ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 172
ตอนที่ 172 ฝนที่เย็นเยียบ
เพิ่งชวนพุ่งไปทางกําแพงเมืองทิศใต้ในร่างสายฟ้าความเร็วของเขาเร็วกว่าปกติจากการปล่อยสายฟ้าที่มีออกจาร่างทั้งหมดแม้ว่าเขาจะเป็นกังวลและโกรธเกรี้ยวแต่เขาก็เข้าใจว่าต้องเก็บพลังของแก่นสารแห่งจิตและวิชาต้องห้ามไว้ในยามคับขัน
มนุษย์ธรรมดารีบวิ่งเข้าไปที่อุโมงค์ที่อยู่ใกล้ที่สุดทุกคนในเมืองรู้ดีว่านี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่พวกเขาจะช่วยอะไรได้เมื่อพวกเขาเห็นควันไฟนับร้อยลอยขึ้นมาจากกําแพงเมือง การจะเข้าไปช่วยก็มีแต่เป็นการฆ่าตัวตาย
ปัง!
ตูม!
อุโมงค์แต่ละที่ที่มีคนกว่าร้อยคนปิดตัวลงพร้อมกับกลไกกับดักที่เริ่มทํางานทุกคนที่อยู่ในนั้นต่างเฝ้ารอให้การบุกรุกสิ้นสุดลงด้วยความหวาดกลัว
“ทําไมเมืองหลววงของรัฐเจียงถึงโดนโจมตีกัน?”
“ทําไมพวกอสูรถึงกล้าเช่นนี้?”
“มีควันสัญญาณลอยขึ้นมาจากกําแพงเมืองทุกทิศระฆังบนที่เขาหยวนชูสาขารัฐเจียงก็ไม่ดังคนที่อยู่เหนือระดับชําระแก่นแท้ไม่ถูกเรียกให้ไปช่วยป้องกันเมืองเสียด้วยซ้ํา เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ในตอนนี้ย่ําแย่มาก”
ผู้คนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ตรงหน้าเบาๆพวกเขารู้ว่ากับดักและกลไกของอุโมงค์นี้ทําได้แค่เพียงยื่อเวลาเท่านั้นกว่าอสูรธรรมดาจะเข้ามาได้นั้นก็อาจจะต้องใช้เวลา แต่หากเป็นราชาอสูรพวกเขาก็จะถูกสังหารโดยไว!อย่างไรก็ตามหากยังอยู่ในอุโมงค์อย่างน้อยก็ยังยื้อเวลาได้บ้างแต่หากอยู่นอกอุโมงค์ราชาอสูรเหล่านั้นคงจะสังหารทุกชีวิตที่อยู่ในระยะร้อยจิ้งได้ในพริบตาราชาอสูรจะต้องใช้เวลาสองสามวินาทีถึงจะผ่านการป้องกันของอุโมงค์มาได้ และถึงอุโมงค์แห่งหนึ่งจะถูกทําลายไปแต่คนที่ตายไปก็จะมีแค่ไม่กี่ร้อย
เพิ่งชวนรวดเร็วมาก ภายในพริบตาเขาก็อยู่ห่างจากที่เดิมถึงสามสิบลี้หลังจากหายวับไปประมาณสิบกว่าครั้งในที่สุดเพิ่งชวนก็ไปถึงเขตทิศใต้ของเมือง
นี่มัน…สีหน้าของเพิ่งชวนเปลี่ยนไปเล็กน้อยเพียงกวาดสายตามองก็เห็นทะเลซากศพที่อยู่ตรงหน้า!ในพื้นที่แถบนี้ที่อยู่ใกล้กับกําแพงเมืองทิศใต้เห็นได้ชัดว่ามีหลายคนที่กําลังหนีไปยังอุโมงค์
บางร่างถูกนั่นออกเป็นสองส่วนเช่นเดียวกันกับรอยขวานขนาดใหญ่ที่ฟันใส่พื้นที่แถบนั้นฝนที่ตกลงมาพัดพาเลือดให้ไหลลงสู่แม่น้ำใกล้ๆศพบางศพยังคงสภาพอยู่ดีแต่หน้าของพวกเขานั้นถูกคว้านออกไปมีศพนับร้อยที่เป็นเช่นนี้ภาพตรงหน้าทําให้เพิ่งชวนต้องสั่นสะท้าน
แม้เขาจะเคยเห็นการสังหารหมู่เช่นนี้มาตลอดนับหลายปีไม่ว่าจะเป็นตอนที่เขาอายุหกขวบหรือตอนที่เมืองตงหนิงถูกบุกแต่ทุกครั้งเหล่านั้นต่างเกิดขึ้นโดยอสูรธรรมดา การสังหารในครั้งนั้นเทียบไม่ได้เลยกับเมื่อราชาอสูรโจมตีนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นภาพที่น่าสยดสยองเช่นนี้
