ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 26 บททดสอบบำเพ็ญเพียร (26)
สำนักเทียนอวิ๋น
สองร้อยปีเป็นเพียงการดีดนิ้วมือสำหรับผู้ฝึกเซียนเท่านั้น ช่วงนี้เทียนสิงจื่อกักตนไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอก เมื่อเห็นว่าวันที่โลกใบเล็กจะเปิดในทุกๆ สองร้อยปีใกล้เข้ามาแล้ว เขาจึงเพิ่งออกมาจากห้องกักตนของเขา
ทันทีที่เขาออกมา เทียนสิงจื่อก็มองเห็นร่างของตู๋กูชิงจิ่ว
เขาเป็นศิษย์คนสุดท้ายที่เทียนสิงจื่อยอมรับไว้เมื่อสามสิบปีที่แล้ว ในบรรดาศิษย์ทั้งหมดของเขา ตู๋กูชิงจิ่วเป็นคนที่ฉลาดที่สุด
“ท่านอาจารย์!”
เมื่อตู๋กูชิงจิ่วเห็นร่างของเทียนสิงจื่อก็รีบก้าวเข้ามาตรงหน้าทันที “ท่านอาจารย์ ท่านออกจากกักตนรอบนี้เพื่อเรื่องนั้นหรือไม่”
“เฮ้อ”
เมื่อได้ยินคำถามของศิษย์ที่รักของเขา เทียนสิงจื่อก็ถอนหายใจออกมา หลายปีมานี้เขาทำงานอย่างหนักเพื่อต้องการให้แผนความลับสวรรค์ของตนเองก้าวไปอีกขั้น นี่อาจจะสามารถเปลี่ยนลิขิตสวรรค์ได้ น่าเสียดายที่ตัวเขาเองพลาดโอกาสไปเพียงเล็กน้อย จึงไม่สามารถทะลวงผ่านมันไปได้
“ท่านอาจารย์ ข้ารู้ว่าท่านกำลังกังวลสิ่งใด อันที่จริง ข้า ชิงจิ่วมีความคิดอย่างหนึ่ง ไม่ทราบว่าควรพูดหรือไม่!”
ตู๋กูชิงจิ่วมองไปยังเทียนสิงจื่อที่อยู่ด้านข้าง และพูดด้วยน้ำเสียงที่เคารพและระมัดระวัง
“โอ้”
เทียนสิงจื่อหันศีรษะและมองไปยังใบหน้าบอบบางที่ดูไร้พิษภัยของตู๋กูชิงจิ่ว เขารู้มานานแล้วว่า ลูกศิษย์ตัวน้อยของเขาคนนี้แม้ภายนอกจะดูอ่อนโยนไร้พิษสง แต่ความเป็นจริงแล้ว กลับโหดเหี้ยมแล้วอันตรายกว่าผู้ใด
“ท่านอาจารย์ อันที่จริงพวกเราสามารถ…”
ตู๋กูชิงจิ่วกระซิบที่ข้างหูของเทียนสิงจื่อสองสามคำ เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ใบหน้าของเทียนสิงจื่อก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทันที นี่…
แม้ว่าจะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ถ้าหากถึงช่วงแห่งวิกฤตจริงๆ เกรงว่านี่คงเป็นทางเดียวที่พอจะทำได้!
“ให้อาจารย์พิจารณาดูก่อนเถอะ”
เทียนสิงจื่อก้าวเดินออกไปอย่างช้าๆ
ตู๋กูชิงจิ่วยืนอยู่ที่เดิมและมองร่างของเทียนสิงจื่อที่เดินห่างออกไป เขาอดยิ้มจางๆ ไม่ได้…
พิจารณา?
อันที่จริงเขารู้ชัดเจนทีเดียวว่า เทียนสิงจื่อได้ตัดสินใจไปแล้ว ที่พูดว่าจะพิจารณาเรื่องนี้ดูก่อนเป็นเพียงการทำให้ตัวเองดูมีศีลธรรมมากขึ้นก็เท่านั้น
ผู้ฝึกเซียน?
เหอะ ช่างเสแสร้งอะไรเช่นนี้!
