ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 161
ตอนที่ 161 ยอมให้เสีย
“จะปล่อยให้ราชาอสูรบุกเข้ามาสู่โลกมนุษย์รี?” สีหน้าของปรมาจารย์จินหวและป่ายเหยาเยว่เปลี่ยนไป
ฉ่หยิ่งหวูมองดูปรมาจารย์ทั้งสองตรงหน้าเขาโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าใดๆ “ก่อนที่พวกอสูรจะบุกเข้ามาถ้ําสวร รค์ทรายดําเอาแต่ตามล่าเกาะสองโลกของข้า เขาหยวนชูเองก็สนับสนุนอยู่ลับๆหวังว่าจะกําจัดเกาะสองโลกไป ให้ได้”
“พวกเราไม่เคยโจมตีใส่เจ้า” จินหวกล่าวอย่างใจเย็นด้วยรอยยิ้ม
“ถ้ําสวรรค์ทรายดําของข้าไม่ได้ไล่ล่าพวกเจ้ามาแปดร้อยกว่าปีแล้ว” ฝ่ายเหยาเยว่กล่าว “ช่วงที่อสูรบุกเข้า มาตอนแรกๆไม่น่ารุนแรงเท่าไหร่เกาะสองโลกน่าจะฟื้นตัวทันแล้วนี่”
“ใช่” ฉ่หยิ่งหวพยักหน้า จากนั้นก็พูดแดกดัน “แต่ดูพื้นที่ที่เกาะสองโลกต้องคุมสิ! ป่ารกทึบภูเขาและเกาะอีกมากมายส่วนสํานักของพวกเจ้าทั้งสองก็ได้พื้นที่ที่กว้างใหญ่เต็มไปด้วยคนจํานวนมาก!พวกเจ้านะร่ํารวยพื้นที่จํานวนมากของพวกเจ้าจึงทําให้มีประชากรมากเสียยิ่งกว่าที่ของพวกเรามีอีก”
“หากพูดถึงขนาด พื้นที่เกาะของเกาะสองโลกรวมเป็นพื้นที่ที่ใหญ่กว่าเสียอีก”ป่ายเหยาเยว่เยาะเย้ย
ถ้ําสวรรค์ทรายดําและเกาะสองโลกเคยบาดหมางกันเป็นความเกลียดชังที่ไม่อาจปรองดองกันได้
ถ้ําสวรรค์ทรายด่าเคยมีโอกาสที่จะรวมโลกทั้งใบมาอยู่ใต้การปกครองของพวกเขาได้ ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้นจอมจักรพรรดิทรายดําเป็นจอมยุทธมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด เขามีปรมาจารย์ถึงห้าคนอยู่ภายใต้การปกครองมีเพียงเขาหยวนชูเท่านั้นที่พอจะรับมือกับพวกเขาได้เขาหยวนชูเก็บตัวเพียงอย่างเดียวและใช้สมบัติที่เหล่า บรรพบุรุษเก็บเอาไว้ โดยหวังจะตั้งรับจนกว่าจอมจักรพรรดิทรายดําจะตายไปซึ่งทําให้ถ้ําสวรรค์ทรายดําต้องพังทลายลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ถ้ําสวรรค์ทรายดําพังทลายลงจากภายในแม้จะรอดจากความขัดแย้งภายในได้แต่ผู้อาวุโสหยินหยางก็ลุกขึ้นต่อต้านจอมจักรพรรดิทรายดําในช่วงเวลาที่วิกฤติพอดี! ในฐานะที่ผู้อาวุโสหยินหยางเป็นนายพลของจอมยุทธมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด จอมจักรพรรดิทรายดํา จึงทําให้เขาได้รับความไว้วางใจอย่างมากแต่การที่ผู้อาวุโสหยินหยางกลับหันดาบเข้าจอมจักรพรรดิทรายดําก็ต้องทําให้ทุกคนต้องตกใจ และนั่นทําให้จอมจักรพรรดิทรายดําต้องบาดเจ็บสาหัส
เมื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส จอมจักรพรรดิทรายดําต้องเผชิญกับความขัดแย้งภายในนิกายจนในที่สุดนําไปสู่ความตาย
เมื่อเป็นเช่นนั้น ผู้อาวุโสหยินหยางก็ได้นําผู้ติดตามออกไปจํานวนหนึ่งเพื่อไปตั้งเกาะสองโลกขึ้นมา
