ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 25 บททดสอบบำเพ็ญเพียร
การบำเพ็ญเพียรไร้กาลเวลา
ในชั่วพริบตา ซูหว่านก็ได้เข้าสู่โลกภารกิจมาห้าสิบปีแล้ว ในช่วงเวลาสองสามทศวรรษที่ผ่านมานี้ รูปลักษณ์ของนางไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากมายนัก และการฝึกฝนของนางได้มาถึงระดับก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แล้ว ห่างจากระดับแยกวิญญาณแค่ก้าวเดียวแล้ว
คุณชายมั่วยังคงทำตัวลึกลับซับซ้อนยากคาดเดาอยู่เสมอ ซูหว่านไม่เคยมองพลังบำเพ็ญของเขาออก แต่นางแน่ใจมากทีเดียวว่าคุณชายมั่วเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจแน่นอน
เพราะว่ามีหลายครั้งที่เมื่อคุณชายมั่วออกไปและกำลังจะกลับมานั้น ซูหว่านจะได้ยินเสียงว่าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจถูกกำจัด
ตอนนี้ ในทั้งมิตินี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจเหลืออยู่แปดคนสุดท้าย
ซูหว่านรู้ดีว่านอกจากนางและคุณชายมั่วแล้ว ยังเหลืออีกหกคน
อะแฮ่ม เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซูเสี่ยวหว่านก็รู้สึกเศร้าเสียใจมาก เพราะว่าหลายสิบปีมานี้นางยุ่งไม่ได้ว่างเลย และไม่ได้กำจัดใครแม้แต่คนเดียว
แต่ว่า อย่างน้อยนางก็ยังมีชีวิตอยู่
อืม ที่สามารถมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงตอนนี้ แม้ว่าจะต้องอาศัยโชคช่วยอย่างมาก แต่ว่าโชคก็เป็นอีกหนึ่งความแข็งแกร่ง ถ้าหากว่าคุณสามารถหลบซ่อนได้ตลอดมา จนเหลือสองคนสุดท้าย ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นคนที่โกงได้เก่งมากเช่นกัน
ในชั่วพริบตาเดียว เวลาก็ได้ผ่านไปถึงการประชุมครั้งใหญ่ของแดนบำเพ็ญเพียรแห่งแผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์ ที่จะจัดขึ้นทุกๆ สองร้อยปี
หลังจากที่เลี่ยเหยียนเซียนจวินได้ระเบิดตัวเองไปเมื่อห้าพันปีก่อน แผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์ทั้งหมดก็เกือบจะถูกทำลายไปด้วย ในเวลานั้นมีเซียนจวินอีกสี่ท่านที่ร่วมมือกันปิดผนึกพื้นที่ที่เลี่ยเหยียนระเบิดตัวเองไว้ สิ่งนี้ได้ช่วยชีวิตคนทั้งทวีปเอาไว้
และเมื่อเวลาผ่านไป พื้นที่ปิดผนึกนั้นก็ค่อยๆ กลายเป็นโลกใบเล็กอันเป็นเอกเทศ ทุกๆ สองร้อยปี ทางเข้าสู่โลกนั้นจะเปิดอีกครั้งหนึ่งครั้ง เป็นระยะเวลาสองเดือน ในช่วงสองเดือนนี้สำนักต่างๆ ในแดนเซียนคุนหลุนมีสิทธิ์ส่งศิษย์ของตนเองเข้าไปสัมผัสและสำรวจ
ถึงอย่างไรก็ตาม นั่นก็เป็นโลกเมื่อห้าพันปีก่อน ไม่แน่ว่าอาจจะมีสมบัติหายากหลงเหลืออยู่ ยิ่งไปกว่านั้น เลี่ยเหยียนเซียนจวินก็ระเบิดตัวเองไป ณ ที่แห่งนั้น ทุกสิ่งที่เขามีเกือบทุกอย่างก็น่าจะยังหลงเหลืออยู่ในโลกนั้น
ตอนนี้ กุญแจที่จะเปิดประตูแห่งโลกนั้นอยู่ในมือของสามสำนักชั้นหนึ่ง และในขณะที่ระยะเวลาสองร้อยปีกำลังใกล้เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นแดนเซียนคุนหลุน หรือดินแดนรกร้าง ผู้ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรทุกคนต่างเตรียมพร้อมที่จะลงมือ
โลกใบนั้น…
ซูหว่านหลุบตาลงมองไปยังรอยสักสีทองบนข้อมือของนาง
ถ้าหากว่าสิ่งที่นางคาดเดาเป็นเรื่องจริง สวีเช่อจะต้องไม่พลาดโอกาสที่จะมีขึ้นในทุกๆ สองร้อยปีนี้อย่างแน่นอน
ตัวนางเองก็จะพลาดไม่ได้!
