ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 18 บททดสอบบำเพ็ญเพียร (18)
สำนักไท่อีอยู่ไม่ไกลจากสำนักจื่อหยางมากนัก หากผู้บำเพ็ญเพียรในระดับสร้างรากฐานใช้พลังวิญญาณเดินทางทั้งวันทั้งคืน ก็จะถึงภายในสามวัน
ครั้งนี้ ภารกิจที่ซูหว่านได้รับมอบหมายจากผู้อาวุโสของลูกศิษย์สายนอกคือภารกิจส่งของง่ายๆ และสิ่งของที่พวกนางต้องการส่งมอบก็ไม่ใช่ของสลักสำคัญอะไร แต่เป็นเพียงของขวัญแต่งงานชิ้นใหญ่ที่ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักจื่อหยางส่งมอบให้กับศิษย์หลานคนหนึ่งของเขา
เมื่อพูดถึงสำนักไท่อี เป็นสำนักที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสำนักจื่อหยาง กล่าวกันว่าบรรพบุรุษของทั้งสองสำนักเป็นพี่น้องในสำนักเดียวกัน แต่สำนักหนึ่งหลงใหลในเพลงดาบ และอีกสำนักหนึ่งเก่งเรื่องการสร้างยันต์และค่ายกล
ต่อมา ทั้งสองเปิดภูเขาและจัดตั้งสำนักแยกจากกัน จึงปรากฏเป็นสำนักจื่อหยางที่ทำให้ทั้งเก้าสวรรค์ตกใจ และสำนักไท่อีระบำดาบนภาลัย
เนื่องจากซูหว่านนั้นอยู่อย่างเรียบง่ายในสำนักจื่อหยาง รูปร่างภายนอกก็ดูเฉยเมย ดังนั้นเหล่าลูกศิษย์สายนอกที่อยู่ภายใต้การดูแลของนาง นอกจากต่งเซียวหยางที่ดูมีความคุ้นเคยแล้ว ทุกคนล้วนก็กลัวนางเล็กน้อย ผู้คนสิบคนเดินไปตามทางอย่างเงียบๆ ก็ไม่พบกับอันตรายใดๆ
แต่สิ่งที่ซูหว่านไม่รู้ก็คือ แท้จริงแล้วที่ด้านหลังของพวกนางมีอีกสองร่างติดตามมา ราวกับเป็นเงาตามตัว
“ท่านพี่”
เชียนเอ๋อร์มองไปยังพี่ชายของนางที่มีสีหน้าเย็นชามาโดยตลอด นางรีบกะพริบตาทันที และพูดอย่างอ่อนแรงว่า “ท่านพี่ยังโกรธพี่สะใภ้อยู่หรือ ทำไมท่านไม่ไปหานางล่ะ”
คุณชายมั่ว “เด็กน้อยจะไปรู้อะไร”
เขากลัวจริงๆ ว่าถ้าเขาสัมผัสนาง เขาจะอดฆ่านางไม่ได้
อะแฮ่ม
เอาเถอะ อันที่จริงคุณชายมั่วก็เข้าไปพัวพันมากพอแล้ว!
แต่ไหนแต่ไรมาชีวิตเขาไม่เคยยุ่งเหยิงขนาดนี้ เข้าร่วมภารกิจมาสิบกว่าปีแล้ว เขาเองก็เคยพบเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจมาสิบกว่าคนแล้ว นอกจากพวกที่มีพลังบำเพ็ญมากกว่าตัวเองแล้ว ตัวเองก็ผ่านพวกเขาไปได้อย่างราบรื่น ส่วนเหล่าผู้มีพลังบำเพ็ญต่ำกว่านั้น ไม่มีคนไหนที่ไม่โดนเขาฆ่าทุกเวลา!
