ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 22 บททดสอบบำเพ็ญเพียร (22)
เมื่อออกจากขอบเขตอิทธิพลของสำนักไท่อี คุณชายมั่วก็นำทุกคนมาถึงถ้ำพำนักที่สะอาดสะอ้านแห่งหนึ่ง ที่นี่ เป็นที่ที่เขาและเชียนเอ๋อร์พักอาศัยอยู่ในช่วงนี้ ที่นี่เคยเป็นถ้ำพำนักของผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนัก ผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักผู้นั้นพ่ายแพ้ต่อภัยการผจญเคราะห์กรรมจนวิญญาณกระจัดพลัดพราย ถ้ำแห่งนี้จึงถูกทิ้งไว้เฉยๆ
คุณชายมั่วเป็นผู้ที่กลัวความวุ่นวายมาก เมื่อพบสถานที่ที่พร้อมสรรพเช่นนี้ เขาก็เก็บกวาดทำความสะอาดใช้อยู่อาศัยแก้ขัดไปก่อนได้
หลังจากเข้าไปในถ้ำพำนักแล้ว คุณชายมั่วก็โยนยาลูกกลอนสองสามขวดให้พวกจิวกับหานอวี่ และโยนดอกเหมยน้อยให้กับเชียนเอ๋อร์ จากนั้นเขาก็หมุนกายกลับเข้าไปในห้องบำเพ็ญเพียร
หลังจากเข้าไปในห้องบำเพ็ญเพียรลับ เขารีบปล่อยซูหว่านที่อยู่ในอกของตัวเองออกอย่างระมัดระวัง
ในเวลานี้ นางขดตัวในร่างของงูสีเขียวมรกต และทั้งตัวของนางก็เย็นราวกับน้ำแข็ง
“เจ้างูน้อย?”
ภายในใจของคุณชายมั่วเกิดความหวาดกลัวขึ้นระลอกหนึ่ง เขาสัมผัสร่างกายของนางอย่างระมัดระวัง นางในตอนนี้ไม่สามารถประคับประคองร่างมนุษย์ของนางได้เลย แม้ว่าคุณชายมั่วจะเกิดในหุบเขาสมุนไพร แต่สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรปีศาจนั้นเขาก็ไม่มีความรู้มากนัก สถานการณ์ในตอนนี้เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำเช่นไร
และในเวลานี้เอง ห้วงจิตสำนึกของซูหว่านเองก็วุ่นวายเช่นกัน การได้รับบาดเจ็บของนางและจิวนั้นไม่เหมือนกัน เดิมทีซูหว่านก็จะได้เลื่อนขั้นไปสู่ระดับแก่นทองคำแล้ว ระดับแก่นทองคำของเผ่ามนุษย์ ในแดนปีศาจมีชื่อเรียกว่าแก่นปีศาจ!
แสงสีทองในถุงควบคุมปีศาจของอวิ๋นเซียนเอ๋อร์เมื่อครู่นอกจากจะทำร้ายซูหว่านแล้ว ในเวลาเดียวกันก็ยังกระตุ้นฤทธิ์ยาของผลไขสันหลังหยกหมื่นปี ตอนนี้ แม้นางจะได้รับบาดเจ็บแต่กลับมีโอกาสได้เลื่อนขั้นก้าวหน้าอย่างกะทันหัน…
นี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการอยู่หรือตาย! หากเลื่อนขั้นสำเร็จ ก็จะเข้าสู่ขั้นแก่นปีศาจ!
หากเลื่อนขั้นล้มเหลว ก็จะวิญญาณกระจัดพลัดพราย!
ห้วงแห่งจิตสำนึกของซูหว่านตอนนี้เหมือนมีหมอกหนา นางไม่สามรถใช้ปราณวิญญาณได้ในขณะนี้ ปราณวิญญาณในร่างกายนั้นพลุ่งพล่านวุ่นวาย แต่ผลไขสันหลังหยกหมื่นปีก็เต็มไปด้วยพลังแห่งการรักษา
ปราณวิญญาณทั่วทั้งร่างกำลังบิดเข้าหากัน ทำให้ซูหว่านขดตัวเข้าหากัน และสั่นเทาไม่หยุด
“เจ้างูน้อย เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
เมื่อคุณชายมั่วเห็นซูหว่านไม่ตอบสนอง เขาก็ยกมือขึ้นคิดจะถ่ายเทปราณวิญญาณในร่างของเขาให้กับนาง ผลคือเพียงแค่สัมผัสโดนร่างกายของนาง ก็โดนลำแสงสีทองโจมตีกลับไป
นี่คือ…
ลวดลายสีทองนั่น!
