ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 17 บททดสอบบำเพ็ญเพียร (17)
“ไม่ ไม่เป็นไร”
เมื่อได้ยินคำถามของเยี่ยเฉิง ซูหว่านก็ตอบคำถามพร้อมกับดึงนิ้วของนางกลับมาราวกับถูกกระแสไฟฟ้า
เยี่ยเฉิงที่อยู่ด้านข้างยิ้มอย่างใจเย็น “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เมื่อครู่ตอนที่ข้าผ่านมาเห็นท่าทางเจ้าไม่ค่อยดี ดังนั้น…จึงบุ่มบ่ามไปเสียแล้ว แม่นางเสี่ยวชิงโปรดอย่าถือสา”
“อืม”
ซูหว่านหลุบตาลง
เวลานี้จิตใจของนางกระสับกระส่ายเป็นอย่างมาก ร่างนั้น ดวงตาคู่นั้น เสียงนั้น แท้จริงแล้ว…เป็นใครกัน
เห็นได้ชัดว่าไม่มีคนคนนั้นในความทรงจำของนาง แต่ใจของนางกลับบอกว่า นางควรจะจำได้ นางไม่ควรลืม แม้ว่านางจะตายก็ไม่ควรลืม นั่นคือคนและความทรงจำที่นางไม่สามารถลืมได้มากที่สุด
หรือว่าเรา…
ถูกปิดผนึกความทรงจำแล้ว!
ดวงตาของซูหว่านเป็นประกาย ใช่แล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกในหมู่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจ เนื่องจากมีภารกิจมากมายในห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญ พวกเขาถูกแบ่งออกเป็นแผนกต่างๆ มากมาย
ดังนั้น…บุคคลนั้นในความทรงจำของเธอก็เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจด้วยเหรอ ยิ่งกว่านั้น เขาก็ต้องเข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ด้วย!
มิฉะนั้น ตัวเธอคงไม่ถูกปิดผนึกความทรงจำ
ถ้าอย่างนั้น เขาเองก็ถูกปิดผนึกความทรงจำด้วยเหรอ ตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
ในครู่หนึ่ง ซูหว่านก็คิดขึ้นมาได้หลายอย่าง จนเมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง กลับพบว่าเยี่ยเฉิงยังคงยืนอยู่ข้างกายตัวเอง “เดินด้วยกัน เป็นเช่นไร”
เขากล่าวเชื้อเชิญอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงไม่เร็วไม่ช้า แต่กลับทำให้ผู้คนไม่สามารถปฏิเสธได้
“ได้”
ซูหว่านพยักหน้า ด้วยเหตุนี้พวกเขาทั้งสองจึงเดินเคียงข้างกันไป เมื่อไปถึงบันไดขั้นที่สามพัน ซูหว่านก็ไม่ได้เข้าสู่ภาพลวงตาอีก และสีหน้าของเยี่ยเฉิงที่อยู่ด้านข้างก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป
ดูท่าแล้ว ในการทดสอบครั้งสุดท้าย หัวใจของนางและเขาไม่มีข้อบกพร่องเหมือนกัน
ความรักในครอบครัว ความรักหนุ่มสาว มิตรภาพ ค่ายกลมายาทั้งสาม ซูหว่านเพิ่งผ่านไปเพียงอันที่หนึ่งและอันที่สองเท่านั้น อันที่สามนางยังไม่เคยมีประสบการณ์
เพราะว่าแต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยโดนเพื่อนหักหลังมาก่อน
นางไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน ตอนนี้…ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะขบริมฝีปาก ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นห้วงกาลอวกาศที่สาบสูญหรือว่าในโลกแห่งภารกิจนางก็มีเพื่อนหมดแล้ว
ตอนนี้นางไม่ใช่คุณหนูใหญ่ซูที่อาศัยอยู่ในโลกของนาง และเป็นศัตรูกับทุกสิ่งบนโลกอีกต่อไปแล้ว…
ใครกันที่เป็นคนเปลี่ยนแปลงตัวนาง
ตัวนางเต็มใจเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครกันนะ
ซูหว่านหรี่ตาลงและก้าวเท้าก้าวสุดท้ายออกไป…ฉันต้องหานายเจอแน่ เจอแน่นอน
ซูหว่านและเยี่ยเฉิงวางเท้าลงเกือบจะในเวลาเดียวกัน ทั้งสองเสมอกันและเป็นอันดับสาม จื่อเย่เร็วกว่าคนทั้งสองเพียงเล็กน้อย และอีกคนเป็นชายร่างสูงใหญ่
“คุณชาย”
จื่อเย่มองหน้าเยี่ยเฉิงและพยักหน้า นางเสียเวลาไปบ้างระหว่างค่ายกลด่านที่สอง แต่นอกนั้นก็ผ่านไปได้ด้วยดี อันที่จริงจื่อเย่แอบดูเยี่ยเฉิงอย่างเงียบๆ ตามความทรงจำของนาง เยี่ยเฉิงเป็นคนเลือดเย็นโหดเหี้ยมและไม่รู้ว่าความรักคืออะไร ดังนั้นเขาจึงไม่มีข้อบกพร่องใดๆ
แต่ว่า!