แต่ว่าเขาเข้าใจว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น!หลังจากสามนิกายใหญ่ทิ้งเมืองด่านขนาดเล็กและกลางไปจนหมดภาพเช่นนี้จะเกิดขึ้นต่อไป
“ราชาอสูร! เจ้าพวกราชาอสูร!”จิตสังหารของเพิ่งชวนพุ่งทะลักพร้อมกับตัวสั่นด้วยความโกรธเกรี้ยวเพิ่งชวนมองออกไปไกลที่ที่เขาสัมผัสได้ถึงพลังอสูรที่อยู่ใกล้ที่สุด
ฟุบ
เพิ่งชวนพุ่งเข้าใส่สนามรบอย่างรวดเร็วจากไกลๆ เขาเห็นพื้นที่สั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่งเขาไปถึงสนามรบในพริบตาและพบกับราชาอสูรหมาป่าที่สูงสองจิ้งงอตัวเดินออกมาจากอุโมงค์อุโมงค์พังทลายลงโดยสิ้นเชิงไม่จําเป็นต้องพูดถึงชะตากรรมของคนที่อยู่ในนั้น
ราชาอสูรหมาป่าเห็นร่างที่ปกคลุมไปด้วยสายฟ้าได้ในขณะที่มันออกมาจากอุโมงค์
เทพอสูร? ราชาอสูรหมาป่าสะดุ้งด้วยความกลัวในระหว่างการบุกนี้ราชาอสูรระดับสองเป็นได้แค่เป้าซ้อมมือเท่านั้น
เปรี้ยง!
เพิ่งชวนสะบัดมือ ก่อนที่ลําแสงกระบี่จะพุ่งผ่านอากาศและตัดหัวราชาอสูรหมาป่าไป
หากเป็นเรื่องการสัมผัสกระแสพลังแล้วเพิ่งชวนเชี่ยวชาญในด้านนั้นเขาสัมผัสได้ถึงพลังอสูรที่ปะทุออกมาจากราชาอสูรในขณะที่มันกําลังไล่สังหารประชากรอย่างไร้ปราณี
เปรี้ยงๆๆ!
เทพอสูรมหาสุริยัน หลี่เย่ ถือกระบี่คู่และปัดป้องราชาอสูรแมงป่องระดับสามด้วยความยากลําบาก
ในแง่ของความแข็งแกร่งแล้ว เขาไม่ด้อยไปกว่าราชาอสูรแมงป่องเลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามมันมีราชา อสูรระดับสองราชาอสูรหนอนไหมที่ปล่อยเส้นไหมใส่เขาครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นจํานวนนับไม่ถ้วน แม้ว่าลําแสงกระบี่ของหลี่เย่จะสามารถตัดผ่านเส้นไหมนั้นได้แต่พลังของเขาก็ลดลงอย่างมหาศาลอีกทั้งยังมีราชาอสูรระดับสองตนอื่น ราชาอสูรคางคกที่โจมตีใส่เขาด้วยควันพิษสีฟ้า
ควันพิษพุ่งเข้าใส่หลี่เย่ บังคับให้เขาต้องใช้ปราณมหาสุริยันเพื่อต่อต้านพิษนั้นหากเป็นการต่อสู้หนึ่งต่อ หนึ่ง เขาสามารถสังหารราชาอสูรคางคกและราชาอสูรหนอนไหมได้ในพริบตาอย่างไรก็ตาม ในเมื่อพวกมันร่วมมือกันกับราชาอสูรแมงป่อง ความแข็งแกร่งของพวกมันเมื่อร่วมมือกันก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลหลี่เย่รู้สึกราวกับว่ามีราชาอสูรที่ทรงพลังสามตัวกําลังล้อมเขาอยู่
“ฟูว” ราชาอสูรแมงป่องจ้วงแทงตรีศูลในมือพร้อมกับแทงหางพิษของมันใส่ขาหลี่เยอีกครั้งเสื้อที่เขาได้มาจากเขาหยวนชูนั้นทนทานมากจึงทําให้เกิดรูเล็กๆขึ้นตรงขาเพียงเท่านั้นเมื่อหางจากพิษไหลเข้าสู่ร่างกาย หลี่เยก็ต้องใช้ปราณมหาสุริยันเพื่อต่อต้านพิษนั้น
“มันจบแล้ว ข้าเกรงว่าข้าคงถูกสังหารในอีกสิบวินาที”หลี่เยใช้วิชาต้องห้ามด้วยความสิ้นหวัง
แต่ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าพุ่งเข้าใส่ราชาอสูรทั้งสาม