คุณชายมั่วเฝ้าดูร่างกายของซูหว่านที่ถูกปกคลุมไปด้วยลำแสงสีทองทั้งหมดนั้นอย่างเงียบๆ
ซูหว่านในยามนี้รู้สึกเพียงว่าปราณวิญญาณในร่างกายของนางค่อยๆ สงบลงแล้ว นางอยากขยับเคลื่อนปราณวิญญาณในจุดตันเถียนของตัวเอง แต่ปราณวิญญาณเหล่านั้นดูเหมือนจะหนีจากควบคุมของนางและเริ่มโคจรด้วยตัวมันเอง
และห้วงแห่งจิตสำนึกของซูหว่านก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากความสับสนวุ่นวายกลายเป็นสดใสชัดเจน นางรู้สึกเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง ที่นี่ เต็มไปด้วยปราณวิญญาณมากมาย ทั้งภูเขาและที่ราบต่างเต็มไปด้วยขุมสมบัติแห่งฟ้าดิน!
ที่นี่ พูดง่ายๆ ก็คือแดนเซียนของโลกมนุษย์!
ซูหว่านมองดูภูมิทัศน์แปลกๆ ที่ปรากฏในห้วงแห่งจิตสำนึกของนางด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้น นางก็ตระหนักได้ว่าภูเขาตรงหน้านางดูคุ้นเคยไม่น้อย นี่…ไม่ใช่ภูเขาเลี่ยหยางของสำนักจื่อหยางใช่ไหม
และในเวลานี้ บนภูเขาลูกนั้นไม่มีห้องโถงใหญ่ประตูเขาที่สูงตระหง่านของสำนักจื่อหยาง มีเพียงร่างสองร่างของชายและหญิงเท่านั้น
สองคนนี้…
ซูหว่านก้าวไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว เมื่อเข้าไปใกล้ ในที่สุดนางก็ได้เห็นรูปลักษณ์ของคนหนึ่งในนั้น
สวี…
ซูหว่านยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ!
ร่างในชุดสีแดงที่อยู่ตรงหน้า ผู้ชายที่มีท่าทางอ่อนโยนสง่างาม สุภาพเยือกเย็นราวกับหยก ไม่ใชสวีเช่อเหรอ
สวีเช่อ
ไม่ ไม่ใช่สวีเช่อ
ซูหว่านเดินเข้าไปใกล้อีกสองสามก้าว ในเวลานี้ชายผู้นั้นกำลังจับมือของหญิงสาวข้างกายเขาอย่างหน้าไม่อาย “อาชิ่น อาชิ่น เจ้าดูดวงอาทิตย์ขึ้นที่นี่สิว่าสวยขนาดไหน! เจ้าอยากดูมันมาตลอดไม่ใช่หรือ”
“ไปให้พ้น ใครจะอยากดูกัน เจ้านั่นแหละที่ดึงดันจะพาข้ามาที่นี่ไม่ใช่หรือ”
เมื่อได้ยินเสียงของชายผู้นั้น หญิงสาวในชุดสีขาวก็หันกลับมามองเขาอย่างดุดัน
ในเวลานี้เอง ซูหว่านก็ได้เห็นรูปร่างหน้าตาของหญิงสาวในชุดขาวอย่างชัดเจน ผิวของนางเรียบเนียน คิ้วโก่งดั่งคันศร แววตาอ่อนโยน งดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์
ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกันดูเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก
“เลี่ยเหยียน! เจ้าคนทรยศ ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่! ไสหัวออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้!”
ในเวลานี้พลันมีเสียงแหลมคมของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นมาจากเชิงเขา เมื่อได้ยินเสียงของนาง ใบหน้าของคนสองคนบนยอดเขาก็เปลี่ยนไป
“หึ หนี้ดอกท้อของเจ้ามาถึงแล้ว”
เซียนในชุดขาวมุ่ยปาก ถึงแม้ว่าจะโกรธอยู่ แต่นางก็ยังคงมีเสน่ห์
และชายชุดแดงที่อยู่ด้านข้างก็ยิ้มจางๆ เขาเคาะนิ้วเบาๆ และทันใดนั้นก็ปรากฏเงาสีขาวและสีดำขึ้น
“อาสือ อาเย่ รีบช่วยข้าจับหญิงบ้าผู้นี้ออกไป!”