ใช้เวลากว่าร้อยปีกว่าถ้ําสวรรค์ทรายด่าจะฟื้นตัวจากความขัดแย้งภายในได้และกลับมารวมเป็นหนึ่งอีกครั้งฝั่งของจอมจักรพรรดิทรายดําได้รับชัยชนะและพวกเขาก็เคียดแค้นเกาะสองโลกเข้ากระดูกดํา!พวกเขาเริ่มไล่ล่าเกาะสองโลกอูฐที่ผอมโซยังตัวใหญ่กว่าม้าดังนั้นถ้ําสวรรค์ทรายดําที่เกือบจะรวมโลกทั้งใบได้จึงสามารถไล่ล่าเกาะสองโลกได้อย่างง่ายดาย
นับตั้งแต่ที่เกาะสองโลกถูกสร้างขึ้นมา มันก็ต้องรับการโจมตีของถ้ําสวรรค์ทรายดําอย่างต่อเนื่องพวกเขาทําได้เพียงแค่หนี้ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่ง มีเพียงหลังจากที่เหล่าอสูรบุกเข้ามาเท่านั้นทั้งสามนิกายถึงจะทิ้งความเกลียดชังซึ่งกันและกันและหยุดสู้ได้ นั่นทําให้เกาะสองโลกใช้โอกาสนี้เพื่อฟื้นตัว
“เกาะสองโลกมีพื้นที่มากกว่าเขาหยวนชูและถ้ําสวรรค์ทรายดําก็จริงแต่พื้นที่เหล่านั้นต่างเป็นป่ารกทึบ ภูเขา แล้วก็เกาะทั้งนั้น” ฉ่หยิงหวกล่าว “แม้พวกเราจะมีพื้นที่ที่มากที่สุดก็จริง แต่พวกเรามีประชากรน้อยที่สุด ในเขตแดนของพวกเรา เรามีเมืองด่านขนาดใหญ่เท่ากับของพวกเจ้าทั้งสอง แต่พวกเรามีเมืองด่านขนาดกลาง และเล็กมากกว่าของพวกเจ้ามาก”
“เกาะสองโลกของพวกเรามีเทพอสูรน้อยกว่านิกายของพวกเจ้าอีก!” ฉ่หยิ่งหวส่ายหัวและแดกดัน “ข้าไม่ ต้องสนใจเมืองด่านขนาดเล็กก็ได้เพราะมันกันได้ง่ายแต่ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่ามาเทพอสูรของเกาะสองโลกพยายามจะป้องกันจากพวกอสูรอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่โชคไม่ดีที่พวกเรามีเทพสอรน้อยกว่านิกายของพวกเจ้าทั้งสองแล้วเราจะทําอะไรได้เล่า? พวกเรากําลังสังเวยชีวิตเพียงเพื่อป้องกัน!”
“เขาหยวนชูกับถ้ําสวรรค์ทรายดําต้องรู้สึกไม่ดีเพราะศิษย์เทพอสูรตายไป 20 กว่าคนต่อปีใช่ไหมแต่เกาะสองโลกของพวกเราน่ะหรือ? ปีที่แล้วศิษย์ของพวกเราตายไปถึง 61 คน!” ฉ่หยิ่งหวูจ้องไปที่จินหวและป่ายเหยาเยวอย่างโกรธเกรี้ยว “เมื่อสิบปีที่แล้ว พวกเราเสียศิษย์ไปกว่า 20 คนต่อปีแต่เมื่อปีที่แล้วกลับตายไปถึง 60 คนหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเทพอสูรมหาสุริยันของเกาะสองโลกจะตายจนหมดภายในสิบปีแน่!”
จินหวและป่ายเหยาเยว่เงียบไป
เกาะสองโลกเป็นหนึ่งในสามนิกายใหญ่ที่อ่อนแอที่สุดและพวกเขายังต้องปกป้องพื้นที่เป็นจํานวนมากที่สุดอีกด้วยพื้นที่ของพวกเขานั้นมีประตูพิภพมากที่สุดอีกต่างหาก
“เมื่อเทพอสูรมหาสุริยันตายหมดแล้วพวกเราจะยังอยู่ไปเพื่ออะไรอีกเล่า?” ฉ่หยิ่งหวูเยาะเย้ย “หากไม่ให้โอกาสเทพอสูรที่อ่อนแอได้เติบโตเผ่ามนุษย์จะได้พ่ายแพ้ในอีกชั่วชีวิตคนแน่!ในอีกสองสามร้อยปีเพิ่งโหวเทพอสูรและราในเทพอสูรจะแก่ตายจนหมด!มีเพียงปรมาจารย์เท่านั้นที่ยังเหลือเพื่อปกป้องโลกมนุษย์! อสูรบุกเข้ามาในโลกของพวกเราเหมือนกับแมลงพวกเจ้ามีแขนขากี่ข้างกันเล่า? ความเร็วในการสังหารของพวกเราเทียบไม่เท่ากับความเร็วในการเกิดของพวกมันหรอก!”
