ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 19 บททดสอบบำเพ็ญเพียร (19)
“ต้วนชิ่งเฟิง เจ้าไปตายเสีย”
“หานอวี่ นี่เจ้ารนหาที่เองนะ!”
เวลานี้ หานอวี่และต้วนชิ่งเฟิงก็เริ่มเปิดโหมดต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งกันแล้ว ซูหว่านพลันถอยหลังไปพลางเรียกจิวให้มาอยู่ด้านข้างตนไปพลาง ตัดสินใจเป็นผู้ชมอยู่แถวหน้าคอยดูว่าพ่อพระเอกจะตบหน้าศิษย์ชั้นยอดของสำนักใหญ่อย่างไร นี่นับว่ามันหยดติ๋งเลยทีเดียว
“เสี่ยวชิง เจ้าว่าพวกเขาใครจะชนะ”
จิวที่เห็นหานอวี่ตาแดงก่ำ ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาประโยคหนึ่งอย่างเป็นกังวลอยู่บ้าง “คงไม่เกิดเรื่องอะไรกับหานอวี่เขากระมัง”
“เจ้าเป็นห่วงเขาหรือ”
ซูหว่านหันไปมองจิวปราดหนึ่งด้วยใบหน้าประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าเจ้าดอกไม้กินคนดอกนี้ก็ห่วงคนเป็นด้วย อีกทั้งอีกฝ่ายยังเป็นผู้ชายด้วย หรือว่านาง…
คล้ายกับว่าไม่ได้สังเกตเห็นความซับซ้อนในแววตาของซูหว่าน จิวพลันเอนกายมาแนบข้างซูหว่านแล้วถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เสี่ยวชิง เจ้าไม่รู้หรือ เลือดของหมอนั่นน่ะ ที่จริงเป็นของบำรุงชั้นเลิศนะ ข้าอยากดื่มยิ่งนัก หากตายไปเลือดก็ไม่สดแล้ว อีกทั้งยังเสียคุณค่าทางโภชนาการ เขาเกิดใหม่อีกหนไม่ได้หรอกนะ!”
ซูหว่านหมดคำจะพูด…
ที่แท้ฉันก็คิดมากไปเอง คุณก็อย่าไปมีความหวังว่าดอกไม้กินคนดอกหนึ่งจะไปมีความรักอะไรกับบุรุษได้เลยดีกว่านะ
“พี่จิว ที่ท่านพูดเป็นเรื่องจริงหรือ”
ได้ยินคำพูดของจิวในเวลานี้ เสียงที่ฟังดูตื่นเต้นเป็นพิเศษของดอกเหมยน้อยก็ดังเข้าข้างหูของทั้งสอง “ข้าเองก็อยากดื่ม ข้าไม่ได้ดื่มเลือดมานานแล้ว ข้ารู้สึกว่ากลีบของข้าไม่แดงแล้ว!”
“ไม่เป็นไรนะ เรื่องนี้มอบให้ข้าจัดการเอง”
ได้ยินคำพูดของดอกเหมยน้อย จิวพลันแย้มยิ้มพลางพูดกับตนเอง จากนั้นก็หันไปหรี่ตามองซูหว่าน “เสี่ยวชิง เอาสักหน่อยไหม”
“ไม่ต้องสนใจข้าหรอก”
ซูหว่านส่ายศีรษะทันที นางไม่เข้าใจความปรารถนาในการดื่มเลือดมนุษย์ของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เลย หรือมันเกี่ยวกับสัญชาตญาณที่มีมาตั้งแต่เกิดกันนะ
ตูม!
ในขณะที่ทั้งสามกำลังสนทนาเกี่ยวกับใต้เท้าพระเอกธนาคารเลือดเคลื่อนที่ได้คนนี้อยู่นั้น เสียงระเบิดก็ดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ฝุ่นธุลีพลันฟุ้งตลบลอยเข้ามาเบื้องหน้าพร้อมกับเศษหินดินทราย!