แต่ว่า การชุมนุมผู้บำเพ็ญครั้งใหญ่ที่สองร้อยปีมีขึ้นหนึ่งครั้งนี้ ว่ากันว่ามีเฉพาะสำนักที่อยู่เหนือชั้นสี่เท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าร่วม และลูกศิษย์ทั้งหมดที่มีคุณสมบัติในการเข้าสู่แดนลับของโลกใบเล็กก็ล้วนเป็นศิษย์ชั้นยอดของสำนักใหญ่ๆ
ตอนนี้ซูหว่านไม่มีสำนักไม่มีพรรค หากต้องการเข้าไปก็มีความลำบากอยู่ไม่น้อย นอกเสียจาก…
ภายในถ้ำพำนัก
“คุณชาย”
ซูหว่านยิ้มขณะถือผลไม้จานหนึ่งที่ล้างเรียบร้อยแล้ว และยื่นเข้าไปตรงหน้าของคุณชายมั่ว
“หือ”
คุณชายมั่วเหลือบตาขึ้น มองไปยังใบหน้าที่ดูประจบสอพลอของเจ้างูน้อยของเขาเอง เขาอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น “เจ้ายังต้องการอะไรอีก อย่าบอกว่าจะขอยาหมื่นวิญญาณอีกน่ะ ตอนนี้ยานั่นไม่มีประโยชน์สำหรับเจ้าแล้ว!”
“โธ่ คุณชาย! ท่านลองดูผลไม้พวกนี้สิ เสี่ยวชิงตั้งใจขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเด็ดลงมาให้ท่านโดยเฉพาะเลยนะ สดใหม่มาก ท่านลองกินดูก่อนเถอะ! ข้าไม่ได้มาเพื่อขอยาเสียหน่อย คุณชาย ท่านดีต่อข้าถึงเพียงนี้ ข้าจะไม่สามารถแสดงความจริงใจต่อท่านได้หรือ”
คุณชายมั่วได้แต่ส่งเสียงในใจ หึๆ
หลายปีมานี้เขามองธาตุแท้ของเจ้างูน้อยตัวนี้ออกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว คุณอย่ามองเพียงแค่รอยยิ้มแสนอ่อนหวานอ่อนโยนที่นางยิ้มให้คุณเท่านั้น หากวันใดวันหนึ่งพลังบำเพ็ญของนางสูงกว่าตัวเองไปแล้ว คุณชายมั่วไม่สงสัยเลยว่า เจ้าเด็กนี้จะต้องเอามีดมาแทงตัวเองจากข้างหลังแน่นอน
ว่ากันว่าหัวใจของผู้หญิงมีพิษร้ายแรงที่สุดนะ
คุณชายมั่วยิ้ม หยิบองุ่นลูกหนึ่งกินเข้าไปหนึ่งคำ น้ำผลไม้มีรสหวานและรสชาติไม่เลวเลยจริงๆ
“คุณชาย อร่อยหรือไม่”
ซูหว่านกะพริบตาโต เข้าไปใกล้คุณชายมั่วมากขึ้นและเริ่มทำตัวน่ารักอีกครั้ง “ตอนที่ข้าขึ้นเขาไปเพื่อเก็บผลไม้ ข้าเห็นผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนมากกำลังเดินทางไปทางสำนักเทียนอวิ๋นล่ะ ที่นั่นจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่านะ”
“อ้อ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน คุณชายมั่วก็เข้าใจในทันที เจ้างูน้อยตัวนี้หมายปองโลกใบเล็กที่สองร้อยปีเปิดหนึ่งครั้งนี่เอง
แต่จะว่าไปแล้ว ตัวเขาเองจริงๆ ก็นัดกับสวีเช่อไว้แล้วว่าจะพบกันที่นั่น
คุณชายมั่ว แน่นอนว่าก็คือซูรุ่ย
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทุกคนที่เขาได้สัมผัสเขาจดจำเอาไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจ เดิมทีมีสิบแปดคน ตอนนี้เหลืออยู่เพียงแปดคน มีหกคนที่ซูรุ่ยสัมผัสได้นานแล้ว ตอนนี้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็คือซูหว่านจากแผนกทำลาย หรือก็คือเจ้างูน้อยตัวนี้ที่อยู่ข้างกายเขานี่เอง และยังมีสวีเช่อจากแผนกของเขาเอง เขาก็คือเยี่ยเฉิงของสำนักจื่อหยางนั่นเอง