“รับบัญชา นายท่าน!”
ร่างทั้งสองรีบวิ่งออกไป ซูหว่านที่อยู่ด้านข้างไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของคนทั้งสองอย่างชัดเจน รู้เพียงแต่ว่าร่างชุดขาวนั้นเป็นผู้ชาย และร่างชุดดำนั้นเป็นผู้หญิง
เลี่ยเหยียน…
ภูเขาเลี่ยหยาง
หรือว่า ชายผู้มีหน้าตาเหมือนกับสวีเช่อผู้นี้ ก็คือเลี่ยเหยียนเซียนจวินในตำนาน! และหญิงในชุดขาวผู้นั้นก็คือจิงหงเซียนจื่อที่ดอกเหมยน้อยเคยพูดถึง
ซูหว่านประหลาดใจกับการคาดเดาของตัวเอง และในชั่วพริบตาทุกอย่างก็ผันผวนแปรเปลี่ยนไป
เปลวไฟไร้สิ้นสุด เสียงฟ้าร้องคำรามดังอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
สวรรค์ลงโทษ สวรรค์พิโรธ
ซูหว่านมองเห็นความโกลาหลระหว่างผืนฟ้าและแผ่นดิน ผมสีดำที่กระเซอะกระเซิง ไม่มีอีกแล้วเลี่ยเหยียนเซียนจวินผู้งามสง่าในอดีต ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดกำลังโอบอุ้มหญิงสาวชุดแดงไว้ในอ้อมแขน
“อาชิ่น อาชิ่น! อย่าจากข้าไป อย่าจากข้าไป”
“ข้า…”
จิงหงเซียนจื่อพยายามอย่างมาเพื่อจะลืมตาขึ้น นางยกมือขึ้นเพื่อสัมผัสใบหน้าของเลี่ยเหยียนเซียนจวิน ในเวลานี้ ซูหว่านที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เห็นสร้อยข้อมือทองคำบนมือของนางอย่างรวดเร็ว นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะเหมือนกับสร้อยข้อมือเส้นนั้นของนางทุกประการ!
ที่แท้สร้อยข้อมือเส้นนั้นก็เป็นของจิงหงเซียนจื่อเหรอ
แล้วมันมาอยู่ในมือของนางได้ยังไงกัน แถมยังถอดออกไปไม่ได้อีก
ซูหว่านถอยหลังไปสองสามก้าว นางสัมผัสไปที่ข้อมือของตัวเองโดยไม่รู้ตัว แม้ว่านางจะอยู่ในห้วงแห่งจิตสำนึก แต่สร้อยข้อมือเส้นนั้นก็ยังอยู่ที่ข้อมือของนาง
มันไม่ได้เป็นเพียงรอยสักอีกต่อไป แต่กลายเป็นสร้อยข้อมือจริงๆ
“นี่คือยุทธภัณฑ์เซียนจำแลง ไม่มีความสามารถในการโจมตีใดๆ มันทำได้เพียงปกปิดปราณผีในตัวเจ้าเท่านั้น เพื่อให้เจ้าได้เดินทางในโลกมนุษย์อย่างสงบสุข”
เสียงของเด็กหนุ่มดังก้องขึ้นในหูของซูหว่าน
นางจำได้แล้วว่า นี่คือของที่ผีชราตัวหนึ่งมอบให้ตัวนางในโลกภารกิจ!
