ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 2 บททดสอบบำเพ็ญเพียร (2)
การทดสอบที่ทางสำนักงานใหญ่จัดขึ้นในทุกสามปี เป็นงานอีเว้นท์ที่ใหญ่ที่สุดของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจในห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ
และในครั้งนี้ มิติที่ถูกเลือกให้พวกเขาไปทำการทดสอบ คือโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรในยุคโบราณกาล ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมา การบำเพ็ญเพียรไม่จำกัดระยะเวลา และโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรก็กว้างใหญ่ไพศาล ทั้งหมดนี้ได้เพิ่มความยากให้กับบททดสอบในครั้งนี้…
โดยเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจทุกคนจะถูกสุ่มให้ไปอยู่ในที่ที่แตกต่างกัน มีสถานะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถ้าโชคดีก็ไม่แน่ว่า ลืมตาขึ้นจะพบว่าตนเป็นศิษย์ในสำนักหนึ่ง แต่ถ้าโชคไม่ดี ก็อาจไม่มีแววว่าจะบำเพ็ญเพียรสำเร็จไปชั่วชีวิต ได้แต่เป็นปุถุชนคนธรรมดา!
ก่อนที่จะเข้าไปในแคปซูลเชื่อมต่อ ซูหว่านหันมองแผ่นหลังของซูรุ่ยอีกครั้ง แผนกของทั้งสองเป็นฝ่ายตรงข้ามกัน ตำแหน่งของสวี่เช่อกับเยี่ยซินประจันหน้ากันพอดี แคปซูลของอวิ๋นเซิงอยู่ตรงข้ามกับติงจยาจยา ซูรุ่ยกับซูหว่านอยู่ตรงข้ามแต่ห่างไกลกัน
พอสัมผัสได้ว่าซูหว่านมองมา ซูรุ่ยก็ยิ้มมุมปากให้อย่างอบอุ่น…
ภรรยา รอผม
ซูหว่านสัมผัสได้ถึงความหมายของซูรุ่ย จึงแย้มยิ้มไม่หุบ หันกายก้าวเข้าไปในแคปซูลเชื่อมต่อภารกิจของตน แล้วค่อยๆ หลับตาลง…
[สแกนคลื่นสมองของผู้ปฏิบัติภารกิจลำดับที่สองของแผนกทำลายเขตแดน ซูหว่าน กำลังปิดผนึกความทรงจำ…กำลังทำการเชื่อมต่อวิญญาณ…ติ๊ง! เชื่อมต่อเขตแดนทดสอบสำเร็จ ขอต้อนรับเข้าสู่บททดสอบห้วงกาลอวกาศ แผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์! โลกแห่งการบำเพ็ญเพียรสมัยโบราณกาล การทดสอบในครั้งนี้ไม่จำกัดเวลา มิติแห่งนี้มีผู้ปฏิบัติภารกิจห้าสิบสี่คน การทดสอบในครั้งนี้อนุญาตให้เข่นฆ่าซึ่งกันและกัน ผู้ปฏิบัติภารกิจที่สามารถอยู่รอดเป็นคนสุดท้ายกับแผนกของเขา คือฝ่ายชนะในท้ายที่สุด]
ยามเสียงในห้วงคำนึงค่อยๆ จางหายไป ซูหว่านพลันลืมตาตนเองขึ้น นี่คือดวงตาสีแดงอัญมณีที่ทำให้ผู้คนหลงไหล
หือ
ประกายในดวงตาของซูหว่านกะพริบ จากแรกเริ่มที่ใสเย็น ค่อยๆ กลายเป็นมึนงง
ตามกฎของการทดสอบ หลังจากเข้ามาในโลกใบนี้แล้ว แม้ไม่รู้โครงเรื่องหลักและสถานะของเหล่าตัวเอกในโลกใบนี้ อย่างน้อยตนก็น่าจะได้รับความทรงจำของร่างเดิม แต่เหตุใด…
หัวสมองของตนถึงได้ว่างเปล่า ไม่มีความทรงจำอะไรเลย
อีกทั้งมุมมองแบบนี้มัน…
ซูหว่านมองดูพื้นหญ้าเขียวขจีที่จ่ออยู่ตรงหน้า แล้วมองไปยังต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลอีกครั้ง ความรู้สึกไม่สู้ดีเกิดขึ้นโดยปริยาย
พอลองขยับร่างกายตนเองดู ก็อ้าปากค้าง…
“ฟ่อ”
