ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 10 บททดสอบบำเพ็ญเพียร (10)
เมื่อศิษย์ผู้ดูแลของสำนักจื่อหยางนำจิวและซูหว่านไปยังห้องนั้น ทันทีที่ผ่านประตูเข้าไปจิวก็ได้กลิ่นของเลือดสด เข้มข้นและมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ
นางพลันตื่นเต้นไปทั้งตัวทันที “พวกเจ้าออกไปให้หมด ออกไป!”
หลังจากไล่ทุกคนในห้องออกไปแล้ว จิวก็มาถึงเตียงเร็วกว่าซูหว่าน เตียงทั้งสองข้างที่ตั้งติดกันนั้น บนเตียงแต่ละหลังมีคนนอนอยู่หนึ่งคน เป็นชายหนุ่มทั้งสองคน ถึงแม้ว่าเวลานี้ทั้งร่างจะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่เห็นได้ชัดว่าคนทั้งสองเป็นคุณชายที่สง่างาม และหนึ่งในนั้น กลิ่นเลือดแดงสดของเขา ทำให้จิวอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่
โอ้สวรรค์! หลายปีมานี้ข้าดูดเลือดมาก็มากมาย กินมาก็หลายคน แต่ก็ไม่เคยพบเจออาหารที่น่าอร่อยเช่นนี้มาก่อน นี่ต้องเป็นของอร่อยที่สุดของโลกแน่!
“งูน้อย เลือดของผู้นั้นแปลกประหลาดมากนะ”
ในเวลานี้ดอกเหมยน้อยที่อยู่บนหัวของซูหว่านก็อดที่จะพูดออกมาไม่ได้ ในเวลานี้นางเรียนรู้เคล็ดวิชามากมายจากจิว และยังได้พัฒนานิสัยการดูดเลือดขึ้นมาอีกด้วย ดังนั้นเพียงแค่เข้าห้องมา ดอกเหมยน้อยก็ได้กลิ่นหอมที่ต่างไปจากปกติเช่นหัน
“จิว อย่าเพิ่งวุ่นวาย!”
ซูหว่านสุดจมูกอย่างแรง นางเปลี่ยนท่าทางทันทีและวิ่งไปที่เตียงเพื่อห้ามจิวที่กำลังจะดูดเลือด “อย่าดื่ม เลือดของคนผู้นี้มีปัญหา!”
“มีปัญหา?”
จิวตกตะลึงไปชั่วขณะ ซูหว่านที่อยู่ข้างๆ มองดูชายหนุ่มบนเตียงอย่างระมัดระวัง ดูเหมือนว่าเขาจะอายุยี่สิบต้นๆ การแต่งตัวของเขาดูแล้วน่าจะเป็นศิษย์ของสำนักเล็กๆ ซูหว่านยกมือและถกแขนเสื้อของชายคนนั้นขึ้นเพื่อคลำชีพจรของเขา ชีพจรคงที่ ลมหายใจก็คงที่ แล้วเหตุใดเขาถึงยังไม่ได้สติอยู่เช่นนี้
ในขณะที่ซูหว่านมองต่ำลงมานั้น นางเป็นบางอย่างที่คล้ายกับรอยสักบนข้อมือของชายผู้นั้น
รอยสัก?
ดวงตาของซูหว่านหรี่ลงในทันที นางยกข้อมือขึ้น พลันมีรอยสักสีทองปรากฏขึ้นบนข้อมือของนาง มองดูแล้วเหมือนเป็นสร้อยข้อมือทองคำ
รอยสักนี่คืออะไร ทำไมมันถึงมาปรากฏบนแขนของนางได้
ซูหว่านรู้สึกสับสนเล็กน้อย นางหลับตาลงและตั้งใจระลึกความทรงจำ แต่ก็จำได้เพียงรางๆ ว่า รอยสักสีทองนี้น่าจะเป็นสร้อยข้อมือเส้นหนึ่ง นี่เป็นของที่สหายที่นางพบในโลกภารกิจมอบให้นาง แต่เรื่องอื่นๆ ทั้งหมดนางกลับจำได้ไม่ชัดเจนแล้ว
สร้อยข้อมือสามารถเปลี่ยนเป็นรอยสักได้
เช่นนั้นรอยสักรูปเตาสามขาเล็กๆ ที่ข้อมือของชายผู้นี้ ความจริงแล้ว มันเป็นอาวุธเวทใช่หรือไม่
แววตาของซูหว่านเริ่มมีความซับซ้อนเกิดขึ้นทันที ผู้ชายคนนี้ จะใช่ตัวละครหลักหรือไม่ หรือว่าจะเป็นพระเอก
ขณะที่ซูหว่านกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จิวที่อยู่ด้านข้างก็ยังไม่หยุดเลียริมฝีปาก ข้าหิวจังเลย ข้าอยากดื่มเลือดจัง ข้าทนไม่ไหวแล้ว…
ขณะที่ซูหว่านกำลังจิตใจฟุ้งซ่านอยู่นั้น จิวก็เอนกายลงไปทันที ใบหน้าสวยเกือบติดกับใบหน้าของชายผู้นั้น
ขอดื่มแค่คำเดียวก็พอแล้ว ดื่มแค่คำเดียวก็พอแล้ว
นางเลียริมฝีกปาก กำลังจะขยับลงไปหาเส้นเลือดใหญ่ที่คอของชายคนนั้น ในเวลานี้เองชายที่อยู่บนเตียงก็ตื่นขึ้นในทันใด!