เพียงแต่สำหรับเรื่องอื่นๆ ในโลกภารกิจนั้น ซูหว่านจำอะไรไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ดูท่าแล้ว สร้อยข้อมือชิ้นนี้คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ซูหว่านยื่นข้อมือขึ้น และมองดูสร้อยข้อมือทองคำบนมือตัวเองอย่างจริงจัง ชั่วขณะนั้น สร้อยข้อมือนั้นมีแสงสีทองสว่างวาบขึ้น และปรากฏคำว่า ‘ชิ่น’ ขึ้น
อาชิ่น
จิงหงเซียนจื่อ ที่แท้ของสิ่งนี้ก็เป็นของนาง ใจของซูหว่านอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น…
ห้วงแห่งจิตสำนึกของซูหว่านเริ่มสับสนวุ่นวายอีกครั้งในเวลานี้ และจิตสำนึกทั้งหมดของนางก็ค่อยๆ สงบลง ยามนี้ ภายในห้องบำเพ็ญเพียร คุณชายมั่วมองดูแสงสีทองที่อ่อนจางลง และซูหว่านซึ่งขดตัวอยู่บนฟูก เกล็ดบนร่างของนางเริ่มร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง จนกระทั่งเกล็ดเหล่านั้นร่วงลงหมดแล้ว แสงสีครามก็สว่างวาบขึ้นจากในร่างกายของนาง นั่นคือแก่นปีศาจของนาง!
หลอมแก่นสำเร็จแล้ว!
ดวงตาของคุณชายมั่วเป็นประกาย แต่ก่อนที่เขาจะได้ปีติยินดี ก็มองเห็นซูหว่านที่อยู่ตรงหน้าเขา ค่อยๆ กลายร่างกลับมาเป็นร่างมนุษย์ และในเวลานี้นางย่อมอยู่ในร่างเปลือยเปล่าเป็นแน่แท้
เอ่อ
คุณชายมั่วกะพริบตาปริบๆ เขายกมือขึ้นและหยิบเสื้อคลุมของตัวเองออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ และคลุมลงบนร่างกายของนาง เมื่อมองดูหญิงสาวที่ยังคงหลับใหล ดวงตาของคุณชายมั่วก็ค่อยๆ ลึกลับซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย…
ซูหว่าน
เพราะอะไรกัน ทำไมฉันถึงคิดว่าเธอดูคุ้นเคยนักนะ
ถึงแม้ว่า ในความทรงจำของตัวเองจะมีเพียงชื่อ ‘ซูหว่าน’ สองคำนี้ แม้แต่ตอนที่พบเจอเจ้างูน้อยตัวนี้ในโลกภารกิจเป็นครั้งแรก ตัวเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเธอ แต่ว่า ตัวเองกลับไม่สามารถลงมือกับเธอได้เลย
เธอไม่เหมือนกับคนอื่น ไม่เหมือนเลยจริงๆ เมื่อออกจากขอบเขตอิทธิพลของสำนักไท่อี คุณชายมั่วก็นำทุกคนมาถึงถ้ำพำนักที่สะอาดสะอ้านแห่งหนึ่ง ที่นี่ เป็นที่ที่เขาและเชียนเอ๋อร์พักอาศัยอยู่ในช่วงนี้ ที่นี่เคยเป็นถ้ำพำนักของผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนัก ผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักผู้นั้นพ่ายแพ้ต่อภัยการผจญเคราะห์กรรมจนวิญญาณกระจัดพลัดพราย ถ้ำแห่งนี้จึงถูกทิ้งไว้เฉยๆ
คุณชายมั่วเป็นผู้ที่กลัวความวุ่นวายมาก เมื่อพบสถานที่ที่พร้อมสรรพเช่นนี้ เขาก็เก็บกวาดทำความสะอาดใช้อยู่อาศัยแก้ขัดไปก่อนได้
หลังจากเข้าไปในถ้ำพำนักแล้ว คุณชายมั่วก็โยนยาลูกกลอนสองสามขวดให้พวกจิวกับหานอวี่ และโยนดอกเหมยน้อยให้กับเชียนเอ๋อร์ จากนั้นเขาก็หมุนกายกลับเข้าไปในห้องบำเพ็ญเพียร
หลังจากเข้าไปในห้องบำเพ็ญเพียรลับ เขารีบปล่อยซูหว่านที่อยู่ในอกของตัวเองออกอย่างระมัดระวัง
ในเวลานี้ นางขดตัวในร่างของงูสีเขียวมรกต และทั้งตัวของนางก็เย็นราวกับน้ำแข็ง
“เจ้างูน้อย?”