“ระวัง ทุกคนรีบใช้ปราณวิญญาณคุ้มกันกายเร็ว!”
ซูหว่านรีบใช้ปราณวิญญาณของตนเองสร้างเกราะคุ้มกันกายขึ้นมาในทันที ทว่าในวินาทีถัดมา เกราะคุ้มปราณวิญญาณตรงหน้านางกลับถูกพลังโจมตีทะลุทะลวงเข้ามาเสียแล้ว!
ให้ตายสิ!
พ่อพระเอกใช้ท่าไม้ตายอะไรออกมาเนี่ย! ป่าเถื่อนสิ้นดี!
เศษหินดินทรายพุ่งเข้ามาเบื้องหน้าพร้อมกับไอพลังปราณส่งเสียงดังหวีดหวิว ในขณะที่ซูหว่านกำลังจะหยิบยันต์ออกมาจากกลางอก เงาร่างสีขาวร่างหนึ่งพลันร่อนลงมาตรงหน้านาง เพียงโบกมืออย่างอ่อนช้อยและนิ่งสงบ ก็ปรากฏเป็นม่านปราณวิญญาณอันแข็งแกร่งและมั่นคงคลี่คลุมลงมา ขวางกั้นการโจมตีทั้งหมดเอาไว้ด้านนอก
เอ๊ะ
ขณะมองดูเงาร่างอันคุ้นตานี้ สีหน้าของซูหว่านเปลี่ยนไปแล้วเปลี่ยนไปอีก
คิดไม่ถึงว่าจะเป็น…คุณชายมั่ว
เวลานี้ คุณชายมั่วผู้ช่วยซูหว่านป้องกันเศษหินดินทรายเหล่านั้นด้วยท่าทางแสนงามสง่าพลันหันกายมาพร้อมยิ้มน้อยๆ แล้วทอดมองงูน้อยที่ตกตะลึงจนปากอ้าตาค้างตรงหน้าอย่างไม่ยินดียินร้าย…
รีบมายอมรับผิดกับฉันสิ ขอร้องให้ฉันปกป้องสิ แล้วฉันจะให้อภัย!
“นายท่าน!”
ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยการเฝ้าคอยของคุณชายมั่ว จิวพลันพุ่งเข้ามาหาด้วยความตื่นเต้น “นายท่านมาช่วยข้าแล้ว ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านจะไม่ทอดทิ้งไม่สนใจข้า!”
อาศัยตอนที่จิวเดินเข้าไปบดบังสายตาของคุณชายมั่ว ซูหว่านพลันหันกายกำลังจะหนีไปอย่างเงียบๆ
“หยุด”
เสียงอันเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและกดดันของบุรุษลอยมาจากด้านหลัง “งูน้อย ยังไม่รีบมาหาข้าอีกหรือ!”
ซูหว่านหมดคำจะพูดอีกครั้ง…
ใช้น้ำเสียงออกคำสั่งประเภทนี้แล้ว ยังคิดว่าฉันจะเข้าไปหาแล้วรอรับความตายจากนายเหรอ
นายสติไม่สมประกอบหรือไง!
ซูหว่านตัดสินใจไม่ฟังเขา แค่วิ่งกลับไปให้ถึงสำนักก็ปลอดภัยแล้ว เขาก็แค่คุณชายมั่วตัวคนเดียว ต่อให้เก่งกาจขนาดไหนก็เป็นศัตรูกับทั้งสำนักจื่อหยางไม่ได้หรอกมั้ง!
