พ่ายรักวิวาห์ลวง - ตอนที่ 134 เธอคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผม
ทันทีที่เวินหลานฉีมาถึงบริษัท ก็ได้ยินเสียงซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์ ถึงผู้ช่วยจิ่งผู้มาใหม่จากเพื่อนร่วมงาน ว่าทั้งหล่อทั้งสุภาพมีมารยาทมากแค่ไหน เวินหลานฉีจนปัญญาอย่างถึงที่สุดจริงๆ ดูท่าหลังจากนี้เธอคงไม่อาจล่วงเกินจิ่งหลานดังคาด ไม่อย่างนั้นพวกผู้หญิงบ้าผู้ชายกลุ่มนี้ต้องมาฉีกอกเธอแน่
แต่ยังดีที่จุดสนใจของพวกเขาอยู่ที่จิ่งหลานกันหมด ไม่มีใครสนใจเลยว่าทำไมเมื่อวานเธอไม่มา ทำเหมือนว่าเธอแค่ไม่สบายเฉยๆ เท่านั้น
ตลอดทางยังมีคนถามไถ่สุขภาพเธอ ว่าดีขึ้นหรือยังอย่างเป็นห่วง เวินหลานฉีสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากมิตรภาพที่เป็นห่วงเป็นใยกัน ความรู้สึกภายในใจเองก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
เมื่อมาถึงโต๊ะทำงานอันคุ้นเคย จิ่งหลานก็เดินเข้ามาตามเสียง
“ฉีได้ยินว่าเมื่อวานเธอเป็นไข้เหรอ ดีขึ้นบ้างหรือยัง” พูดจบก็หยิบยาลดไข้และยาแก้หวัดในมือ วางลงบนโต๊ะของเวินหลานฉี
เขายังเป็นคนเอาใจใส่เหมือนเดิมเลยนะ …เวินหลานฉีเงยหน้า “ไม่เป็นไร ฉันดีขึ้นมากแล้วล่ะ ขอบคุณนะที่เป็นห่วงฉัน” เวินหลานฉียิ้มบางๆ
“เราสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปีแล้วนะ เธอยังต้องเกรงใจอะไรผมอีกล่ะ” จิ่งหลานยิ้มละมุน แต่แล้วอยู่ๆ เขาก็เห็นลำคอของเวินหลานฉี แม้จะถูกปิดไว้แล้ว หากแต่ยังคงทิ้งรอยแดงจางๆ เอาไว้อยู่ เขาหันกลับไปยิ้มอย่างขมขื่น เก็บกลืนความห่วงใยที่เหลือลงท้องอย่างนับไม่ถ้วน
ไม่ว่าหลายปีมานี้เขาจะอยู่เป็นเพื่อนเธออย่างไร สุดท้ายแล้วก็เทียบฮั่วฉินเยี่ยนผู้ปรากฏตัวเพียงไม่กี่เดือนไม่ติดเลย สงสัยฮั่วฉินเยี่ยนคงมอบความสุขให้เวินหลานฉีได้จริงๆ ละมั้ง …จิ่งหลานหลุบตาลงคิดหาคำตอบอย่างเมินเฉย
หลังจากจิ่งหลานเพิ่งเดินออกไปได้ไม่นาน เสี่ยวมั่วเลขาผู้ได้รับตำแหน่งใหม่ก็เคาะประตู แล้วเดินเข้ามา “ประธานเวินคะ ประธานฮั่วให้คนมาส่งกาแฟกับของหวานอีกแล้ว ประธานฮั่วนี่ดีกับคุณจริงๆ เลยนะคะ” น้ำเสียงฉายแววอิจฉานิดๆ “ตกลงคุณกับท่านประธานฮั่วมีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่คะ พวกเราอยากรู้อยากเห็นกันมากเลยนะคะ” เสี่ยวมั่วถามด้วยสีหน้าทะเล้น
“เรื่องนี้เหรอ ขออุบไว้เป็นความลับก่อนแล้วกัน” เวินหลานฉีตอบกลับยิ้มๆ
ความสัมพันธ์อะไรเหรอ…ในทางกฎหมายบอก ว่าตนยังถือเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาอยู่ หากแต่ในความเป็นจริงเธอจากไปตั้งหลายปีขนาดนั้น ตอนนั้นใครๆ ต่างก็คิดว่าฮั่วฉินเยี่ยนหย่าร้างไปแล้ว ดูเหมือนว่าผ่านไปสักระยะหนึ่ง…คนอื่นก็คงจะคิดว่าเธอคือคนรักของเขาละมั้ง