ภายในใจของคุณชายมั่วเกิดความหวาดกลัวขึ้นระลอกหนึ่ง เขาสัมผัสร่างกายของนางอย่างระมัดระวัง นางในตอนนี้ไม่สามารถประคับประคองร่างมนุษย์ของนางได้เลย แม้ว่าคุณชายมั่วจะเกิดในหุบเขาสมุนไพร แต่สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรปีศาจนั้นเขาก็ไม่มีความรู้มากนัก สถานการณ์ในตอนนี้เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำเช่นไร
และในเวลานี้เอง ห้วงจิตสำนึกของซูหว่านเองก็วุ่นวายเช่นกัน การได้รับบาดเจ็บของนางและจิวนั้นไม่เหมือนกัน เดิมทีซูหว่านก็จะได้เลื่อนขั้นไปสู่ระดับแก่นทองคำแล้ว ระดับแก่นทองคำของเผ่ามนุษย์ ในแดนปีศาจมีชื่อเรียกว่าแก่นปีศาจ!
แสงสีทองในถุงควบคุมปีศาจของอวิ๋นเซียนเอ๋อร์เมื่อครู่นอกจากจะทำร้ายซูหว่านแล้ว ในเวลาเดียวกันก็ยังกระตุ้นฤทธิ์ยาของผลไขสันหลังหยกหมื่นปี ตอนนี้ แม้นางจะได้รับบาดเจ็บแต่กลับมีโอกาสได้เลื่อนขั้นก้าวหน้าอย่างกะทันหัน…
นี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการอยู่หรือตาย! หากเลื่อนขั้นสำเร็จ ก็จะเข้าสู่ขั้นแก่นปีศาจ!
หากเลื่อนขั้นล้มเหลว ก็จะวิญญาณกระจัดพลัดพราย!
ห้วงแห่งจิตสำนึกของซูหว่านตอนนี้เหมือนมีหมอกหนา นางไม่สามรถใช้ปราณวิญญาณได้ในขณะนี้ ปราณวิญญาณในร่างกายนั้นพลุ่งพล่านวุ่นวาย แต่ผลไขสันหลังหยกหมื่นปีก็เต็มไปด้วยพลังแห่งการรักษา
ปราณวิญญาณทั่วทั้งร่างกำลังบิดเข้าหากัน ทำให้ซูหว่านขดตัวเข้าหากัน และสั่นเทาไม่หยุด
“เจ้างูน้อย เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
เมื่อคุณชายมั่วเห็นซูหว่านไม่ตอบสนอง เขาก็ยกมือขึ้นคิดจะถ่ายเทปราณวิญญาณในร่างของเขาให้กับนาง ผลคือเพียงแค่สัมผัสโดนร่างกายของนาง ก็โดนลำแสงสีทองโจมตีกลับไป
นี่คือ…
ลวดลายสีทองนั่น!
คุณชายมั่วเฝ้าดูร่างกายของซูหว่านที่ถูกปกคลุมไปด้วยลำแสงสีทองทั้งหมดนั้นอย่างเงียบๆ
ซูหว่านในยามนี้รู้สึกเพียงว่าปราณวิญญาณในร่างกายของนางค่อยๆ สงบลงแล้ว นางอยากขยับเคลื่อนปราณวิญญาณในจุดตันเถียนของตัวเอง แต่ปราณวิญญาณเหล่านั้นดูเหมือนจะหนีจากควบคุมของนางและเริ่มโคจรด้วยตัวมันเอง
และห้วงแห่งจิตสำนึกของซูหว่านก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากความสับสนวุ่นวายกลายเป็นสดใสชัดเจน นางรู้สึกเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง ที่นี่ เต็มไปด้วยปราณวิญญาณมากมาย ทั้งภูเขาและที่ราบต่างเต็มไปด้วยขุมสมบัติแห่งฟ้าดิน!
ที่นี่ พูดง่ายๆ ก็คือแดนเซียนของโลกมนุษย์!
ซูหว่านมองดูภูมิทัศน์แปลกๆ ที่ปรากฏในห้วงแห่งจิตสำนึกของนางด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้น นางก็ตระหนักได้ว่าภูเขาตรงหน้านางดูคุ้นเคยไม่น้อย นี่…ไม่ใช่ภูเขาเลี่ยหยางของสำนักจื่อหยางใช่ไหม
และในเวลานี้ บนภูเขาลูกนั้นไม่มีห้องโถงใหญ่ประตูเขาที่สูงตระหง่านของสำนักจื่อหยาง มีเพียงร่างสองร่างของชายและหญิงเท่านั้น
สองคนนี้…
ซูหว่านก้าวไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว เมื่อเข้าไปใกล้ ในที่สุดนางก็ได้เห็นรูปลักษณ์ของคนหนึ่งในนั้น
สวี…
ซูหว่านยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ!