ชายคนนั้นหลังจากที่ตื่นขึ้นมาก็ยังไม่เห็นเหตุการณ์ชัดเจนนัก ทำได้เพียงลุกขึ้นตามสัญชาตญาณ และใบหน้าทั้งใบของเขาก็ชนเข้ากับจิว!
ซูหว่าน “…”
“อะแฮ่ม”
หานอวี่ผู้กำลังสับสนมองไปยังหญิงสาวในชุดแดงที่มีสีหน้าเหมือนไม่ได้รับความยุติธรรมอยู่บนเตียง ยังมีหญิงสาวเสื้อเขียวท่าทางเย็นชาอยู่อีกคนหนึ่ง เขาเกาหัวแล้วพูดอย่างอีหลักอีเหลื่อ “พวกเจ้าช่วยข้าหรือ ที่นี่…คือที่ใด ศิษย์พี่อวี่เหวินล่ะ เขายังสบายดีหรือไม่”
“หุบปาก! ถามอะไรมากมาย! เจ้าขโมยจูบแรกของข้าไป ข้าจะฆ่าเจ้าซะ ไม่สิ ข้าจะกินเจ้าซะ!”
ขณะที่พูด เขี้ยวและกรงเล็บของจิวก็กางออกพุ่งตรงเข้าไปที่หานอวี่
“พอแล้ว หยุดวุ่นวายน่า”
ซูหว่านที่อยู่ด้านข้างพลันโบกมือ ลากจิวไปข้างหลังตนทันที เตือนนางเสียงต่ำ “เจ้าไม่อยากกลับไปที่หุบเขาสมุนไพรแล้วใช่หรือไม่”
จิว เอ่อ ก็ได้ ข้าจะทนสักพัก ในอนาคตจะต้องหาโอกาสตามหาเจ้าเด็กสมควรตายนี่ให้เจอแล้วล้างแค้นให้หายคับข้องใจ
ในเวลานี้ ดวงตาของหานอวี่ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น และเขายังจำได้ว่าเมื่อเข้ามองขึ้นไปในขณะนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะได้สัมผัสริมฝีปากของหญิงสาวชุดแดงจริงๆ ซึ่งมันนุ่มนวลมาก
เอ่อ เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเขาก็เขินอายขึ้นมาทันที ตัวเขาเองตั้งแต่เติบโตขึ้นมา นอกจากจูงมือกับน้องสาวรั่วเสวี่ยแล้ว ก็ยังไม่เคยติดต่อใกล้ชิดกับผู้หญิงคนอื่นเลย
ควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี
ในขณะที่ใบหน้าของหานอวี่ยุ่งเหยิง ซูหว่านที่ข้างเตียงก็พูดอย่างสงบ “ตอนนี้เจ้าอยู่บนเรือสำนักจื่อหยางเช่นเดียวกันกับพวกข้า คนของสำนักจื่อหยางเป็นผู้ช่วยชีวิตพวกเจ้าขึ้นมา ศิษย์พี่อวี่เหวินที่เจ้าพูดถึง ไม่ทราบว่าใช่เขาหรือไม่”
ขณะที่พูด ซูหว่านก็ชี้นิ้วไปยังผู้ชายที่อยู่อีกเตียงหนึ่ง ชายผู้นั้นยังคงสลบไสลอยู่จนถึงขณะนี้
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน หานอวี่ก็หันศีรษะไปด้านข้างทันที เมื่อเห็นอวี่เหวินเซี่ยวที่สลบไสลอยู่ เขาก็แอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ยังดี ยังดี ศิษย์พี่อวี่เหวินยังมีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว
“สหายทั้งสองพวกเจ้าก็เป็นศิษย์ของสำนักจื่อหยางเช่นกันหรือ”
แท้จริงแล้ว ด้วยพลังบำเพ็ญในระดับปัจจุบันของเขาหานอวี่ ย่อมได้ยินซูหว่านพูดถึง ‘หุบเขาสมุนไพร’ มาสักครู่แล้ว แต่ว่าเขาก็ไม่กล้าตอบคำถามตรงๆ ทำได้เพียงถามที่มาที่ไปของทั้งสองคนอย่างอ้อมๆ
“พวกข้าเป็นแค่ลูกเรือ ไม่ใช่คนของสำนักจื่อหยาง”
ซูหว่านยิ้มและตอบว่า “ไม่ทราบว่าสหายทั้งสองเป็นศิษย์สำนักใด เหตุใดจึงถูกทิ้งให้อยู่ในทะเลตะวันตกนี้ได้”
เมื่อเห็นซูหว่านปิดปากเงียบโดยไม่พูดถึงที่มาของตัวเอง หานอวี่ก็ทำได้เพียงยิ้มอย่างไร้เดียงสา “ศิษย์พี่ศิษย์น้องพวกข้ามาจากสำนักหลิงเป่าสำนักชั้นสี่ ข้าและศิษย์พี่อวี่เหวิน เดิมทีนั่งเรือวิญญาณไปยังทะเลตะวันตกเพื่อค้นหาวัสดุสำหรับทำอาวุธเวท เป็นผลให้เรือของเราถูกโจมตีจากกลุ่มอสูรทะเล ข้า ศิษย์พี่ และคนอื่นๆ ถูกแยกออกจากกัน”
สำนักหลิงเป่า?
