ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 11 บททดสอบบำเพ็ญเพียร (11)
“ศิษย์พี่อวี่เหวิน!”
เมื่อเห็นอวี่เหวินเซี่ยวฟื้นขึ้นมาแล้ว หานอวี่ก็กระโดดลงจากเตียงทันที สีหน้าห่วงใยนั้นได้มาอยู่ข้างเตียงทันที “ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง”
อวี่เหวินเซี่ยวขยับแขนขยับขาเล็กน้อย “ยังดี ยังดี ศิษย์น้องหาน เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
เห็นสองศิษย์พี่ศิษย์น้องต่างห่วงใยกันไปมาเช่นนี้ ซูหว่านที่มองดูอยู่ก็ปวดฟันแล้ว เจ้าสองคนนี้ในตอนที่ช่วยชีวิตขึ้นมาคราแรกก็ดูเหมือนจะสิ้นลมหายใจแล้ว ทำไมถึงยังมีกำลังวังชาขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ นี่มันไร้เหตุผลเกินไปแล้ว!
เป็นเพราะคนของสำนักจื่อหยางดูผิดไปใช่หรือไม่ หรือว่าทั้งสองคนนี้มีอะไรปิดบังอยู่
ซูหว่านที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่กล้าพูดต่อ ท้ายที่สุดแล้วคนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้านั้นแปลกจริงๆ บางทีพวกเขาทั้งหมดอาจจะเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจ
“ในเมื่อสหายทั้งสองฟื้นแล้ว พวกข้าก็ไม่รบกวนแล้ว!”
ซูหว่านเงียบไปครู่หนึ่ง กำลังจะหันหลังเพื่อกล่าวลา ในเวลานี้เอง หานอวี่พลันหันกลับมามองนางแล้วจิวอีกครั้ง “การพบกันคือโชคชะตา ข้าคือหานอวี่แห่งสำนักหลิงเป่า ท่านนี้คือศิษย์พี่อวี่เหวินเซี่ยวของข้า ไม่ทราบว่าสหายท่านนี้มีนามว่าอันใด”
“ข้าคือเสี่ยวชิง นางชื่อจิว”
เมื่อซูหว่านได้ยินคำพูดของหานอวี่ ก็ตอบกลับไปอย่างแผ่วเบา และจิวที่อยู่ด้านข้างก็เงยหน้าขึ้นและแค่นเสียง “ฮึ” อย่างเย็นชา
“เสี่ยวชิง ไม่ต้องสนใจเขา พวกเราไปเถอะ!”
ขณะที่พูด จิวลากซูหว่านเดินออกไป หานอวี่ที่อยู่ด้านข้างจ้องมองไปยังร่างทั้งสองด้วยความงุนงง
“อะแฮ่ม” อวี่เหวินเซี่ยวที่อยู่ด้านข้างหัวเราะไปพลางยกสองแขนกอดอกไปพลาง “ศิษย์น้องหาน เจ้าไปทำให้แม่นางจิวผู้นั้นขุ่นเคืองใช่หรือไม่ นางแสดงท่าทีเป็นศัตรูกับเจ้ามากนะ!”
เมื่อได้ยินอวี่เหวินเซี่ยวถามแล้ว หานอวี่ก็เกาศีรษะด้วยความอึดอัดใจอีกครั้ง “เมื่อครู่ตอนที่ฟื้นขึ้นมาข้าไม่ทันระวัง…จูบนางไปแล้ว ชายหญิงไม่ควรจูบกัน ที่นางโกรธก็สมควรแล้ว”
อวี่เหวินเซี่ยว “…”
แน่นอนว่าเส้นทางชีวิตของพระเอกเป็นสิ่งที่มนุษย์ธรรมไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ คุณจะได้รับสมบัติเมื่อตกอยู่ในอันตราย และจะได้พบกับสาวสวยเมื่อบาดเจ็บ!
หากมีขนมล่าเถียว[1]อยู่ข้างตัว อวี่เหวินเซี่ยวจะกัดสักสองสามคำเพื่อสงบสติอารมณ์
“ศิษย์พี่อวี่เหวิน เรือที่จมนั้น…”
“ชู่”
เมื่อได้ยินหานอวี่พูดเรื่องเรือที่จมกับเขา อวี่เหวินเซี่ยวก็รีบยกมือขึ้นเพื่อสร้างม่านอาคมแห่งความเงียบทันที จากนั้นก็มองไปยังหานอวี่อย่างจริงจัง “ศิษย์น้องหาน เรื่องเรือที่จมนั้นเจ้ากับข้าจะไม่พูดถึงมันอีก หลังจากกลับไปที่สำนักแล้ว เจ้ากับข้าต้องพูดให้ตรงกันว่า ทุกคนโชคร้ายที่โดนฆ่าจากการโจมตีของอสูรทะเล ส่วนเรื่องถ้ำใต้ทะเลนั้น… นี่เป็นโชคดีของเจ้า แต่ก็อย่าพูดถึงมันอีกเลย เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นรู้และเกิดโลภขึ้นมา”
เมื่อได้ยินสิ่งที่อวี่เหวินเซี่ยวพูด หานอวี่ก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะดูถูกตัวเองในก้นบึ้งของหัวใจ ศิษย์พี่อวี่เหวินดีกับเขาถึงเพียงนี้ ตัวเองกลับสงสัยในตัวเขาเสียได้ นี่มันไม่สมควรเลย!