เห็นซูหว่านยืนกรานจะวิ่งต่อ รอยยิ้มบนใบหน้าคุณชายมั่วพลันฉายแววผิดหวัง เงาร่างของเขาพลันกะพริบวาบคราหนึ่ง พริบตาต่อมาทั้งร่างก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าซูหว่าน “ข้าเรียกเจ้า เจ้าไม่ได้ยินหรือ”
คุณชายมั่วยกมือขึ้นจับคางของนางแน่น ในแววตาแฝงไว้ด้วยความอึมครึมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ซูหว่านที่ถูกสองตาจ้องมอง พลันนิ่งสะท้านอยู่ที่เดิม
แววตานี้ ช่างคุ้นเคยมาก เหมือนกับว่าเคยเห็นที่ไหน…
ในพริบตาที่นางเหม่อลอย คุณชายมั่วก็โอบร่างบอบบางของนางแล้วพาออกไปยังที่ปลอดภัยอีกด้านหนึ่ง
“ยังจำคำพูดข้าคราวก่อนได้หรือไม่ หือ”
“เอ่อ”
ซูหว่านช้อนตาขึ้นมองคุณชายมั่ว ใบหน้าฉายแววอ้อนวอน “คุณชาย คำพูดท่านคำไหนหรือ”
“ข้าเคยบอกแล้ว”
คุณชายมั่วโน้มกายเล็กน้อย เข้ามาใกล้ใบหน้าของซูหว่าน “เจอกันครั้งหน้า ข้าจะเอาชีวิตเจ้าแน่!”
ซูหว่านชะงักงัน
ประโยคนี้น่ะ ซูหว่านย่อมจำได้อยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคุณชายมั่วพูดขึ้นมาอีกครั้ง แววตาซูหว่านพลันวาบประกาย แล้วรีบช้อนตาขึ้นมองคุณชายมั่วอีกคราอย่างน่าสงสาร “คุณชาย ท่านอย่าฆ่าข้าเลยนะ! คราวก่อนข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ ยิ่งไปกว่านั้นท่านก็เห็นไม่ใช่หรือว่าเชียนเอ๋อร์ฟื้นแล้ว ทั้งยังร่าเริงมีชีวิตชีวาอีกด้วย! เช่นนี้ดีหรือไม่ รอหลังจากนี้ข้ามีพลังบำเพ็ญสูงก่อน ข้าจะไปหาผลไขสันหลังหยกมาคืนท่านดีหรือไม่”
“หึ ข้าจะเอาผลไขสันหลังหยกไปทำอะไร”
คุณชายมั่วพลันแค่นยิ้มเย็นชาอย่างอดไม่ได้
และก็เป็นในเวลานี้เอง กลุ่มคนที่อยู่ไม่ไกลพลันส่งเสียงตกตะลึงขึ้นมาระลอกหนึ่ง…
“ศิษย์พี่ต้วน!”
“ศิษย์พี่ต้วน!”
ที่แท้ ภายใต้ท่าไม้ตายของพระเอก เจ้าบ่าวต้วนชิ่งเฟิงผู้นั้นเสียท่าเข้าให้แล้ว คุณว่าในวันมงคลใหญ่อย่างนี้ เจ้าสาวเจ้าบ่าวต่างมารับข้าวกล่อง[1]กันทั้งคู่แบบนี้ คนที่ดูฤกษ์ให้พวกเขานี่ต้องมีเจตนาไม่ดีแน่!
“บัดซบ! คิดไม่ถึงว่าจะกล้าทำร้ายหลานข้า!”
ท่ามกลางเสียงโอดครวญของผู้คน ก็มีเสียงแก่ชราเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างเกรี้ยวโกรธ จากนั้นเงาร่างหนึ่งก็ทะยานออกมาจากหน้าประตูสำนัก ปรากฏตัวขึ้นในชั่วพริบตา…
สังหารอนุชนตาย ผู้อาวุโสปรากฏกาย!
นับว่าเป็นการยกระดับนิยายแนวบำเพ็ญเซียนล่าอสูรที่ดีเลยทีเดียว!