เยี่ยเฉิงก็หยุดที่ค่ายกลด่านที่สอง แม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่จื่อเย่ก็ยังคงสังเกตเห็นได้
หรือว่า…
เยี่ยเฉิงก็เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจ
จื่อเย่ไม่กล้าด่วนสรุป และยิ่งไม่กล้ากระทำการโดยประมาทเลินเล่อ นางรู้ว่าพลังบำเพ็ญของเยี่ยเฉิงนั้นสูงกว่าของนางมาก ก่อนที่นางจะมั่นใจแน่นอนแล้ว นางจะไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น
……
“ยินดีต้อนรับพวกเจ้าเข้าสู่สำนักจื่อหยาง!”
หนึ่งชั่วยามต่อมา มีเพียงสามสิบเจ็ดคนเท่านั้นที่สามารถปีนขึ้นมาบนภูเขาได้
ยึดตามกฎของปีที่แล้ว ห้าอันดับแรกจะได้กลายเป็นศิษย์ผู้ดูแลสายนอกโดยทันที ในขณะที่ที่เหลือจะกลายเป็นลูกศิษย์ชั้นธรรมดา
ลูกศิษย์สายนอกและศิษย์ผู้ดูแลของสำนักจื่อหยางมีเรือนพิเศษให้อยู่อาศัยโดยเฉพาะ แม้จะเทียบไม่ได้กับถ้ำพำนักของลูกศิษย์สายใน แต่ก็ยังนับว่าเป็นสถานที่พักอาศัยที่ดี อย่างน้อยเรือนก็เต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ เต็มไปด้วยปราณวิญญาณ และเงียบสงบมาก เหมาะสำหรับการฝึกฝนบำเพ็ญเพียร
ตามกฎภายในของสำนัก หลังจากเข้าสำนักมาแล้วทุกคนต้องใส่เครื่องแบบชุดสีดำของลูกศิษย์สายนอก ทุกๆ เดือนจะสามารถไปห้องโถงใหญ่ของสำนักเพื่อรับเสบียงรายเดือนตรงเวลา ทุกวันที่ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ทุกคนสามารถผลัดกันฟังบรรยายตามสถานที่ต่างๆ ที่ผู้อาวุโสสอน
กล่าวได้ว่าสำนักจื่อหยางเป็นสำนักที่ทุ่มเทให้กับเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักมากที่สุดแล้ว
เมื่อซูหว่านรับชุดและป้ายแขวนเอวของตัวเองแล้ว ก็เดินตามศิษย์เก่าไปยังยอดเขาอู้เซียวที่ซึ่งลูกศิษย์สายนอกอยู่อาศัย เรือนที่นางอยู่เป็นที่ตั้งที่ดี อยู่กลางแถวบ้านของผู้ดูแลสำนัก เรือนทางด้านขวาของนางเป็นที่อยู่อาศัยของจื่อเย่ และเรือนทางด้านซ้ายย่อมเป็นที่อยู่ของเยี่ยเฉิง
เกี่ยวกับเพื่อนบ้านใหม่ทั้งสองคนของตัวเอง ซูหว่านก็ทำได้เพียงหัวเราะแห้งๆ แล้ว
สองคนนี้ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน[1] และตอนนี้ตัวเองต้องมาอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเขาหรอกเหรอ
เอาเถอะ ถึงอย่างไรก็มาเพื่อหนีโลกและฝึกฝน!
หลังจากเข้าสำนักมา ซูหว่านก็เริ่มต้นชีวิตที่เผชิญการฝึกฝนของตัวเองอย่างโชกโชน กลางคืนทุกคืนเข้าสมาธิบำเพ็ญฌาน กลางวันนอกจากทำหน้าที่ของตนเองเสร็จแล้ว ก็จะไปยังยอดเขาและสถานที่ต่างๆ เพื่อเข้าฟังการบรรยายการสอนของผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูง
โดยไม่ทันรู้ตัว เวลาก็ได้เคลื่อนผ่านไป และการฝึกฝนของซูหว่านก็พัฒนาขึ้นทุกวันเช่นกัน
ในเวลานี้ ใต้ภูเขาเลี่ยหยางของสำนักจื่อหยาง มีร่างสีขาวสองร่าง ร่างหนึ่งใหญ่ ร่างหนึ่งเล็กกำลังยืนอยู่
“ท่านพี่ พวกเราไม่ไปตามหาพี่สะใภ้จริงหรือ”
เชียนเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น ดวงตากระจ่างใสจ้องมองคุณชายมั่วที่อยู่ข้างกายของตัวเองด้วยใบหน้าที่งงงวย
คุณชายมั่ว “…”
“เชียนเอ๋อร์เด็กดี พี่บอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ นั่นไม่ใช่พี่สะใภ้ แต่เป็นเพียงงูน้อยจอมตะกละตัวหนึ่งเท่านั้น!”
