแรก ก็สัมผัสได้ถึงลมปราณของสร้อยข้อมือทองคำนั้น นั่นคือของที่เขามอบให้ซูหว่าน ในโลกใบนี้นอกจากเลี่ยเหยียนเซียนจวินแล้ว มีเพียงสวีเช่อเท่านั้นที่สามารถถอดสร้อยข้อมือออกจากมือของนางได้
ครั้งแรกที่ได้พบกัน สวีเช่อไม่ได้ลงมือ ไม่ใช่เพราะลงมือไม่ได้ แต่เพราะ…
ก่อนการทดสอบนี้เขาก็เคยบอกตัวเองว่า ถ้าหากได้พบกับซูหว่าน อย่างไรเสียเขาก็จะปล่อยเธอไปหนึ่งครั้ง
ถึงอย่างไร…
พวกเขาก็เคยอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานาน
หลายปีที่ผ่านมา สวีเช่อจำได้ไม่ชัดเจนแล้วว่าตัวเขาเข้าไปในมิติอื่นมากแค่ไหน หรือปฏิบัติมากี่ภารกิจแล้ว เขาเป็นคนที่ไม่มีความรู้สึกใดๆ หรือไม่มีความทรงจำกับผู้ใดทั้งนั้น ยกเว้นเพียงแต่ซูหว่าน ยังคงมีความทรงจำที่สดใหม่…
ในโลกที่ซูหว่านอาศัยอยู่นั้น เธอเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลซู ส่วนสวีเช่อเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจ และผู้ที่ถูกสิงร่างนั้นชื่อหลีเฝ่ย
ในปีนั้น ซูหว่านถูกคู่หมั้นของตัวเองทอดทิ้ง และเธอก็ยังวางแผนที่จะพาซูโหยวไปตายด้วยกัน
เมื่อรู้สึกว่าโลกใบนั้นมีตัวร้ายปรากฏขึ้นและส่งผลต่อโครงเรื่อง ทันทีที่สวีเช่อเข้าสู่มิติภารกิจในฐานะที่เป็นผู้ฟื้นฟู เขาได้จุติเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์หลีเฝ่ยและค่อยๆ เข้าหาซูหว่านทีละนิด และค่อยๆ จับหัวใจของเธอทีละน้อย
หลังจากที่ซูโหยวและสิงอี้พระเอกนางเอกคู่นั้นแต่งงานกัน โครงเรื่องของโลกนั้นก็กลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องในที่สุด และในเวลานั้นก็ถึงเวลาที่สวีเช่อต้องออกจากภารกิจ ก่อนที่เขาจะจากไป เขาตอบรับคำขอของครอบครัวที่จะแต่งงานกับลูกสาวคนโตของตระกูลฉิน และเป็นเพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดนี้ ทำให้โลกใบนั้นได้พบกับอุบัติเหตุที่ไม่สามารถย้อนกลับไปได้…
‘สิ่งที่ฉันไม่ได้รับ คนอื่นก็อย่าคิดจะได้ไป’
เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวสุดๆ ในค่ำคืนนั้น ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกไหม้เต็มท้องฟ้า เมื่อมองดูเปลวเพลิงเปลี่ยนชุดขาวเป็นสีแดงเพลิง สวีเช่อยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตระหนก
ในเวลานี้ ในสมองของเขามีแต่เสียงการนับถอยหลังสู่การสิ้นสุดภารกิจดังขึ้นไม่หยุด
‘นี่เป็นของขวัญแต่งงานที่ฉันเตรียมไว้ให้กับคุณ! ดอกไม้ไฟที่หรูหราที่สุดในประวัติศาสตร์ หลีเฝ่ย คุณชอบไหม’
ซูหว่านมองชายตรงหน้าของเธอด้วยสายตาเย็นชา ทีละก้าว ทีละก้าว ค่อยๆ เดินเข้าไปตรงหน้าของเขา
เธอเป็นเด็กสุดโต่งแบบนี้มาโดยตลอด ตั้งแต่เกิดมาเธอเป็นคนที่ไม่เคยได้รับคำอวยพร ดังนั้น เธอจึงต่อสู้ เธอแย่งชิงมา! เธอต้องการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเธอ แต่จนถึงที่สุดแล้ว เธอกลับพบว่าทั้งหมดเป็นของปลอม สิ่งที่เรียกว่าความจริงใจทั้งหมดเป็นเรื่องน่าขันทั้งนั้น สิ่งที่เรียกว่าความรัก ล้วนเป็นคำโกหกทั้งเพ!
หลีเฝ่ย ตายด้วยกันเถอะ ดีไหม อย่างน้อยในช่วงเวลานี้ คุณก็เป็นของฉัน!
เมื่อรับรู้ได้ถึงความหมายที่ลึกซึ้งในแววตาของเธอ สวีเช่อก็พูดออกมาโดยไม่รู้ตัว ‘เสี่ยวหว่าน เธอรู้ไหมว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ ทุกอย่างถูกเธอทำลายไปหมดแล้ว โลกนี้ก็กำลังจะแตกสลาย ซูหว่าน ไม่มีใครจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้’
ไม่มีใครรอดชีวิตต่อไปได้ รวมถึงเธอด้วย!
‘นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ สิ่งที่ฉันซูหว่านไม่ได้มา ฉันก็จะทำลายมันให้หมด!’
ในขณะนั้น หัวใจของซูหว่านไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาเธอก็ไม่เคยกลัวความตาย
‘ทุกคนตายไปด้วยกันไม่ดีกว่าเหรอ ชาติหน้ามาสู้กันต่อ คุณตายฉันมีชีวิตอยู่ต่อ!’
ทันทีที่เธอกดรีโมทคอนโทรล ซูหว่านก็รู้สึกเหมือนปลดล็อกแล้ว เป็นอิสระแล้ว และไม่ต้องเข้าไปขวางทางผู้อื่นอีกต่อไป
ความตาย เป็นม่านที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ปัง!
ท่ามกลางการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ คฤหาสน์ทั้งหมดกลายเป็นทะเลเพลิง เนื่องจากตัวเอกอย่างซูโหยวและสิงอี้ก็อยู่ท่ามกลางแขกเหรื่อเหล่านั้น หลังจากที่พระเอกนางเอกตาย โลกทั้งใบก็จะพังทลาย
เมื่อเปลวไฟแห่งการระเบิดและคลื่นความร้อนปะทะกัน ซูหว่านหลับตาลงอย่างสงบ แต่ในวินาทีสุดท้ายนั้น สวีเช่อก็เอื้อมมือออกไปหาเธอ
ในชั่วขณะนั้น มันเป็นวินาทีสุดท้ายที่เขาจะอยู่ในโลกนั้น แต่เขากลับเลือกที่จะ…จับมือของเธอไว้ พาเธอออกมา