ตู๋กูชิงจิ่วยิ้มขณะที่หันหลังกลับ เรียกอาวุธเวทเหาะเหินออกมา และตรงกลับไปที่ถ้ำของเขา ยังไม่ทันจะถึงประตู เขาก็เห็นร่างของอวิ๋นเซียนเอ๋อร์
“ศิษย์พี่ชิงจิ่ว”
อวิ๋นเซียนเอ๋อร์มองไปที่ตู๋กูชิงจิ่วด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เสียงของนางก็ไพเราะอ้อนหวานเป็นพิเศษ
“เซียนเอ๋อร์ เจ้ามาได้อย่างไร”
ตู๋กูชิงจิ่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการปรากฏตัวของอวิ๋นเซียนเอ๋อร์
จะว่าไปแล้ว เขาเองก็ไม่ได้พบกับอวิ๋นเซียนเอ๋อร์เป็นเวลานานพอสมควร เกี่ยวกับที่อยู่ของอวิ๋นเซียนเอ๋อร์นั้น ในสำนักเทียนอวิ๋นทั้งหมดมีเพียงเทียนสิงจื่อเท่านั้นที่รู้
อันที่จริง ศิษย์หลายคนต่างคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างอวิ๋นเซียนเอ๋อร์และเทียนสิงจื่อ คนส่วนมากคิดว่าอวิ๋นเซียนเอ๋อร์น่าจะเป็นญาติของเทียนสิงจื่อ แต่ตู๋กูชิงจิ่วกลับรู้ว่าเรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น
แค่มองแวบแรกก็รู้ว่าอวิ๋นเซียนเอ๋อร์เหมาะสมกับการเป็นนางเอก…สวยงามหยาดเยิ้ม พรสวรรค์ที่น่าทึ่ง ตัวตนลึกลับ และก็ไม่ใช่คนโง่นัก
อะแฮ่ม แน่นอนว่า ข้อสุดท้ายสำคัญที่สุดสำหรับตู๋กูชิงจิ่ว
ผู้หญิงโง่ที่คิดว่าตัวเองสวยและคิดว่าตัวเองมีศีลธรรมคือผู้หญิงที่น่ารำคาญที่สุดแล้ว
“ศิษย์พี่ชิงจิ่ว ข้าได้ยินมาว่าโลกใบเล็กนั่นกำลังจะเปิดอีกแล้ว ข้าอยากเข้าไปนัก แต่ ข้ากลัวว่าท่านอาจารย์จะไม่อนุญาต”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ อวิ๋นเซียนเอ๋อร์ก็รีบมุ่ยปากด้วยความคับข้องใจทันที
ในสำนักเทียนอวิ๋นทั้งหมด มีเพียงเทียนสิงจื่อเท่านั้นที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของนาง แม้ว่าเทียนสิงจื่อจะมีอวิ๋นเซียนเอ๋อร์ติดตามไปทั่วทุกที่ แต่หากพบเรื่องที่เสี่ยงอันตราย เขาจะไม่มีทางปล่อยให้นางได้ยื่นมือเข้ามาพัวพัน
แต่ว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมาอวิ๋นเซียนเอ๋อร์ได้เรียนรู้อย่างฉลาดแล้ว นางพบว่าผู้ที่ท่านอาจารย์โปรดปรานมากที่สุดคือลูกศิษย์ที่เพิ่งรับเข้ามาเป็นคนสุดท้าย และตู๋กูชิงจิ่วคนเป็นก็เป็นผู้ชายที่ฉลาดมาก ดังนั้นอวิ๋นเซียนเอ๋อร์จึงเป็นฝ่ายเริ่มตีสนิทกับตู๋กูชิงจิ่วเอง มีเรื่องอะไรก็จะนำมาปรึกษาเขา
“ศิษย์พี่ ท่านต้องช่วยข้านะ นี่”
อวิ๋นเซียนเอ๋อร์หยิบกล่องหยกจากถุงเก็บของของนางอย่างลึกลับแล้วยื่นให้ตู๋กูชิงจิ่ว “นี่เป็นของที่ข้านำกลับมาจากบ้านครั้งนี้ ศิษย์พี่ชิงจิ่ว ข้ามอบให้ท่าน!”
นี่คือ…
แม้ตู๋กูชิงจิ่วจะไม่ได้เปิดกล่องหยกใบนั้น แต่เขายังคงได้กลิ่นหอมจางๆ และสดชื่นลอยวนขึ้นในอากาศ
กลิ่นนี้คือ… ผลโพธิ์เก้าใบ!