เมื่อเห็นดวงตาของหานอวี่ดูจริงใจขึ้นเล็กน้อย อวี่เหวินเซี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะสงบใจลง
ให้ตายสิ ได้พบกับพระเอกที่คลุกคลีอยู่กับสังคมคนชั้นล่าง เต็มไปด้วยความสงสัยในตัวทุกคนอย่างหานอวี่ อาศัยพลังบำเพ็ญของตนคราวนี้ยังเกือบตายที่ก้นทะเลตะวันตกแล้ว โชคดีที่พระเอกของเราโชคดีมาก จึงสามารถหนีขึ้นเรือเดินทะเลของสำนักจื่อหยาง กระทั่งได้พบสาวสวยทั้งสองคน จิ๊จิ๊จิ๊ คนเราควรพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีสินะ!
ในตอนที่อวี่เหวินเซี่ยวคิดในใจว่าจะให้พระเอกยอมรับตัวเองเป็นคนสนิทได้อย่างไร ซูหว่านและจิวกลับมาที่ห้องโดยสารชั้นบนของเรือแล้ว หลังจากได้เรียนรู้ว่าสหายทั้งสองไม่มีปัญหาแล้ว ศิษย์ผู้ดูแลของสำนักจื่อหยางก็ยิ่งให้ความเคารพนับถือมากขึ้น…คนในหุบเขาสมุนไพรมีชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริงๆ!
ไม่เพียงหยั่งไม่ถึงพลังบำเพ็ญ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยทักษะทางการแพทย์ที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย คนเช่นนี้ย่อมคู่ควรกับมิตรภาพดีๆ แน่นอน
เมื่อจิวและซูหว่านกลับมาถึงห้องโดยสาร เชียนเอ๋อร์ก็ผล็อยหลับไปแล้ว
นางเพิ่งฟื้นขึ้นมา พลังวิญญาณของนางก็ยังอ่อนแอเกินไป ดังนั้นนางจึงใช้เวลานอนหลับมากกว่าตอนตื่น วิธีนี้ช่วยชีวิตซูหว่านไว้ได้มาก
“จิว เจ้ามองพลังบำเพ็ญของคนทั้งสองเมื่อครู่ออกไหม”
ซูหว่านหันศีรษะกลับไปถามจิว ใบหน้าของจิวในเวลานี้ก็เคร่งขรึมเช่นกัน “ข้ามองไม่ออก พลังบำเพ็ญของพวกเขาน่าจะสูงกว่าของพวกเรามากนะ!”
ถูกต้อง พลังบำเพ็ญของหานอวี่และอวี่เหวินเซี่ยวนั้นสูงกว่าซูหว่านและจิวจริงๆ ตอนนี้หานอวี่อยู่ในระดับแก่นทองคำขั้นกลาง และพลังบำเพ็ญของอวี่เหวินเซี่ยวกับหานอวี่ก็พอๆ กัน
ทั้งสองคนเป็นศิษย์ที่โดดเด่นในสำนักหลิงเป่า และไม่น่าแปลกใจที่พวกเขามีพลังบำเพ็ญเช่นนี้
เมื่อเปรียบเทียบระหว่างผู้บำเพ็ญเพียรมนุษย์และผู้บำเพ็ญเพียรปีศาจ ความเร็วในการฝึกฝนของพวกนางจึงช้ากว่ามาก แต่ในลักษณะเดียวกัน ในระหว่างการต่อสู้ ผู้ฝึกบำเพ็ญปีศาจสามารถควบคุมศัตรูข้ามระดับได้ กล่าวคือ ตอนนี้ซูหว่านที่อยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นสมบูรณ์ หากพบผู้บำเพ็ญเพียรมนุษย์ระดับแก่นทองคำขั้นต้น แม้ว่าจะไม่สามารถถูกบดขยี้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็ง่ายที่จะเอาชนะเขา
แต่ว่า สำหรับระดับแก่นทองคำขั้นกลาง นางมีโอกาสชนะไม่มาก เพราะถึงอย่างไรพลังบำเพ็ญของนางก็ไม่เสถียรมากในตอนนี้ อีกทั้งนางไม่ได้รับการสืบทอดอะไรมาจากใคร พูดอย่างเคร่งครัดแล้วยังนับว่าเป็นเพียงผู้บำเพ็ญเพียรพเนจรรุ่นหนึ่งเท่านั้น มีความแตกต่างอย่างมากจากกับเหล่าลูกศิษย์ที่ได้รับการฝึกฝนจากสำนักที่เป็นทางการ