อีกอย่างเจ้างูน้อยตัวนี้ ไม่เพียงแต่เขาเองจะไม่ได้ลงมือแล้ว ทั้งยังโดนนางหลอกอีก
ในเวลานี้ เมื่อมองไปที่ร่างผอมเพรียว คุณชายมั่วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกอยู่ในภวังค์เล็กน้อย…
สามวันต่อมา ในที่สุดซูหว่านก็ไปถึงสำนักไท่อีพร้อมผู้ติดตาม แต่น่าเสียดายที่ ทันทีที่กลุ่มคนมาถึงหน้าประตูสำนัก ก็เห็นลูกศิษย์ของสำนักไท่อีห้อมล้อมคนสองคนอยู่เนืองแน่น
เมื่อเหลือบไปเห็นสีแดงในฝูงชน ดวงตาของซูหว่านก็หรี่ลง
“นั่นพี่จิว”
เสียงของดอกเหมยน้อยดังขึ้นในใจของซูหว่าน
ในช่วงเวลานี้นางยังคงนั่งสงบใจบำเพ็ญเพียรอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะซูหว่านจะออกไปข้างนอกในครั้งนี้ ดอกเหมยน้อยก็คงยังไม่ออกมาหรอก
“ศิษย์ผู้ดูแลชิง”
คนที่อยู่ข้างหลังก็เห็นสถานการณ์ตรงหน้าเช่นกัน ต่งเสี่ยวหยางอดไม่ได้ที่จะเข้าไปกระซิบถามซูหว่านเบาๆ “สองคนนั้นดูท่าแล้วพลังบำเพ็ญสูงมาก ศิษย์ผู้ดูแลชิง พวกเราทำเป็นมองไม่เห็นได้หรือไม่”
ซูหว่าน “…”
นายกลัวตายแค่ไหนกันเนี่ย! ที่รัก!
“เจ้างูน้อย ไม่ เสี่ยวชิง! เสี่ยวชิงรีบมาช่วยข้าด้วย!”
ไม่ทันที่ซูหว่านจะได้ตอบต่งเสี่ยวหยาง จิวที่โดนรุมโจมตีอยู่ก็ตะโกนขอความช่วยเหลือมาทางซูหว่าน
ซูหว่าน “…”
ดังคาด ไม่กลัวคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจราวเทพเจ้า แต่กลัวเพื่อนร่วมกลุ่มที่โง่งมเหมือนหมู
เธอรอให้ฉันแอบเข้าไปช่วยเธอเงียบๆ ไม่ได้เหรอ จะเรียกฉันทำไม! ตอนนี้ฉันออกโรงเลยดีไหม ออกโรงเลย หรือว่าจะออกโรงเลย
ให้ตายสิ!
ออกโรงไปเลยเถอะ! แน่นอนว่านี่เพราะเห็นแก่หน้าของพระเอกหรอกนะ ไม่ใช่เพราะดอกไม้กินคนนั่น
ใช่แล้ว ในเวลานี้ผู้ที่ถูกรุมโจมตีด้วยกันกับจิวก็คือพระเอกที่เราไม่ได้เห็นมานาน หานอวี่
ตามหลักการแล้ว หานอวี่อยู่ในระดับแก่นทองคำแล้ว พลังบำเพ็ญของจิวก็ไม่แย่ ทั้งสองคนไม่ควรจะถูกกดขี่ข่มเหงเช่นนี้สิ!
ซูหว่านรีบก้าวขึ้นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ดวงตาของนางสั่นไหวไม่หยุด และสุดท้ายก็มองลงไปที่หญิงสาวในชุดแต่งงานผู้กำลังร้องไห้อยู่แต่ก็ยังดูงดงามท่ามกลางฝูงชน
นี่คือ…
เมื่อเห็นว่าสายตาของผู้หญิงคนนั้นจ้องมองไปที่หานอวี่ ซูหว่านก็เข้าใจแล้ว…
หึ พระเอกนี่ช่างมีโชคในความรักจริงๆ!
นี่มันศึกแย่งชิงความรักสินะ!
“ข้าน้อยคือเสี่ยวชิงศิษย์ผู้ดูแลสายนอกของสำนักจื่อหยาง สหายทั้งสองท่านนี้คือเพื่อนของข้า ไม่ทราบว่าเหตุใดเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องแห่งสำนักไท่อีจึงรุมโจมตีพวกเขาทั้งสองคนไม่หยุด นี่เกิดความเข้าใจผิดอะไรขึ้นหรือไม่”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ในที่สุดการโจมตีของทุกคนในสำนักไท่อีก็หยุดลงชั่วขณะ แต่ว่าคนทั้งหลายยังคงห้อมล้อมจิวและหานอวี่ด้วยสีหน้าจริงจัง
“ศิษย์ผู้ดูแลชิง?”