และยังมีหลินรั่วจากแผนกเกิดใหม่ เธออยู่ข้างกายสวีเช่อมาโดยตลอด ชื่อปัจจุบันของเธอก็คือจื่อเยี่ย
คนที่สี่คือซังเหนียนหวาจากแผนกทะลุมิติ ตัวตนปัจจุบันของเธอก็คือโหวปิงหนิงของสำนักต้าชี่ ควรค่าพอที่จะกล่าวได้ว่า โหวปิงหนิงมีพี่ชายคนหนึ่งชื่อโหวปิ่งเฉิน ซึ่งเป็นอัจฉริยะในหมู่คนรุ่นใหม่ของสำนักต้าชี่ และโหวปิ่งเฉินคนนั้นก็เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจเช่นกัน เขาก็คืออวิ๋นเซิง ผู้ที่อยู่แผนกด้วยกับซูรุ่ยและสวีเช่อ
คนที่หก ย่อมต้องเป็นฉินอวี่จากแผนกการเกิดใหม่ ตัวตนปัจจุบันของเขาก็คือตู๋กูชิงจิ่วลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดของเทียนสิงจื่อแห่งสำนักเทียนอวิ๋น
ตัวตนนี้ถือได้ว่าไม่ธรรมดาเอาเสียเลย และฉินอวี่เอง หลายปีมานี้ก็เก็บเนื้อเก็บตัวมาโดยตลอด ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใดเลย
และยังมีอีกคนหนึ่ง…
ยังมีคนสุดท้าย
นึกไม่ถึงเลยว่าซูรุ่ยจะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงลมปราณของคนนั้น
เหตุการณ์เช่นนี้มีความเป็นไปได้สองอย่างเท่านั้น ประการแรก สถานที่ที่บุคคลนั้นอาศัยอยู่ อยู่ห่างไกลจากที่ที่ซูรุ่ยอยู่ในแดนเซียนคุนหลุนมาก ดังนั้นซูรุ่ยจึงสัมผัสไม่ได้ถึงการดำรงอยู่ของเขา
แต่ความเป็นได้ประการที่สองนั้นถือได้ว่าอันตรายอย่างมาก
บุคคลนั้นก็น่าจะอยู่ในแดนเซียนคุนหลุนนี้ ทั้งยังอยู่ในบรรดาสำนักใหญ่ๆ เหล่านี้ เพียงแต่ว่าเขานั้นมีวิธีพิเศษที่จะปิดบังลมปราณทั้งหมดของเขาเอาไว้ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถสัมผัสรับรู้ได้ถึงเขา ถ้าหากเป็นไปตามความเป็นได้นี้จริงๆ บุคคลที่มีความสามารถคนนั้นก็เป็นการดำรงอยู่ที่อันตรายที่สุด…
แปดคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ จะเป็นการต่อตัดสินสู้ครั้งสุดท้ายหรือไม่
ในเวลานี้ ห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ
เยี่ยคานฮวนกำลังนั่งกินเมล็ดแตงอยู่ที่นั่น และข้างกายของเขาก็มีติงจยาจยาที่นั่งอยู่ด้วยใบหน้าน่ารักเหมือนตุ๊กตา
“นี่ รูปหล่อ นายแบ่งให้ฉันกินหน่อยสิ! นายกินคนเดียวสนุกนักเหรอ”
ขณะที่พูดติงจยาจยาก็กำลังเอื้อมมือออกไป แต่เยี่ยคานฮวนก็หมุนตัวและหยิบเมล็ดแตงออกไป “ฉันกินคนเดียว สนุกมาก”
ติงจยาจยา “…”
นายมันคือผู้ชายเวอร์จิ้นที่ไม่มีใครต้องการไปจนตาย
“ฮึ”
เธอหันกลับมาอย่างโกรธเคือง เมื่อเห็นอารมณ์โกรธอย่างหญิงสาวของติงจยาตยา เยี่ยคานฮวนที่อยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “นี่ ล้อเธอเล่นหรอกน่า มาๆๆ เชิญเธอกินเลย เธอบอกฉันหน่อยสิว่าเธอ OUT ได้ยังไง”