ดูเหมือนว่าบางทีตัวนางควรจะหาสำนักในแดนเซียนคุนหลุนเพื่อเข้าร่วมจริงๆ แล้วกระมัง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูหว่านก็อดไม่ได้ที่จะยกข้อมือขึ้นมองดูรอยสักสีทองบนข้อมือของนาง รอยสักนี้ไม่เพียงมีลมปราณที่น่าสะพรึงกลัวมากเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ตัวนางปิดบังกลิ่นอายของเผ่าปีศาจได้อีกด้วย ทำให้ผู้คนไม่สามารถระบุตัวตนที่แท้จริงของนางได้ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ซูหว่านกล้าที่จะเดินทางไปยังแดนเซียนคุนหลุนโดยไม่หวาดกลัว
แต่ว่า…
ดอกเหมยน้อยแตกต่างจากตัวนาง พลังบำเพ็ญของนางต่ำกว่าตัวนางมาก และก็ไม่มีสมบัติวิเศษที่จะช่วยปกปิดลมปราณของตัวเองเหมือนซูหว่านและจิว ทว่าเหตุใดผู้บำเพ็ญเพียรมนุษย์เหล่านั้นถึงไม่พบนางเข้าล่ะ
ที่จริงซูหว่านคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าหากมีคนพบการดำรงอยู่ของดอกเหมยน้อยแล้ว ตัวนางจะโกหกไปว่านางเป็นสัตว์เลี้ยงปีศาจของนางเอง เพียงแต่สิ่งที่ซูหว่านคาดไม่ถึงก็คือ ไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรคนใดบนเรือสังเกตเห็นการมีอยู่ของดอกเหมยน้อยเลย…
แท้จริงแล้วดอกเหมยน้อยมีที่มาที่ไปพิเศษอย่างไรกัน
ในใจของซูหว่านมีร่องรอยของความสงสัยอยู่ แต่ก็ถูกนางกดเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาบนเรือ ซูหว่านยึดมั่นในหลักการเป็นคนต่ำต้อยเสมอ อยู่แค่ในห้องและไม่ค่อยออกไปไหน ถ้าซูหว่านไม่ออกไปไหนย่อมมีเชียนเอ๋อร์และดอกเหมยน้อยอยู่กับนาง แต่จิวที่อยู่อีกห้องหนึ่งอยู่นิ่งไม่ได้ ยิ่งสองสามวันมานี้ก็ไม่ได้ดื่มเลือด นางยิ่งรู้สึกคันในใจ แต่เมื่อคำนึงถึงคำแนะนำของคุณชายมั่วก่อนจะออกเดินทาง ในใจของจิวก็กลัวเช่นกัน และสุดท้ายนางก็ตัดสินใจไปที่ห้องครัวเพื่อขโมยเลือดมาดื่ม แต่กลับโดนใครบางคนพบเข้าโดยบังเอิญ และคนที่พบนางก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพระเอกของเราหานอวี่
หานอวี่บังเอิญสังเกตเห็นว่าวัตถุดิบหลอมอาวุธชั้นเลิศชิ้นหนึ่งถูกผู้อื่นนำมาใช้อย่างผิดวิธีกลายมาเป็นมีดทำครัว เขาตั้งใจว่ากลางคืนจะแอบเข้ามาพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียด หากเขาคิดไม่ผิด วันรุ่งขึ้นเขาก็เตรียมหาข้ออ้างและจ่ายเงินเล็กน้อยเพื่อซื้อมืดเล่มนั้น แต่ใครจะรู้ เขาบังเอิญพบเข้ากับจิวที่กำลังแอบขโมยเลือดในห้องครัวพอดี เมื่อทั้งสองพบกันก็ประมือกันไปครั้งใหญ่ จากนั้นหานอวี่ก็พบว่าอีกฝ่ายเป็นหญิงสาวชุดแดงในวันนั้น เขาจึงหันหลังหนีไปในทันที และมีดเล่มนั้นที่เขาวิเคราะห์อย่างละเอียดก็ถูกจิวนำกลับไปด้วยความสับสน
“เจ้าว่าเขาเข้าไปในครัวกลางดึก จดจ้องแต่มีดทำครัว เขาป่วยหรือไม่ล่ะ!”
จิวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเข้ามาในห้องของซูหว่าน โยนมีดทำครัวเล่มนั้นลงไปบนโต๊ะ และดวงตาของซูหว่านก็เป็นประกายขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของจิว…
ทำไมพระเอกถึงได้เป็นพระเอก ก็เพราะว่าพวกเขาสามารถหาข้ออ้างได้ดีเสมอ! และยังสามารถทำให้ตัวละครสมทบและตัวประกอบต่างๆ ดูราวกับเป็นคนโง่ไปได้ไงล่ะ!
ดังนั้น มีดทำครัวเล่มนี้ จะมีความลึกลับใดซ่อนอยู่
—
[1] ขนมล่าเถียว (辣条) ขนมสุดฮิตในหมู่วัยรุ่นจีน ลักษณะเป็นเส้นยาวคล้ายกับปลาเส้น มีรสชาติหวาน เค็ม เผ็ด ชา และหอมเครื่องเทศ