ชายผู้เป็นหัวหน้ายังคงสวมชุดออกงานอย่างเป็นทางการอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน เขาก็อดไม่ได้ที่จะเดินขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แววตาเย็นชาเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำแผ่วเบา “แน่นอนว่าไม่มีการเข้าใจผิด นี่คือความคับแค้นใจส่วนตัวของข้าต้วนชิ่งเฟิงและหานอวี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของข้า แต่เขามาที่นี่เพื่อก่อปัญหา เรื่องนี้ขอท่านโปรดอย่ายื่นมาเข้ามาสอด!”
“ศิษย์พี่ต้วน!”
ในเวลานี้เอง หลีรั่วเสวี่ยผู้ยังคงดูงดงามแม้ยามร้องไห้ที่อยู่ด้านข้างก็เดินขึ้นไปที่ข้างกายของต้วนชิ่งเฟิง “ท่านปล่อยพวกหานอวี่ไปเถอะ ข้ารับปากแล้วว่าข้าจะแต่งงานกับท่าน เป็นคู่บำเพ็ญเพียรท่าน เหตุใดท่านยังต้องคอยราวีพวกเขาหรือ”
“เสวี่ยเอ๋อร์! เจ้าอย่าตกลงกับเขา ข้ามีวิธีช่วยเจ้าแน่ ข้า…โอ๊ย!”
หานอวี่ยังต้องการพูดสิ่งใดอีก แต่จิวที่อยู่ด้านข้างกลับกระโดดขึ้นและตะโกนใส่เขา “เจ้านี่อะไรของเจ้า ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน พวกมนุษย์นี่ช่างน่ารำคาญจริง คนเขาก็แต่งงานมีคู่บำเพ็ญแล้ว แล้วเจ้าไปเกี่ยวอะไรด้วย”
หานอวี่ “…”
“นี่ยุ่งเรื่องชาวบ้านอะไรกัน เรื่องของรั่วเสวี่ยก็คือเรื่องของข้า อีกอย่างเจ้าไม่เห็นหรือว่าเดิมทีนางก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับเขา”
หานอวี่ลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังคงโต้เถียงออกไป เขาและหลีรั่วเสวี่ยเป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เด็ก เมื่อพบว่าเกิดเรื่องเช่นนี้กับเพื่อนสมัยเด็กของเขา หานอวี่ถามตัวเองว่าเขาจะอยู่เฉยโดยไม่สอดมือเข้าไปได้หรือ!
เอ่อ
เมื่อได้ยินบทสนทนาของจิวและหานอวี่ ดวงตาของซูหว่านก็วาววับ นี่ตัวนางพบเข้ากับเนื้อเรื่องหลักแล้วหรือเปล่า หลี่รั่วเสวี่ยคนนี้เป็นนางเอกใช่หรือไม่
ซูหว่านกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนทางหลีรั่วเสวี่ยนั้น จู่ๆ ก็ชักดาบออกมาแล้วจี้ไว้ที่คอของตนเอง “ต้วนชิ่งเฟิง ท่านปล่อยพวกเขาเถอะ มิเช่นนั้น ข้าจะตายตรงหน้าท่านเดี๋ยวนี้!”
ซูหว่าน “…”
แท้จริงแล้วโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรก็มีสิ่งน่าสนใจขนาดนี้! หนึ่งร้องสองสร้างปัญหาสามฆ่าตัวตาย
เมื่อได้ยินคำพูดของหลีรั่วเสวี่ย แววตาของต้วนชิ่งเฟิงมีความทุกข์ทนปรากฏมากขึ้น “นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะยอมตายแทนเขา”
ในขณะที่ต้วนชิ่งเฟิงและหลีรั่วเสวี่ยกำลัง ‘จ้องมองอย่างลึกซึ้ง’ ซูหว่านก็รีบขยิบตาให้จิวอย่างเอาเป็นเอาตาย จิวก็เข้าใจในทันที และแอบดึงหานอวี่ให้ถอยหลังกลับอย่างเงียบๆ
ทว่าหานอวี่ที่เห็นการกระทำอันโง่งมของหลีรั่วเสวี่ย ในเวลานี้ตกตะลึงอยู่กับที่ จนกระทั่งจิวดึงเขาให้ถอยหลังกลับมา เขาจึงจะฟื้นคืนสติ สะบัดมือออกจากมือของจิว และตะโกนเสียงดังว่า “รั่วเสวี่ย เจ้าอย่าทำเรื่องโง่ๆ นะ!”