“ไม่ใช่งูน้อย แต่เป็นพี่สะใภ้ เป็นพี่สะใภ้”
เห็นได้ชัดว่าตอนที่อยู่บนเรือกับซูหว่าน เสี่ยวเชียนเอ๋อร์นั้นมีความสุขถึงขั้นนับว่านางเป็นคนใกล้ชิดที่สุดกับนางแล้ว
“เห็นๆ อยู่ว่าเป็นพี่สะใภ้ ท่านพี่เหตุใดจึงไม่ยอมรับ พวกท่านทะเลาะกันใช่หรือไม่ หรือว่ามีมือที่สาม หรือว่ากำลังจะเลิกกัน”
คุณชายมั่ว “…”
“วุ่นวายอะไรเช่นนี้! ใครสอนเจ้ากัน!”
“พี่จิว”
เสี่ยวเชียนเห็นว่าคุณชายมั่วเริ่มโมโหแล้ว นางจึงรีบก้มศีรษะลงทันที มือขยำชายเสื้อผ้าท่าทางดูน่าสงสาร “ข้าถามพี่จิวว่า เหตุใดพี่สะใภ้จึงจากไปโดยไม่ร่ำลา นางบอกข้าว่า พี่สะใภ้เปลี่ยนใจไปรักไปชอบคนอื่นแล้ว!”
จิว!
เมื่อคุณชายมั่วได้ยินคำตอบของน้องสาวแล้ว ทันใดนั้นเขาก็หรี่ตาลงทันที…ปากของจิวนั้นเริ่มไม่น่าเชื่อถือมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เมื่อกลับไปถึงหุบเขาสมุนไพรนางจะต้องโดนกักขังและไม่ให้นางกินเนื้อดื่มเลือด ให้นางดูแต่ตาเท่านั้น!
เปลี่ยนใจไปรักคนอื่นอะไรกัน ไปชอบคนอื่นแล้วอะไรกัน ภรรยาของฉัน…
เอ่อ
คุณชายมั่วตกตะลึงไปชั่วขณะ ไม่ใช่สิ เจ้างูน้อยไม่ใช่คนที่เขาชอบเสียหน่อย! ทำไมเขาต้องมาสนใจเรื่องพวกนี้ด้วย
ใช่แล้ว ไม่สนใจ ไม่เคยสนใจเลย! เจอกันครั้งหน้าจะฆ่านางให้ตายแน่!
“ไป พวกเรากลับหุบเขาสมุนไพรกัน!”
คุณชายมั่วหันหลังกลับและดึงเชียนเอ๋อร์เพื่อจากไป ในเวลานี้ ดวงตาของเชียนเอ๋อร์พลันเป็นประกาย และร่างกายเล็กๆ ของนางก็กระโดดขึ้นสูงสามฉื่อ!
“ท่านพี่ ท่านพี่ ท่านรีบดูเร็ว! พี่สะใภ้ออกมาแล้ว! พี่สะใภ้ลงเขาแล้ว!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเชียนเอ๋อร์ คุณชายมั่วก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาหันกลับมา ลืมตาขึ้น และทันใดนั้นก็เห็นร่างเพรียวบางที่คุ้นเคย
ไม่เจอกันหลายวัน รูปโฉมของนางดูเปล่งปลั่งอิ่มเอิบ ยิ่งไปกว่านั้นพลังบำเพ็ญได้มาถึงระดับสร้างรากฐานขั้นสมบูรณ์แล้ว ดูเหมือนว่าจะสามารถบรรลุสู่ระดับแก่นทองคำได้ตลอดเวลา
คิดไม่ถึงเลยว่า เจ้างูน้อยตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่ดีเป็นสุข
“ท่านพี่ ท่านดูสิ ชายชุดดำที่อยู่ด้านข้างนั่นยิ้มให้พี่สะใภ้ตลอดเลย เขาชอบนางใช่หรือไม่”
หือ
เมื่อได้ยินคำพูดน้องสาวตัวเอง แววตาของคุณชายมั่วก็กวาดไปมองราวกับดาบคม
“เอ๋ เหตุใดจู่ๆ ก็หนาวเย็นเช่นนี้นะ”
ต่งเสี่ยวหยางลูกศิษย์สายนอกของสำนักจื่อหยางที่ถูกจดจ้องอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็กวาดสายตามองหาอยู่นาน ในที่สุดก็หันไปมองซูหว่านด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์ผู้ดูแลชิง ท่านดูภารกิจนี้สิ ท่านต้องดูแลศิษย์น้องอย่างข้าด้วยนะ!”
ขณะที่พูด เขายิ้มและยัดหินวิญญาณเข้าไปในกระเป๋าของซูหว่าน
ซูหว่าน “…”
ไม่ใช่แค่ไปสำนักไท่อีเพื่อรับของหรอกเหรอ ภารกิจง่ายๆ แค่นี้ นายจะให้ฉันคอยดูแลทำบ้าอะไร!
—
[1] ตะเกียงประหยัดน้ำมัน(不是省油的灯) ใช้ในการเปรียบเทียบกับคนที่เรื่องมาก มักจะสร้างความยุ่งอยากให้ผู้อื่นเสมอ