ซูหว่านพลันเม้มปากเล็กน้อย ปกติแล้วในเวลาแบบนี้พระเอกจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาและจะได้รับความอับอาย จากนั้นค่อยมีผู้สูงศักดิ์เข้ามาช่วยเหลือ จนหลบหนีไปอย่างปลอดภัย แล้วค่อยกลับมาทวงชื่อเสียงอันเสื่อมเสียของตัวเองอย่างยิ่งใหญ่ในภายหลัง
ในขณะที่ซูหว่านกำลังจะพูดอะไรออกมา หานอวี่ที่กำลังประจันหน้าอยู่ ก็ถูกท่านปู่ของต้วนชิ่งเฟิงตีจนกระอักเลือดออกมา
เมื่อเห็นใต้เท้าพระเอกลมหายใจรวยรินล้มลงกับพื้น ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบทิศ ผู้สูงศักดิ์คนนั้นอยู่ที่ไหนเอ่ย
อืม คงไม่ใช่คนข้างกายตนคนนี้หรอกนะ
คิดถึงตรงนี้ ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองคุณชายมั่วอยู่หลายครั้ง
สัมผัสได้ถึงสายตาของซูหว่าน คุณชายมั่วก็เผยรอยยิ้มสุภาพอ่อนโยนอันเป็นเอกลักษณ์ออกมา “เจ้าไม่ต้องมองข้า ต่อให้มองข้าข้าก็ไม่ช่วยเขา”
ศัตรูหัวใจอะไรพวกนั้น ไปตายซะให้หมด
เอ๊ะ
คุณชายมั่วมักจะรู้สึกว่าความคิดของตนออกจะแปลกๆ อยู่บ้าง ช่างมันไม่สนใจแล้ว สรุปก็คือเขาไม่ไปช่วยใต้เท้าพระเอกหรอก ต้องสนใจด้วยเหรอว่าเขาจะเป็นหรือตาย!
เอ่อ
สัมผัสได้ถึงอารมณ์ของคุณชายมั่ว ซูหว่านเองก็ชะงักงัน
หรือว่าตอนแรกตนเองจะเข้าใจอะไรผิดไปแล้ว คุณชายมั่วเขาเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจจริงๆ เหรอ
หรือว่าเขาไม่รู้ฐานะของหานอวี่จริงๆ
ในตอนที่ซูหว่านกำลังสงสัยอยู่นั้น ที่เส้นขอบฟ้าไกลออกไปพลันมีเสียงที่ไม่ชัดเจนดังขึ้นระลอกหนึ่ง จากนั้นแสงสีทองที่ส่องสว่างไปทั่วฟ้าก็ร่อนลงมา สตรีสวมชุดสีเหลืองรูปโฉมงดงามดุจนางสวรรค์ร่อนกายลงมาจากฟ้า
“อาวุโสต้วน โปรดอย่าเอาชีวิตเขา!”
เสียงของสตรีไพเราะเพริศพริ้ง เหมือนดั่งเช่นตัวของนาง ไม่แปดเปื้อนเรื่องโลกีย์ของโลกมนุษย์
ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึงเมื่อได้เห็นรูปโฉมของสตรีผู้นั้น
แน่นอน มีคนหนึ่งเป็นข้อยกเว้น
คุณชายมั่วขมวดคิ้วมองสตรีชุดเหลืองที่เพิ่งปรากฏตัวหรือว่าพระเอกของโลกนี้เดินอยู่ในเส้นทางของการสร้างฮาเร็ม ไม่อย่างนั้นทำไมถึงมีผู้หญิงรายล้อมเต็มไปหมดล่ะ!
พอคิดถึงตรงนี้ คุณชายมั่วพลันรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมา
ดูท่าคงจำเป็นต้องดูงูน้อยให้ดีหน่อยแล้ว งูน้อยตัวนี้ไม่รู้จะถูกคนอื่นพาตัวไปตอนไหน
อะแฮ่ม แน่นอน นี่ก็แค่เพื่อผลไขสันหลังหยกที่นางกินไปเท่านั้น หากไม่ชำระหนี้ให้หมด ก็จะไม่ให้นางอยู่ห่างกายตนเด็ดขาด อืม ตัดสินใจตามนี้ก็แล้วกัน สบายใจดี
—
[1] รับข้าวกล่อง (领盒饭) เป็นสแลง หมายถึง ตัวละครตาย จบบทที่ต้องแสดงแล้ว