ในตำนานเล่าว่า เป็นผลไม้เซียนที่เมื่อกินเข้าไปแล้วก็จะทำให้คนกลายเป็นเซียนได้!
แน่นอนว่า แท้จริงแล้วผลโพธิ์เก้าใบไม่ได้ให้ผลลับวิเศษเช่นนี้ แต่ว่ามันกลับเพิ่มพลังบำเพ็ญของมนุษย์ได้จริงๆ สิ่งที่มีค่าที่สุดก็คือ มันยังเป็นยาวิเศษที่รักษาโรคได้ ไม่ว่าคุณจะมีพลังบำเพ็ญใด ได้รับบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ตราบใดที่คุณยังมีลมหายใจ กินผลนี้เข้าไป แม้ว่าหลอดเลือดของคุณจะไม่ฟื้นคืนเต็มหลอดในทันที แต่มันก็จะช่วยให้คุณบอกลาสถานการณ์อันตรายและรอดพ้นจากความตายมาได้อย่างหวุดหวิด
ผลไม้ประเภทนี้ อันที่จริงๆ ในแผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์ไม่มีอยู่เลย
ดังนั้น อวิ๋นเซียนเอ๋อร์ย่อมไม่ใช่คนในแผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์แน่นอน! หรือว่านางจะเป็นคนจากต่างแดนในตำนาน
ติ๊ง!
ในเวลานี้เอง ในหัวของตู๋กูชิงจิ่วก็มีเสียงระบบดังขึ้น [ขอแสดงความยินดีกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจฉินอวี่ คุณทายตัวตนที่แท้จริงของนางเอกของโลกภารกิจนี้ได้ถูกต้อง ลำดับต่อไปคุณมีโอกาสที่จะถามหนึ่งคำถาม ฉันจะให้คำตอบกับคุณตามสถานการณ์จริง โปรดจำไว้ว่าคุณมีโอกาสเพียงครั้งเดียว!
ข้อควรระวัง: เพื่อความเป็นธรรม ห้ามถามถึงตัวตนและตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจท่านอื่น ขอขอบคุณในความร่วมมือ]
มาอีกแล้ว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉินอวี่ได้ยินเสียงนี้ ครั้งที่แล้วเมื่อเขาพบว่าอวิ๋นเซียนเอ๋อร์เป็นนางเอกคนแรก เสียงดังกล่าวก็เคยดังขึ้นในหัวของเขาแล้วครั้งหนึ่ง
เนื่องจากไม่รับอนุญาตให้สอบถามเกี่ยวกับตัวตนและตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจคนอื่น ดังนั้นครั้งที่แล้วฉินอวี่จึงถามเกี่ยวกับเรื่องของตัวพระเอกในโลกนี้
จากนั้น ข่าวของหานอวี่พระเอกของโลกนี้ไม่มีประโยชน์ต่อเขาเลยแม้แต่น้อย คราวนี้ เมื่อเขาได้ยินเสียงเตือนอีกครั้ง เขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
‘ในเมื่อไม่สามารถถามถึงตัวตนและตำแหน่งของคนอื่นได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะรู้ได้หรือไม่ว่าคนที่เหลืออยู่ทั้งหมดมาจากแผนกอะไร’
นี่น่าจะเป็นสิ่งที่ฉินอวี่อยากรู้มากที่สุดแล้ว เขาอยากรู้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาเป็นใคร และยิ่งอยากรู้ว่าเพื่อนร่วมทีมของเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
[ได้]
ทันใดนั้นเสียงกลไกที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นในหัวของเขา [ในปัจจุบันของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจทั้งแปดที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกภารกิจ แบ่งออกเป็น แผนกฟื้นฟูสามคน แผนกทำลายสองคน แผนกเกิดใหม่สองคน แผนกทะลุมิติหนึ่งคน!]