“ไวมาก!” ราชาอสูรแมงป่องคางคกและหนอนไหมตกใจพวกมันพยายามต้านสายฟ้านั้นแต่ก็ไร้ประโยชน์ราชาอสูรหนอนไหมและคางคกเคลื่อนไหวช้าเกินไปที่จะตอบสนองต่อสายฟ้านั้นทันราชาอสูรแมงป่องสะบัดตรีศูลของมันพยายามจะป้องกันการโจมตีแต่มันก็ยังโดนอยู่ดี
ร่างของราชาอสูรแมงป่องถูกผ่าจากไหล่ลงไปจากนั้นร่างของเพิ่งชวนก็ปรากฏขึ้นมาให้พวกมันเห็นเขาซัดปราณลําแสงกระบี่เข้าไปอีกสองเล่มสังหารราชาอสูรคงคกและราชาอสูรหนอนไหมที่กําลังหนี
“ศิษย์พี่เพิ่ง” หลี่เย่ส่งเสียงร้องออกมาเมื่อได้เห็นเพิ่งชวนเพิ่งชวนไม่ได้พรางตัวอีกต่อไป
“ทําไมเจ้าอยู่คนเดียว” เพิ่งชวนขมวดคิ้วและหันไปมองหลี่เย่หลี่เย่ไม่ใช่ศิษย์ชั้นในของเขาหยวนเขาเป็นศิษย์นอกแต่เขาไปถึงระดับมหาสุริยันนั่นหมายความว่าเขามีโอกาสได้รับมรดกบางอย่างของเขาหยวนชูและอาวุธชุดเกราะพื้นฐาน
“ข้าออกมาเพราะมีธุระ ไม่คาดคิดเลยว่าอสูรจะมาไวเช่นนี้เมื่อข้าเห็นพวกมันกําลังไล่สังหารผู้คน…” หลี่เปรียบอธิบาย
“ไปรวมกลุ่มกับคนอื่นและมุ่งหน้าไปยังเมืองเขตตะวันออกทางทิศใต้ข้าจะจัดการเอง” เพิ่งชวนไม่ฟังต่อเวลามีค่าและจะมาเสียกับการพูดคุยไร้สาระไม่ได้
เพียงพริบตา เพิ่งชวนก็เปลี่ยนเป็นสายฟ้าและหายไป
หลี่เย่ไม่พูดอะไรต่อ เขาเองก็รู้ว่าควรจะรวมกลุ่มกับเทพอสูรคนอื่นๆให้ได้โดยไวที่สุดเมื่อราชาอสูรบุกอย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นเหล่าราชาอสูรกําลังไล่สังหารผู้คนและรู้ดีว่าหากเขายื่นมือเข้าช่วยก็จะช่วยคนได้เป็นจํานวนมากเขาจะทนได้อย่างไรเล่า? เขาออกไปสู้กับราชาอสูรโดยสัญชาติญาณและหลังจากที่สังหารราชาอสูรระดับสองไปได้เขาก็พบเข้ากับราชาอสูรแมงป่องกับตัวอื่นๆ
หากมีศิษย์พี่เพิ่งอยู่ ทางทิศใต้ก็ปลอดภัยหลี่เย่กําตราเทพอสูรของเขาและตามเส้นทางไปรวมกลุ่มกับเทพอสูรคนอื่น
เมืองหลวงรัฐเจียงทางฝั่งทิศตะวันออก
เมืองในตอนนี้อยู่ในสภาวะอันตรายไม่มีใครสักคนบนถนนที่เปียกแฉะมีเพียงมนุษย์ที่หลบซ่อนอยู่ในอุโมงค์
เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยยิ้มและเดินไปตามถนนที่เปียกแฉะด้วยเท้าเปล่าเขาชอบฝน
โอ?” เขามองออกไป เทพอสูรอยู่ตรงนั้นรึ?”
ฟุบ
เขาพุ่งออกไปทิ้งไว้เพียงภาพติดตาไม่ช้าก็มาถึงสนามรบ
เทพอสูรมหาสุริยัน จางฟางคู่ยนําเทพอสูรแดนอมตะสองคนเพื่อสู้กับราชาอสูรราชาอสูรตนหนึ่งได้ตกตายไปแล้วนขณะที่อีกสองยังคงพยายามต้านทานอย่างยากลําบาก
“เทพอสูรสามคน”เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยเข้าไปใกล้เทพอสูรสามคนนั้นไม่สามารถสัมผัสหรือเห็นตัวเขาได้แม้แต่น้อย
ใบมีดสามเล่มที่ดูเหมือนสายน้ำพุ่งเข้าใส่เทพอสูรสามคน
“ไม่ดีแล้ว” สีหน้าของเทพอสูรสามคนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงใบมีดน้ำทั้งสามโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้พวกเขาไม่ทันตั้งตัวแม้แต่น้อย!พวกเขาพยายามจะป้องกันแต่สายน้ำนั้นเคลื่อนที่แบบคาดเดาไม่ได้
ปังๆๆ!