ร่างในชุดสีแดงที่อยู่ตรงหน้า ผู้ชายที่มีท่าทางอ่อนโยนสง่างาม สุภาพเยือกเย็นราวกับหยก ไม่ใชสวีเช่อเหรอ
สวีเช่อ
ไม่ ไม่ใช่สวีเช่อ
ซูหว่านเดินเข้าไปใกล้อีกสองสามก้าว ในเวลานี้ชายผู้นั้นกำลังจับมือของหญิงสาวข้างกายเขาอย่างหน้าไม่อาย “อาชิ่น อาชิ่น เจ้าดูดวงอาทิตย์ขึ้นที่นี่สิว่าสวยขนาดไหน! เจ้าอยากดูมันมาตลอดไม่ใช่หรือ”
“ไปให้พ้น ใครจะอยากดูกัน เจ้านั่นแหละที่ดึงดันจะพาข้ามาที่นี่ไม่ใช่หรือ”
เมื่อได้ยินเสียงของชายผู้นั้น หญิงสาวในชุดสีขาวก็หันกลับมามองเขาอย่างดุดัน
ในเวลานี้เอง ซูหว่านก็ได้เห็นรูปร่างหน้าตาของหญิงสาวในชุดขาวอย่างชัดเจน ผิวของนางเรียบเนียน คิ้วโก่งดั่งคันศร แววตาอ่อนโยน งดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์
ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกันดูเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก
“เลี่ยเหยียน! เจ้าคนทรยศ ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่! ไสหัวออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้!”
ในเวลานี้พลันมีเสียงแหลมคมของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นมาจากเชิงเขา เมื่อได้ยินเสียงของนาง ใบหน้าของคนสองคนบนยอดเขาก็เปลี่ยนไป
“หึ หนี้ดอกท้อของเจ้ามาถึงแล้ว”
เซียนในชุดขาวมุ่ยปาก ถึงแม้ว่าจะโกรธอยู่ แต่นางก็ยังคงมีเสน่ห์
และชายชุดแดงที่อยู่ด้านข้างก็ยิ้มจางๆ เขาเคาะนิ้วเบาๆ และทันใดนั้นก็ปรากฏเงาสีขาวและสีดำขึ้น
“อาสือ อาเย่ รีบช่วยข้าจับหญิงบ้าผู้นี้ออกไป!”
“รับบัญชา นายท่าน!”
ร่างทั้งสองรีบวิ่งออกไป ซูหว่านที่อยู่ด้านข้างไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของคนทั้งสองอย่างชัดเจน รู้เพียงแต่ว่าร่างชุดขาวนั้นเป็นผู้ชาย และร่างชุดดำนั้นเป็นผู้หญิง
เลี่ยเหยียน…
ภูเขาเลี่ยหยาง
หรือว่า ชายผู้มีหน้าตาเหมือนกับสวีเช่อผู้นี้ ก็คือเลี่ยเหยียนเซียนจวินในตำนาน! และหญิงในชุดขาวผู้นั้นก็คือจิงหงเซียนจื่อที่ดอกเหมยน้อยเคยพูดถึง
ซูหว่านประหลาดใจกับการคาดเดาของตัวเอง และในชั่วพริบตาทุกอย่างก็ผันผวนแปรเปลี่ยนไป
เปลวไฟไร้สิ้นสุด เสียงฟ้าร้องคำรามดังอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
สวรรค์ลงโทษ สวรรค์พิโรธ
ซูหว่านมองเห็นความโกลาหลระหว่างผืนฟ้าและแผ่นดิน ผมสีดำที่กระเซอะกระเซิง ไม่มีอีกแล้วเลี่ยเหยียนเซียนจวินผู้งามสง่าในอดีต ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดกำลังโอบอุ้มหญิงสาวชุดแดงไว้ในอ้อมแขน
“อาชิ่น อาชิ่น! อย่าจากข้าไป อย่าจากข้าไป”
“ข้า…”
จิงหงเซียนจื่อพยายามอย่างมาเพื่อจะลืมตาขึ้น นางยกมือขึ้นเพื่อสัมผัสใบหน้าของเลี่ยเหยียนเซียนจวิน ในเวลานี้ ซูหว่านที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เห็นสร้อยข้อมือทองคำบนมือของนางอย่างรวดเร็ว นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะเหมือนกับสร้อยข้อมือเส้นนั้นของนางทุกประการ!