สำนักชั้นสี่ที่เชี่ยวชาญในหลอมอาวุธเป็นพิเศษนั่นน่ะหรือ
ในแผ่นดินใหญ่ชางเย่ว์มีสำนักที่หลอมอาวุธได้ไม่มากนัก นอกจากสำนักต้าชี่ที่มีชื่อเสียงแล้ว สำนักหลิงเป่าก็ถือได้ว่าเป็นสำนักที่หลอมอาวุธที่มีชื่อเสียงมากเช่นกัน ว่ากันว่าบรรพบุรุษของสำนักหลิงเป่ามีนิสัยประหลาด มีกฎเกณฑ์มากมายในสำนัก ผู้หลอมอาวุธที่มีศักยภาพจำนวนมากได้ถูกแย่งไปโดยสำนักต้าชี่หรือสำนักอื่นๆ ตอนนี้สำนักหลิงเป่าทำได้เพียงร่อนเร่อย่างน่าอึดอัดใจอยู่ในตำแหน่งของสำนักชั้นสี่
หลอมอาวุธ เตาเล็ก
ซูหว่านหรี่ตาลง ดูเหมือนว่าครั้งนี้ตัวนางจะได้พบกับตัวละครที่โดดเด่นเข้าแล้วจริงๆ!
ในเวลานี้เอง จิวที่ไม่มีอะไรทำก็เดินเลยไปยังเตียงอีกฝั่ง นางมองชายที่หมดสติอยู่บนเตียง ยกมือขึ้นลูบหน้าเขาอย่างเบื่อหน่าย ในวินาทีถัดมา ผู้ชายที่ควรจะสลบไสลอยู่ก็ยกมือขึ้นเพื่อบีบข้อมือของจิว และลมปราณที่เต็มไปด้วยจิตสังหารก็พุ่งเข้ามาตรงหน้าของนาง!
อันตราย!
ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ ซูหว่านกำลังจะลงมือ หานอวี่ที่อยู่ด้านข้างก็ยกมือขึ้นอย่างรวดเร็วและโยนสมบัติวิญญาณรูปร่มออกไป สมบัตินั้นกางออกโดยอัตโนมัติ ช่วยจิวป้องกันกระแสลมปราณสายนั้น
“ศิษย์พี่อวี่เหวิน พวกนางไม่ใช่คนชั่ว!”
หานอวี่ตะโกนใส่อวี่เหวินเซี่ยวอย่างร้อนรน
ไม่ใช่คนชั่ว?
อวี่เหวินเซี่ยวที่เพิ่งฟื้นคืนสติก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น อันที่จริงแล้ว เมื่อครู่อวี่เหวินเซี่ยวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดสิ่งใดขึ้นในห้อง รู้สึกเพียงแค่ว่ามีคนอยู่ข้างกาย นิสัยที่ปลูกฝังมาหลายปีทำให้เขาลงมือทำตามสัญชาตญาณ
ในเวลานี้ เมื่อลืมตาขึ้นและเห็นสาวสวยสองคน คนหนึ่งชุดแดงและอีกคนชุดเขียว ดวงตาของอวี่เหวินเซี่ยวก็เป็นประกายขึ้น…
ให้ตายสิ เดินทางมากับพระเอกนั้นไม่ธรรมดาเลย ไปที่ไหนก็อันตรายไปทุกที่ แม้แต่คนสวยก็ยังมาเป็นคู่ อะแฮ่ม เป็นไปได้ไหมว่าพระเอกของโลกนี้กำลังจะเดินทางเข้าสู่เส้นทางฮาเร็ม