ตอนฮั่วฉินเยี่ยนบอกเธอ ว่าเธอยังคงเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาอยู่ ท่าทางจะต้องยืนหยัดจนถึงที่สุดนั้น เธอยังจำได้แม่นมั่นจนถึงทุกวันนี้ ตัวเธอเองคิดว่าใบหย่าในตอนนั้นคงตัดความสัมพันธ์กับเขาหมดไปนานแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าเขายังไม่เซ็นชื่อ ซึ่งมันเกินคาดไปจริงๆ แต่บางทีเพราะเรื่องเหนือความคาดหมายพวกนี้ละมั้ง อดีตกับปัจจุบันของเธอกับเขาถึงยังเหลือเยื่อใยกันอยู่บ้าง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเวินหลานฉีก็ปรากฏรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
แต่เวินหลานฉีไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แค่ได้มีช่วงเวลาแบบนี้ ได้อยู่เคียงข้างเขาอย่างในตอนนี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
ตกเย็นฮั่วฉินเยี่ยนมารับเวินหลานกลับบ้านตามปกติ เดี๋ยวนี้เหมือนเขาจะกลับบ้านตัวเองน้อยครั้งมาก เพราะเขาพักอยู่กับเวินหลานฉีแทบทุกคืน จนดูเหมือนว่าบ้านใหญ่สกุลฮั่วจะเงียบเหงาโล่งกว้างเกินไปแล้วมั้ง หากเทียบกันแล้ว กลับกันบ้านเวินหลานฉีนั้นอบอุ่นกว่าตั้งเยอะ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสาวงามอยู่เป็นเพื่อนอีกต่างหาก แล้วทำไมเขาจะไม่ยินดีอยู่ล่ะ
ถึงแม้ว่าเวินหลานฉีจะแสดงสีหน้าเมินเฉย ต่อพฤติกรรมดึงดันไม่ไปไหนของเขาแบบนี้ แต่ก็ไม่มีทางเลือก ใครบอกให้ประธานฮั่วของเราหน้าด้านกันล่ะ พอนานเข้าเธอก็ไม่พูดอะไรอีก
หากแต่เธอลืมไป ว่าในเมืองหลวงแห่งนี้ตั้งแต่เด็กน้อยแปดขวบ ยันคนแก่รุ่นราวคราวแปดสิบ ฮั่วฉินเยี่ยนเป็นถึงบุคคลที่ไม่มีใครไม่รู้จักเชียวนะ หนำซ้ำยังเป็นแฟนในฝันของสาวโสด และเป็นคู่รักในจินตนาการของหญิงสาวที่แต่งงานแล้วตั้งเท่าไร ก็ต้องมีคนให้ความสนใจเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
ทันทีที่เพิ่งมาถึงบริษัทในวันต่อมา เฉิงหมิงก็หยิบหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งมาหาฮั่วฉินเยี่ยนอย่างเร่งรีบ
“มีเรื่องอะไรต้องรีบร้อนขนาดนี้เลยหรือไง” ฮั่วฉินเยี่ยนเอ่ยถามอย่างนิ่งสงบ
“ท่านประธาน คุณดูนี่สิ” เฉิงหมิงยื่นหนังสือพิมพ์ในมือมาให้ เป็นหนังสือพิมพ์เมืองหลวง หนังสือพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง แทบทุกคนล้วนอ่านกันหมด
พาดหัวข่าวหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ ปรากฏรูปภาพของเขากับเวินหลานฉีจูบกันใต้ตึกเมื่อวานนี้ แต่ข้อความประกอบรูปกลับ… ‘เผยสถานะที่แท้จริงคนรักในความลับของฮั่วฉินเยี่ยน ประธานแห่งตงหยวน’ และ ‘ประธานจงเทียน เวินหลานฉี หยิบยืมสกุลฮั่วเพื่อไต่เต้า’ คำในข้อความต่อไปยิ่งไม่น่าฟังเข้าไปใหญ่ เช่น ‘เพื่อขยับขยายจงเทียน เวินหลานฉีล่อลวงฮั่วฉินเยี่ยนโดยไม่เลือกวิธีการ’ เป็นต้น…
นัยน์ตาเย็นชาของฮั่วฉินเยี่ยนฉายแววสั่นเทา จะพูดถึงเขาอย่างไรก็ได้ แต่เขาไม่มีทางยอมให้คนอื่นมาว่าเวินหลานฉีในทางไม่ดีเด็ดขาด
คนรัก? ล้อเล่นอะไรกัน เธอเป็นภรรยาของเขาตามกฎหมายเชียวนะ คนพวกนั้นมีสิทธิ์อะไรมาวิพากษ์วิจารณ์เธอ!