อกของเทพอสูรทั้งสามถูกแทงทะลุไม่มีหัวใจอยู่ข้างในทรวงอกที่ทะลุไปถึงด้านหลังนั้น เทพอสูรแดนอ มตะสองคนทรุดลงกับพื้นพร้อมกับตาที่ยังคงเบิกกว้าง
ส่วนเทพอสูรมหาสุริยันจางฟางคุยนั้นปาขวานออกไปด้วยกําลังที่มีเหลือขวานพุ่งออกไปไกลหลายสิบคั่งอากาศสันไหวก่อนที่ชายชุดดําหัวล้านจะโผล่ออกมา
เมื่อได้เห็นชายชุดดําหัวล้านคนนั้น สีหน้าของจางฟางคู่ยก็เปลี่ยนไปในฐานะศิษย์ของเขาหยวนชู เขามี ข้อมูลเกี่ยวกับคนระดับสูงของนิกายอสูรฟ้า“เจ้าวังเฮ่ยนุ่ย?”
จากนั้นจางฟางคู่ยก็คุกเข่าลงกับพื้นด้วยความอ่อนโรยแววตาเปี่ยมไปด้วยความสะพรึงกลัวและความสิ้น หวัง เขาจ้องมองเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยไม่กระพริบ“มันเป็นอสูรฟ้าระดับสี่ ศิษย์คนอื่นไม่สามารถป้องกันการโจมตีของมันได้แน่
“ได้เวลาที่เจ้าจะไปสบายแล้วเทพอสูรคนอื่นจะตามเจ้าไปในไม่”หลังจากเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยพูดจบ เขาก็หันหลังและเดินจากไป
จางฟางคู่ยนอนหงายหน้าจ้องมองท้องฟ้า เลือดเปรอะเปื้อนไปทั่วพื้นที่บริเวณนั้นในช่วงเวลาสุดท้ายของเขา เขาคิดถึงครอบครัวและลูกๆที่เก่งกาจจากนั้นสติก็ค่อยๆมืดดับลง
ฟุบๆๆ
สายน้ำสังหารเทพอสูรไปอีกสามคน เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยเดินเท้าเปล่าผ่านถนนที่เต็มไปด้วยโลหิตของเทพอสูรพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มใบหน้าเพราะแผนการอพยพครั้งใหญ่เฟิงโหวเทพอสูรก็เลยต้องไปปกป้องเมืองด่านขนาดกลางจนหมดนั่นทําให้อสูรและอสูรฟ้ามีโอกาสในการสังหารเทพอสูรที่ยังไม่ถึงระดับเดือนมืดมิดได้
ก่อนหน้านี้พวกมันกลัวว่าเฟิงโหวเทพอสูรและเทพอสูรมหาสุริยันจะยังอยู่ในเมืองของตนในขณะที่มนุษย์ธรรมดาจากเมืองด่านขนาดเล็กและขนาดกลางจะอพยพไปเอง หากเป็นเช่นนั้นเทพอสูรจะปลอดภัยมากๆแม้มนุษย์ธรรมดาจะสูญเสียครั้งใหญ่ แต่ก็จะมีเทพอสูรที่ตายเป็นจํานวนน้อย
คราวนี้ เมืองด่านขนาดเล็กและขนาดกลางนับร้อยสูญเสียเป็นจํานวนน้อยแต่ว่าเทพอสูรต้องไปอยู่ทุกที่และพวกเขาต้องพบกับการบุกของอสูรฟ้าและราชาอสูรในเมืองที่มีการป้องกันน้อยลง
“ชีวิตของเทพอสูรจํานวนมากควรค่าแก่ชีวิตของมนุษย์ในเมืองด่านขนาดเล็กและขนาดกลางด้วยรึ?”เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยแค่นเสียงในลําคอ“ประชากรในเมืองด่านเหล่านั้นรวมกันแล้วจะเท่ากับประชากรของรัฐหนึ่งรัฐ มนุษย์มีฐหกสิบรัฐแม้จะสังเวยมนุษย์ในเมืองด่านเหล่านั้นไปมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่?”
“โง่เง่าอะไรเช่นนี้ ช่างเถอะ การกระทําของพวกมันถือเป็นเรื่องดีแก่เรา เราต้องการให้เทพอสูรตายมากเสียกว่ามนุษย์เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยไล่สังหารเทพอสูรทุกคนที่เขาเจอในขณะที่เดินไปทั่ว