ขณะที่พูด หานอวี่ก็วิ่งออกไปโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด!
พ่อพระเอกใหญ่ ไอ้บ้าเอ๊ย!
ซูหว่านหมดคำจะพูดแล้ว นี่มันคือรูปแบบจุดเริ่มต้นของละครรักน้ำเน่าใช่ไหม ถ้าเขาจากไปอย่างเงียบๆทุกคนก็มีความสุขแล้วไม่ใช่เหรอ ยิ่งถลันเข้าไปอย่างนี้ ยิ่งเป็นการบังคับให้แม่นางหลีรั่วเสวี่ยคนนั้นเข้าสู่ความตายเร็วขึ้นนะ!
สุดท้าย เมื่อเห็นการกระทำของหานอวี่ ต้วนชิ่งเฟิงซึ่งอยู่ที่มีระดับแก่นทองคำขั้นสูงสุดแล้วก็เหลือบมองอย่างอาฆาต แล้วยกมือขึ้นปล่อยสมบัติเวทประจำกายของเขาทันที พัดเทียนจี!
“หานอวี่ ระวัง!”
ในช่วงเวลาเส้นยาแดงผ่าแปดนั้น หลี่รั่วเสวี่ยก็พุ่งเข้าไปรับการโจมตีอันรุนแรงนั้นแทนหานอวี่
เลือดแดงสดสาดกระเซ็น เจ้าสาวในชุดแต่งงานสีแดงกลับตกลงไปในอ้อมกอดของหานอวี่ด้วยใบหน้าแต้มรอยยิ้ม…
ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก จนตอนนี้เขาที่อยู่ตรงหน้าเติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มรูปงาม อีกทั้งยังประสบความสำเร็จในการบำเพ็ญเซียนตามที่วาดฝันไว้ แต่น่าเสียดาย ที่ตนไม่สามารถเดินไปด้วยกันกับนางได้…
หลี่รั่วเสวี่ยมองไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยสีแดง หลับตาลงด้วยรอยยิ้ม
“ต้วนชิ่งเฟิง!”
ในเวลานี้เนื่องจากการตายของคนรักในวัยเด็กแต่เป็นจักรวาลทั้งใบของเขา ตัวพระเอกพลันระเบิดอารมณ์ มองต้วนชิ่งเฟิงที่ตรงประตูด้วยท่าทางเหี้ยมโหด เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
ซูหว่านยกมือขึ้นทันทีเพื่อส่งสัญญาณให้ผู้คนที่อยู่ข้างหลังของนางถอยหนี และนางเองก็ต้องระวังตัวด้วย
“ท่านพี่ พี่สะใภ้มีภัยอันตรายนะ! ท่านรีบไปช่วยนางเร็ว!”
เชียนเอ๋อร์ผู้ติดตามอยู่ด้านหลังของซูหว่านและกลุ่มของนางย่อมมองเห็นการต่อสู้ระหว่างหานอวี่และต้วนชิ่งเฟิงเป็นธรรมดา นางมองไปยังพี่ชายของนางอย่างประหม่าทันที
“มีอันตรายอะไร แค่นางไม่ไปยุ่งเรื่องของชาวบ้านก็จบแล้วไม่ใช่หรือ”
คุณชายมั่วทำหน้าเฉยเมย แต่ดวงตาของเขากลับจับจ้องมองไปที่แผ่นหลังของซูหว่านโดยไม่รู้ตัว…
เจ้างูน้อยตัวนี้ ไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้านไม่ได้เหรอ
ทำไมนางต้องเข้าไปยุ่งเรื่องของหานอวี่ด้วย หรือว่านางก็รู้เรื่องตัวตนของหานอวี่แล้ว วางแผนจะกอดต้นขาของพระเอกเหมือนเยี่ยคานฮวน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ คุณชายมั่วก็อารมณ์เสียอย่างบอกไม่ถูก
จิว “…”
นายท่าน ท่านลืมอะไรไปหรือเปล่า ข้าน้อยโดนท่านกินไปแล้วหรือ ขอร้องนายท่านได้โปรดอย่าสงสัยในมิตรภาพของดอกไม้กินคนกับเจ้างูน้อยเลย!