“นั่นเป็นเหตุว่าทําไมพวกเราถึงไม่สามารถปล่อยให้เทพอสูรมหาสุริยันตายได้”จึงหวกล่าว“เราจะให้พวกเขาล่าถอยและปล่อยให้ราชาอสูรแทรกซึมเข้ามาในโลกมนุษย์” เราจะทิ้งเมืองด่านขนาดเล็กและขนาดกลางรา
ชาอสูรที่เข้ามาอย่างมากก็เป็นแค่ระดับสาม! แม้มันจะขึ้นเป็นระดับสี่แต่เฟิงโหวเทพอสูรและราในเทพอสูรของ เรารวมไปถึงปรมาจารย์ก็จะสังหารมันได้หลังจากที่เข้ามาได้แล้ว!
ฉ่หยิ่งหวูหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดต่ “เราจะจัดต้องหน่วยข่าวกรองพวกเราจะจับตาดูราชาอสูรตั้งแต่ตอนที่มันบุกเข้ามาในโลกมนุษย์หลังจากนั้นพวกเราก็จะส่งเทพอสูรที่แข็งแกร่งออกไปสังหารพวกมัน”
“จะเกิดอะไรขึ้นหากมีอสูรจํานวนนับไม่ถ้วนบุกเข้ามา?” ป่ายเหยาเยวถาม
“การจะจับตาดอสูรจํานวนมากนั้นเป็นเรื่องง่าย” ฉ่หยิ่งหูกล่าว“เฟิงโหวเทพอสูรก็เพียงพอที่จะสังหารมัน ให้หมดได้แล้ว”
ป่ายเหยาเยว่พูดเย้ย “ข้าเกรงว่าราชาอสูรพวกนั้นจะกระจัดกระจายกันไปซ่อนตั้งแต่ตอนที่มันเข้ามาแล้ว”
“พวกมันซ่อนไปแล้วจะทําไมกันล่ะ? ในโลกมนุษย์พวกเราได้เปรียบด้านความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ถึงพวก มันจะไม่โผล่ตัวออกมาพวกเราก็สามารถจัดการกับราชาอสูรพวกนี้ได้ด้วยความได้เปรียบด้านความแข็งแกร่งอยู่แล้ว!” นี่จึงหูกล่าว “ตราบใดที่พวกเราป้องกันเมืองด่านที่สําคัญเอาไว้ให้ดีพวกเราก็จะสามารถสังหารพวกมัน ได้ตั้งแต่ตอนที่มันโจมตีพวกเราเองก็สามารถใช้หน่วยข่าวกรองเพื่อออกไล่ล่าพวกมันได้เช่นกัน หากมีราชาอสูรเข้ามาเยอะเกินไปพวกเราก็จะสามารถตรวจสอบได้ง่ายขึ้น และเมื่อพวกเราเจอตัวเราก็จะสามารถส่งเทพอสูรที่ทรงพลังออกไปจัดการมันจนหมดได้!คงจะเป็นวิธีที่ดีกว่าหากพวกเราสังหารมันเช่นนี้เราปล่อยให้เทพอสูรมหาสุริยันถูกสังหารไม่ได้อีกแล้ว”
จินหวูถอนหายใจ “ที่ผ่านมาเทพอสูรก็เคยคิดถึงวิธีนี้เหมือนกันแต่ว่าเจ้ารู้หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรตามมา?เมื่ออสูรธรรมดาจํานวนมากเข้ามาในโลกมนุษย์ได้มันจะเป็นอันตรายต่อหัวเมืองมณฑลต่างๆและรัฐมากเพียงใด? แล้วหมู่บ้านจํานวนมหาศาลอีกเล่า?เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะมีคนตายกี่คนหากทําตามแผนนี้”
“แต่เทพอสูรจํานวนมากสามารถปกป้องพื้นที่ที่สําคัญได้”ฉ่หยิ่งหวกล่าวอย่างเย็นชา “และพวกเราสามารถใช้หน่วยข่าวกรองเพื่อไล่ตามสังหารราชาอสูรทุกตัวได้”
“ประชากรมนุษย์เกินครึ่งต่างอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแล้วเจ้าจะปกป้องพวกเขาอย่างไร” จินหวกดดัน
“แต่หากพวกเรายังคงป้องกันอย่างโง่เขลาแบบนั้นต่อไปเทพอสูรมหาสุริยันของเกาะสองโลกทุกคนจะตายจนหมดภายในสิบปี!และหากเป็นเช่นนั้นสํานักของพวกเจ้าจะต้องป้องกันเมืองด่านขนาดกลาง 93 ที่ในเขตของเกาะสองโลก! แล้วนิกายของพวกเจ้าทําเช่นนั้นได้ไหมเล่า?” ฉ่หยิ่งหวูถาม“และถึงพวกเจ้าจะป้องกันได้แต่อัตราการตายของเทพอสูรพวกเจ้าก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หากมีเทพอสูรต้องตาย 50 คนทุกๆปี พวกเจ้าทั้งคู่จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนเล่า?”