ที่แท้ สมาชิกทุกคนของแผนกสวีเช่อก็ยังอยู่ที่นี่
เรื่องนี้ฉินอวี่รู้มานานแล้ว เขากับสวีเช่อเป็นคู่ต่อสู้กันมานานแล้ว และครั้งนี้มีซูรุ่ยอีกคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของสวีเช่อ สำหรับซูรุ่ยนั้น ฉินอวี่เคยศึกษาเขามาแล้วระยะหนึ่ง เขาคาดเดาอยู่เสมอว่าซูรุ่ยน่าจะมีความสามารถที่คนทั่วไปไม่รู้จัก ไม่เช่นนั้นสวีเช่อก็คงจะไม่ใช้เขามากขนาดนั้น และครั้งนี้เยี่ยซินกับสวีเช่อต่างก็ยื่นคำร้องต่อเบื้องบน แยกกันปิดผนึกความทรงจำของซูหว่านและซูรุ่ย นี่จะเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องเดิมของซูรุ่ยหรือไม่
เนื่องจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจกระจายอยู่ทั่วยุทธจักร บางคนอาจจะไม่ได้เจอกันนานเป็นสิบปี เพราะเหตุใดจึงต้องปิดผนึกความทรงจำของคนทั้งสองให้ได้ล่ะ
เว้นเสียแต่ว่า ซูรุ่ยจะมีวิธีพิเศษอะไรในการตามหาซูหว่าน!
ถ้าเช่นนั้น เขาก็สามารถใช้วิธีนั้นในการตามหาคนอื่นได้ด้วย
เรื่องนี้มีความเป็นไปได้
ฉินอวี่ผู้ซึ่งไม่เคยทำสิ่งใดผิดพลาด ในเวลานี้เขายังคงขมวดคิ้วเล็กน้อย…แผนกทำลายยังมีอีกสองคน น่าจะเป็นซูหว่านกับเยี่ยซิน ฉินอวี่กับซูหว่านค่อนข้างรู้จักกันเป็นอย่างดี กับเยี่ยซินยิ่งถือว่าเป็นเพื่อนเก่ากันเลย
เขารู้จักเยี่ยซินผู้หญิงคนนั้นเป็นอย่างดี เธอคนนั้นดูเหมือนไม่มีออร่าอะไรเลย แต่กลับเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่อาจละสายตาได้ ถ้าหากว่าสวีเช่อเป็นราชาท่ามกลางเหล่าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจแล้วละก็ เยี่ยซินก็ถือได้ว่าเป็นราชินีที่ไม่ได้สวมมงกุฎ
เธออาจจะไม่เคยได้รับชื่อเสียงเกียรติยศใดๆ แต่อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน
มีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจประเภทหนึ่ง พวกเขาไม่ได้มีพลังการโจมตีที่รุนแรง เป็นบุคคลที่ดูแล้วไม่มีสิ่งใดน่าตกตะลึงเป็นพิเศษ แต่ก็เป็นเพราะคนที่ดูธรรมดาแบบนี้แหละ ทำให้พวกเขาเข้าร่วมโลกภารกิจได้ง่ายขึ้น และกลมกลืนไปในนั้น ทำให้ผู้คนต้องระมัดระวังตัวครั้งแล้วครั้งเล่า!
และเยี่ยซิน ก็เป็นคนประเภทนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
“ศิษย์พี่ชิงจิ่ว”
เมื่อเห็นตู๋กูชิงจิ่วดูงุนงงเมื่อได้รับกล่องหยกไป อวิ๋นเซียนเอ๋อร์ก็ผลักเขาด้วยความประหม่าเล็กน้อย “ศิษย์พี่ชิงจิ่ว ของสิ่งนี้ ท่านรับไว้เถอะ! อืม ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากศิษย์น้องอย่างข้า”
ถึงแม้ว่าอวิ๋นเซียนเอ๋อร์จะเข้าสำนักมาก่อนตู๋กูชิงจิ่ว แต่ตอนนี้นางก็เป็นเพียงลูกศิษย์ไม่กี่คน ดังนั้นต่อหน้าตู๋กูชิงจิ่วก็ทำได้เพียงเรียกตัวเองว่าศิษย์น้องเท่านั้น
สำหรับความจิตใจดีของนางเอกนั้น ฉินอวี่ย่อมยินดีรับไว้เป็นธรรมดา นี่เป็นของดีที่ใช้ช่วยชีวิตได้จริงๆ และยังได้รู้อีกว่าตัวเองมีเพื่อนร่วมทีมหนึ่งคน ความมั่นใจของฉินอวี่ก็เต็มเปี่ยมขึ้นมาทันที...หลินรั่ว เชื่อว่าพวกเราจะได้เจอกันเร็วๆ นี้