ซูเสี่ยวหว่านอยากจะร้องไห้แต่ไร้ซึ่งน้ำตา แม้ตนไม่มีกระจก และมองไม่เห็นรูปลักษณ์ของตนเอง แต่เมื่อเห็นร่างที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีเขียว อีกทั้งหางสีแดงไหม้ ก็รู้ตัวตนของตนเองในโลกใบนี้ทันที
ตน คืองูตัวหนึ่ง งูเขียวไผ่ยุคโบราณกาลตัวหนึ่ง หรือก็คืองูเขียวหางไหม้ในยุคปัจจุบัน
หึๆ
ตอนนี้มีเพียงเสียงนี้ที่บ่งบอกอารมณ์ของซูหว่านได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ซูหว่านลากร่างงูเล็กๆ สีเขียวของตนเลื้อยไปบนพื้นหญ้าสักระยะ สุดท้ายก็หยุดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
ป่าแห่งนี้มองไม่เห็นขอบเขต ในฐานะงูตัวหนึ่ง หัวสมองของร่างเดิมจึงว่างเปล่าเช่นกัน ซูหว่านในตอนนี้จึงพูดได้ว่า ยากลำบากยิ่ง
ซูหว่านถอนหายใจในใจ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้า แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
ทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงกลางฤดูร้อน แต่ต้นเหมยต้นนี้กลับบานสะพรั่งไปด้วยดอกเหมยสีแดงสดดุจโลหิต
ขณะซูหว่านกำลังจ้องมองต้นเหมย พลันมีเสียงใสๆ ของผู้หญิงดังขึ้นในสมอง “มองหาอะไรมิทราบ ไม่เคยเห็นต้นเหมยหรือไร”
ซูหว่านพูดไม่ออก…
ดอกเหมยเห็นมาเยอะแล้ว แต่ที่บานสีสดในหน้าร้อนแบบนี้ ยังไม่เคยเห็นจริงๆ
ขณะซูหว่านพูดเองเออเองในใจ เสียงผู้หญิงก็ดังขึ้นอีก “งูน้อย เจ้าฟังที่ข้าพูดรู้เรื่องจริงๆ หรือ โอ้สวรรค์โปรด! ในที่สุดก็มีคน ไม่สิ งู มีงูที่คุยกับข้าได้แล้ว!”
ซูหว่านก็ตกตะลึงเช่นกัน นางไม่นึกว่า ต้นเหมยจะได้ยินเสียงในใจของตน
ดังคำที่ว่า ทุกสรรพสิ่งมีวิญญาณ นี่อาจเป็นวิญญาณต้นไม้ต้นหนึ่งที่ยากพานพบ
“เจ้าเป็นวิญญาณต้นไม้หรือ”
ซูหว่านเงยหน้าถามต้นเหมยที่อยู่ตรงหน้าเสียงดังอย่างอดไม่ได้
“ผิด ไม่ใช่วิญญาณ ข้าเป็นเซียน เซียนดอกไม้ เจ้ารู้จักไหม เซียนดอกเหมยน่ะ! เป็นงูน้อยที่เช้ยเชย!”
เซียนดอกเหมย…
ที่แท้ที่มีจิตวิญญาณมิใช่ต้นเหมย แต่เป็นดอกไม้สีแดงบนต้นต่างหาก มิน่าเล่ากลางฤดูร้อนเช่นนี้ สีของดอกเหมยที่เบ่งบานยังคงสดดุจโลหิต
“ที่แท้เป็นเซียนดอกเหมย ท่านเซียน ข้าเพิ่งออกมาเปิดหูเปิดตา ท่านบอกข้าหน่อยได้ไหมว่า ที่นี่คือที่ไหน”
ไม่ง่ายเลยกว่าจะเจอคู่หูที่สื่อสารกันได้ ซูหว่านดีใจมากเช่นกัน อย่างน้อยต้องชัดเจนก่อนว่า ที่ที่ตนเองอยู่คือที่ไหน
“เรื่องนี้…ถ้าให้พูด เรื่องก็ยาวแล้ว”
ดอกเหมยน้อยก็เหมือนกับซูหว่าน ที่รู้สึกว่า ไม่ง่ายเลยกว่าจะเจอคู่หูที่พูดคุยกันได้ นางจึงกระตือรือร้นมากอย่างเห็นได้ชัด “งูน้อยๆ เจ้าขึ้นมาสิ ข้าค่อยเล่าให้เจ้าฟัง! คุยกันเช่นนี้ เมื่อยแย่”
ซูหว่าน…
รู้สึกว่าเป็นดอกไม้ที่ขี้เกียจดอกหนึ่งเหมือนกัน
ซูหว่านเลี้ยวไปเลี้ยวมาอยู่ใต้ต้นไม้ สุดท้ายหางงูก็กระดิก ตัวงูทั้งตัวพันรอบต้นเหมย ไม่นานนัก นางก็มาถึงข้างกายดอกเหมยน้อย
พอเห็นดวงตาสีแดงใสของซูหว่าน ดอกเหมยน้อยก็รีบเบาเสียงลง “ที่นี่น่ะ คือภูเขาหมื่นปีศาจที่โด่งดังไปสามโลก!”
ภูเขาหมื่นปีศาจ!
แดนปีศาจ!