ที่แท้สร้อยข้อมือเส้นนั้นก็เป็นของจิงหงเซียนจื่อเหรอ
แล้วมันมาอยู่ในมือของนางได้ยังไงกัน แถมยังถอดออกไปไม่ได้อีก
ซูหว่านถอยหลังไปสองสามก้าว นางสัมผัสไปที่ข้อมือของตัวเองโดยไม่รู้ตัว แม้ว่านางจะอยู่ในห้วงแห่งจิตสำนึก แต่สร้อยข้อมือเส้นนั้นก็ยังอยู่ที่ข้อมือของนาง
มันไม่ได้เป็นเพียงรอยสักอีกต่อไป แต่กลายเป็นสร้อยข้อมือจริงๆ
“นี่คือยุทธภัณฑ์เซียนจำแลง ไม่มีความสามารถในการโจมตีใดๆ มันทำได้เพียงปกปิดปราณผีในตัวเจ้าเท่านั้น เพื่อให้เจ้าได้เดินทางในโลกมนุษย์อย่างสงบสุข”
เสียงของเด็กหนุ่มดังก้องขึ้นในหูของซูหว่าน
นางจำได้แล้วว่า นี่คือของที่ผีชราตัวหนึ่งมอบให้ตัวนางในโลกภารกิจ!
เพียงแต่สำหรับเรื่องอื่นๆ ในโลกภารกิจนั้น ซูหว่านจำอะไรไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ดูท่าแล้ว สร้อยข้อมือชิ้นนี้คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ซูหว่านยื่นข้อมือขึ้น และมองดูสร้อยข้อมือทองคำบนมือตัวเองอย่างจริงจัง ชั่วขณะนั้น สร้อยข้อมือนั้นมีแสงสีทองสว่างวาบขึ้น และปรากฏคำว่า ‘ชิ่น’ ขึ้น
อาชิ่น
จิงหงเซียนจื่อ ที่แท้ของสิ่งนี้ก็เป็นของนาง ใจของซูหว่านอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น…
ห้วงแห่งจิตสำนึกของซูหว่านเริ่มสับสนวุ่นวายอีกครั้งในเวลานี้ และจิตสำนึกทั้งหมดของนางก็ค่อยๆ สงบลง ยามนี้ ภายในห้องบำเพ็ญเพียร คุณชายมั่วมองดูแสงสีทองที่อ่อนจางลง และซูหว่านซึ่งขดตัวอยู่บนฟูก เกล็ดบนร่างของนางเริ่มร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง จนกระทั่งเกล็ดเหล่านั้นร่วงลงหมดแล้ว แสงสีครามก็สว่างวาบขึ้นจากในร่างกายของนาง นั่นคือแก่นปีศาจของนาง!
หลอมแก่นสำเร็จแล้ว!
ดวงตาของคุณชายมั่วเป็นประกาย แต่ก่อนที่เขาจะได้ปีติยินดี ก็มองเห็นซูหว่านที่อยู่ตรงหน้าเขา ค่อยๆ กลายร่างกลับมาเป็นร่างมนุษย์ และในเวลานี้นางย่อมอยู่ในร่างเปลือยเปล่าเป็นแน่แท้
เอ่อ
คุณชายมั่วกะพริบตาปริบๆ เขายกมือขึ้นและหยิบเสื้อคลุมของตัวเองออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ และคลุมลงบนร่างกายของนาง เมื่อมองดูหญิงสาวที่ยังคงหลับใหล ดวงตาของคุณชายมั่วก็ค่อยๆ ลึกลับซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย…
ซูหว่าน
เพราะอะไรกัน ทำไมฉันถึงคิดว่าเธอดูคุ้นเคยนักนะ
ถึงแม้ว่า ในความทรงจำของตัวเองจะมีเพียงชื่อ ‘ซูหว่าน’ สองคำนี้ แม้แต่ตอนที่พบเจอเจ้างูน้อยตัวนี้ในโลกภารกิจเป็นครั้งแรก ตัวเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเธอ แต่ว่า ตัวเองกลับไม่สามารถลงมือกับเธอได้เลย
เธอไม่เหมือนกับคนอื่น ไม่เหมือนเลยจริงๆ