ติงจยาจยา “…”
“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากกินแล้ว!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ในใจของติงจยาจยาก็เต็มไปด้วยน้ำตา…
คุณว่าเธอจัดการได้ง่ายเหรอ ไม่ง่ายเลยที่สวรรค์จะให้เธอผู้คุมอำนาจอยู่หลังม่าน ทำให้เธอได้กลายเป็นต่งชิงซิ่วเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักฮวนสี่ ติงจยาจยาคนนี้ยังไม่ทันได้มีเวลานอนหลับพักผ่อนถึงสองสามครั้ง ก็เกือบโดนคุณชายมั่วเจ้าโรคจิตนั่นฆ่าเสียแล้ว ช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนั้น เธอทำได้เพียงสละร่างกายของเธอ ทารกปราณตัวเล็กๆ ก็หลบหนีกลับไปยังสำนักฮวนสี่อย่างน่าหวาดเสียวเหลือเกิน
ติงจยาจยาคิดถึงเหล่าหญิงชายผู้งามสง่าจำนวนนับไม่ถ้วนในสำนักฮวนสี่ ตัวเธอก็แค่หาลูกศิษย์ใหม่ที่รูปร่างดีหน่อยแล้วยึดร่างมาก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ
อย่างไรก็ตาม โศกนาฏกรรมก็คือหญิงสาวที่เธอกำลังจะยึดร่างมานั้น แท้จริงแล้วคือเตาหลอมที่ปรมาจารย์สำนักฮวนสี่สนใจอยู่!
ดังนั้น เพื่อนร่วมชั้นติงจยาจยาจึงมีความสับสนเล็กน้อยหลังจากเข้ายึดร่างได้สำเร็จ เมื่อตัวเองลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าเธอถูกปรมาจารย์รวบหัวรวบหางไปแล้วและไม่แสดงความรับผิดชอบทั้งสิ้น อันที่จริงนี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับติงจยาจยาเลยแม้แต่น้อย แต่ปรมาจารย์ของสำนักฮวนสี่กลับเป็นไอ้โรคจิตอันดับหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์! หลังจากXXOOแล้ว เขายังดูดปราณพิสุทธิ์ของผู้คนไปด้วย ทำให้สาวสวยกลายเป็นหญิงชราผมหงอก!
มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง
หากปราศจากความสดสวยของวัยเยาว์แล้ว ติงจยาจยาก็รู้สึกว่าเธอไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เธอเคยยึดร่างคนอื่นมาแล้วหนึ่งครั้ง จะยึดอีกเป็นครั้งที่สองไม่ได้แล้ว ติงจยาจยาที่มีความรู้สึกไม่สบายใจแล้ว ทำได้เพียงแค่ตายและกลับมายังสำนักงานใหญ่เท่านั้น
อะแฮ่ม ใช่แล้ว ที่แท้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจก็สามารถฆ่าตัวตายได้เช่นกัน
หลังจากกลับมาและเห็นร่างกายที่สวยงามอ่อนเยาว์ของตัวเองแล้ว หลอดเลือดของติงจยาจยาฟื้นคืนเต็มหลอดทันที แต่ว่าการฆ่าตัวตายกลับมาแบบนี้ เธอไม่มีทางบอกใครแน่ๆ ไม่มีทาง
อย่างไรก็ตาม อย่างไรก็ตามตอนนี้ซูหว่านและเยี่ยซินยังคงอยู่ในโลกภารกิจ ตัวเธอแค่คอยให้กำลังใจพวกเขาก็ได้แล้วนี่! อืม ตัดสินใจตามนี้ก็แล้วกัน สบายใจดี