ซูหว่านได้ยินก็กะพริบตา นางไม่ได้ขยับ ยังคงอยู่นิ่งๆ ฟังดอกเหมยน้อยพูด
“ภูเขาหมื่นปีศาจทอดยาวหมื่นลี้ มีวิญญาณปีศาจนับไม่ถ้วน ภูเขาหลายแสนลูกล้วนอยู่ใต้อาณัติของราชาปีศาจ แน่นอน ที่ที่เราอยู่นี่ เป็นเพียงชายขอบริมสุดของภูเขาหมื่นปีศาจ งูน้อย เจ้ารู้ไหม พอออกจากภูเขาหมื่นปีศาจ ก็คือหุบเขาสมุนไพร ที่นั่นมีนักปรุงยาพักอาศัยมากมาย พวกเขาน่ารังเกียจที่สุด ชอบแอบมาเด็ดสมุนไพรกับขุดหาสมบัติในภูเขาหมื่นปีศาจเรา”
พูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของดอกเหมยน้อยก็เป็นกังวลทันที
“จริงสิ! เจ้าเป็นงูเขียวไผ่นี่ เมื่อหลายวันก่อน มีราชางูเขียวไผ่ตัวหนึ่งถูกจับไป ใช่ญาติของเจ้าหรือเปล่า”
“ไม่ใช่”
ซูหว่านตอบอย่างเบื่อหน่าย ภูเขาหมื่นปีศาจ หุบเขาสมุนไพร นี่คือสถานที่ที่ดำรงอยู่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรจริงๆ แต่ตามประสบการณ์ของซูหว่าน สองสถานที่นี้ โดยทั่วไปแล้ว ไม่ใช่ที่ที่ตัวเอกจะเกิด
ทว่า ถ้ามีหุบเขาสมุนไพรดำรงอยู่ ที่นี่อาจเป็นที่ที่ตัวเอกปรากฏตัวได้ตลอดเวลา
ในโลกใบนี้ สิ่งที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจทุกคนต้องทำก็คือ หาคู่ต่อสู้ของตนให้เจอ แล้วฆ่าฝ่ายตรงข้ามเสีย
และในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอนี้ พลังอันแข็งแกร่งเท่านั้น จึงจะเป็นพื้นฐานของการอยู่รอด ดังนั้น…ผู้ใดสุ่มได้สถานะที่ดี ผู้นั้นก็ฉวยโอกาสได้ก่อน แต่นี่ก็ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญสุดที่จะตัดสินแพ้ชนะ บ่อยครั้งที่บุคคลสำคัญซึ่งตัดสินแพ้ชนะได้ในโลกใบนี้ ก็คือพระเอกของโลกใบนี้! เขาเป็นคนที่ดวงดีเอามากๆ ขอเพียงติดตามอยู่ข้างกายเขา ย่อมมีโอกาสเสมอ โชคพลิกชะตา!
พระเอกของโลกใบนี้ คือใครหนอ
แล้วเขาอยู่ที่ไหน
ขณะเดียวกัน แคว้นเยี่ยน ดินแดนซึ่งอยู่ห่างไกลจากภูเขาหมื่นปีศาจหนึ่งแสนลี้
ในเมืองที่คึกคักเมืองหนึ่ง
สำนักกู่เย่ว์ สำนักบำเพ็ญเพียรชั้นห้ากำลังรับสมัครศิษย์รุ่นใหม่ประจำปี บริเวณใจกลางเมืองพอดี
ฝูงชนทั้งหนุ่มน้อยสาวน้อยต่างรุมล้อมกันเข้ามา ทว่ากลับมีหนุ่มน้อยอายุราวสิบสามสิบสี่ สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งเดินสวนกลับออกมาอย่างโดดเดี่ยว
ไม่สำเร็จอีกแล้ว นี่เป็นครั้งที่ห้าของปีแล้ว ในที่สุด ศิษย์ที่มีรากวิญญาณซับซ้อน ก็ไม่มีสำนักไหนรับ แม้แต่สำนักชั้นห้าที่อยู่ระดับล่างสุด ก็ปฏิเสธและไล่เขาออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
ใบหน้าของหนุ่มน้อยหานอวี่เต็มไปด้วยความอ้างว้างไม่จบสิ้น ขณะที่เขาท้อแท้สิ้นหวังอยู่นั้น ก็มีคนวิ่งผ่านข้างกายเขาไปอย่างรวดเร็ว ร่างที่ผอมบางของหานอวี่ถูกชนล้มลงทันที หน้าผากของเขากระแทกเข้ากับก้อนหินที่อยู่ด้านข้าง โลหิตหยดจากศีรษะลงสู่จี้รูปกระถางทองแดงโบราณใบเล็กที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอกเขา พริบตาที่กระถางใบเล็กดูดซับโลหิตของหานอวี่เข้าไป ก็เกิดแสงสีแดงแปลกๆ ขึ้นวาบหนึ่ง
กับเหตุบังเอิญนี้ หานอวี่ไม่ทันสังเกตเห็น เขาลุกขึ้นยืน ฉีกผ้าขาดออกมาชิ้นหนึ่ง พันแผลห้ามเลือดบนหน้าผากตนเอง แล้วเดินโซซัดโซเซกลับบ้านของตนไป…
ขณะนั้น ในเมืองเล็กๆ ที่อึกทึกวุ่นวายนี้ ไม่มีใครรู้ว่า ที่นี่ คือที่ที่ให้กำเนิดนักหลอมศาสตรา ผู้เลื่องชื่อไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่!
น้อมรับโชคชะตา สมบัติฟ้าประทาน! หานอวี่ก็คือพระเอกของโลกใบนี้!