“ยี่สิบปีอย่างไรเล่า!”
ฉ่หยิ่งหวเยาะเย้ยและมองดูพวกเขา “หากมีเทพอสูรมหาสุริยันเหลือน้อยกว่าที่มีครึ่งหนึ่งพวกเจ้าจะป้องกันได้มากแค่ไหนกัน? ตอนนี้พวกเราต่างตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ หากพวกเรายอมปล่อยไปก็จะสามารถเก็บกองกําลังหลักเอาไว้ได้” ฉ่หยิ่งหูกล่าว “พวกเราจะเน้นไปที่เมืองหลวงของรัฐและมณฑลเป็นหลักและพวกเราจะ พยายามอย่างเต็มที่ที่จะปกป้องหัวเมืองและปราการให้ได้ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราจะไล่จัดการกับราชาอสูรอีกด้วย!หากมนุษย์ธรรมดาหลบอยู่ในถ้ําพวกราชาอสูรก็คงไม่สามารถสังหารเผ่าพันธุ์ของพวกเราอย่างบ้าคลั่งได้”
“หากทิ้งเมืองด่านขนาดเล็กและขนาดกลาง ราชาอสูรนับพันจะหลั่งไหลเข้ามา”ปรมาจารย์จินหวูหลับตาไม่ว่าพวกเขาจะป้องกันอย่างไรผลลัพท์ก็ต่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่ง
“พวกเจ้ารู้ดีว่าพวกอสูรนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเรามาก” หยิ่งหูกล่าว “แต่ว่าพวกมันเอาแต่ส่งราชาอสูรที่แข็งแกร่งเท่าๆกับเทพอสูรที่ประจําอยู่ในเมืองด่านขนาดกลาง ทําไมพวกมันไม่ส่งราชาอสูรหัวกะทิมาสองเท่าล่ะ! ทําไมไม่ส่งมาสัก20ตัวเล่า? ทําไมไม่สัก30?”
“นั่นเพราะพวกอสูรมันรู้! พวกมันรู้ว่ามนุษย์จะยอมแพ้หากป้องกันเมืองด่านไม่ได้” ฉ่หยิ่งหวกล่าวต่อ “ราชาอ สูรมันต้องการให้พวกเราเป็นฝ่ายรับพวกมันเอาแต่ผลาญกองกําลังของพวกเรา และนั่นทําให้ความขัดแย้งภายในของพวกมันลดน้อยลงด้วย และเมื่อประตูพิภพขนาดกลางเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆพวกมันก็จะเริ่มเพิ่มความรุน แรงมากขึ้นอีกเช่นกันและนั่นก็เพิ่มความสูญเสียของพวกเราด้วยเช่นกัน”
“ในท้ายที่สุด เทพอสูรมหาสุริยันของพวกเราก็จะเหลือน้อยอย่างน่าใจหายและพวกมันจะส่งราชาอสูรระดับสามมาเป็นจํานวนมหาศาลเพื่อกระจายตัวออกไปทั่วโลก พวกเราป้องกันโลกทั้งใบด้วยเฟิงโหวเทพอสูรราชันเทพอสูรหรือปรมาจารย์เพียงไม่กี่คนไม่ได้หรอก”ฉ่จึงหวกล่าว “และผลลัพท์คือมนุษย์จะสิ้นเผ่าพันธุ์!”
“มันกําลังทําให้พวกเราอ่อนแอลงเรื่อยๆ” นี่จึงหวกล่าว “พวกเราทนรับมือพวกมันตลอดไปไม่ได้หรอกมรดกของนิกายพวกเจ้าทั้งสองนั้นยิ่งใหญ่กว่าของข้า บางที่พวกเจ้าคงจะมีความคิดที่ดีกว่านี้” นี่จึงหวแค่นเสียง“แต่ถึงอย่างนั้นเกาะสองโลกของพวกเราก็ไม่สามารถทนได้แล้ว ขาให้เวลาพวกเจ้าครึ่งเดือนเพื่อปรึกษาเรื่องนี้หากเจ้าไม่มีวิธีอื่นภายในครึ่งเดือนนี้เกาะสองโลกของพวกเราจะเริ่มทิ้งเมืองด่านขนาดเล็กและกลางจนหมด”
เมื่อกล่าวเช่นนั้น ร่างลวงตาของนูหยิ่งหวก็หายไป