ผู้หญิงของเขาฮั่วฉินเยี่ยน ไม่ควรต้องทนต่อข้อสงสัยพรรค์นี้หรอก
ในห้องทำงาน เสียงโทรศัพท์ของเวินหลานฉีดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นฮั่วฉินเยี่ยน เวินหลานฉีก็เก็บความรู้สึกแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“มีอะไรเหรออาเยี่ยน” เวินหลานฉีถามเสียงเบา ความจริงเธอเหมือนจะเข้าใจอยู่บ้าง ว่าฮั่วฉินเยี่ยนโทรมาตอนนี้ทำไม น้ำเสียงดูไม่ตื่นตระหนกตกใจนั้น คงเป็นเพราะเธอเชื่อใจเขาโดยไม่มีเงื่อนไข ว่าเขาจะให้คำตอบเธอแน่นอน
“ฉีฉีผมต้องแก้ไขเรื่องในหนังสือพิมพ์นั้นแน่ ผมจะไม่ยอมให้ใครก็ตามมีโอกาสมาวิพากษ์วิจารณ์คุณ! คุณเชื่อผมนะฉีฉี” ฮั่วฉินเยี่ยนพูดอย่างร้อนใจ เขากังวลว่าเรื่องนี้จะเป็นเหตุ ให้หญิงสาวสุดที่รักหายตัวไปเป็นเวลาหลายปีอีกครั้ง
เมื่อได้ยินน้ำเสียงร้อนใจของเขา ใจของเธอก็พรั่งพรูความดีใจ…และปวดใจออกมา แอบดีใจที่เขาใส่ใจความรู้สึกของเธอเช่นนี้ ทั้งยังปวดใจที่เขากลัวเธอจากไปจริง
“อาเยี่ยน ฉันเชื่อคุณนะ ฉันไม่ถือสาว่าคนอื่นจะพูดยังไง” เธอตอบอย่างเคร่งเครียด
“ฉีฉีผมอยากจะกำชับกับคุณอย่างหนึ่ง” เมื่อได้ยินน้ำเสียงนี้ของเธอ คำพูดเขาก็ยิ่งหนักแน่นยิ่งขึ้น ในเมื่อเธอเชื่อใจเขาขนาดนี้ แล้วเขาจะมีเหตุผลอะไร ปล่อยให้เธอต้องทนรับความไม่เป็นธรรมอีกล่ะ
เป็นไปได้อย่างไร…ไม่ถือสาว่าคนอื่นจะพูดอย่างไร ต่อให้เธอแข็งแกร่งขนาดไหน แต่เธอเป็นเพียงหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง และเธอก็ยังคงเลือกที่จะเชื่อใจเขา
“เฉิงหมิง ติดต่อศาล ฉันอยากบอกฟ้องร้องข่าวเมืองหลวงข้อหาหมิ่นประมาท แล้วก็จัดงานแถลงข่าวบ่ายวันนี้ พาดหัวข่าวของวันพรุ่งนี้จะต้องเป็นของฉัน” หลังจากวางสาย ฮั่วฉินเยี่ยนก็ต่อสายหาอีกเบอร์หนึ่งทันที ด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ในเมื่อกล้าใส่ร้ายผู้หญิงของเขา เขาก็จะให้พวกมันได้เห็นดีกัน
ภายในห้องประชุมของตงหยวนช่วงบ่าย แออัดไปด้วยผู้คนมากมาย
ฮั่วฉินเยี่ยนยืนอยู่จุดสูงที่สุดของห้องประชุม และเริ่มพูดอย่างช้าๆ “วันนี้ที่เรียกพี่ๆ นักข่าวทุกท่านมา เพราะอยากให้ทุกท่านได้รู้ความจริงกันอย่างชัดเจน”
ขณะที่ฮั่วฉินเยี่ยนพูด บนหน้าจอขนาดใหญ่ปรากฏภาพทะเบียนสมรสของทั้งคู่ แม้คนในรูปถ่ายนั้นยังเด็กอยู่ แต่ทุกคนต่างก็ดูออกว่านั่นคือฮั่วฉินเยี่ยนกับเวินหลานฉี
ผู้คนข้างล่างเวทีถึงกับทอดถอนใจ
“ทุกท่านคงจะเห็นกันชัดเจนแล้วใช่ไหมครับ ว่าเวินหลานฉีคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผมฮั่วฉินเยี่ยน ไม่ใช่แฟนอะไรนั่นเด็ดขาด และยิ่งไม่ได้หยิบยืมอำนาจตงหยวนเพื่อตำแหน่งอะไรทั้งนั้น จุดนี้ผมเชื่อว่าคนฉลาดพอ คงจะรู้ดีว่าตงหยวนกับจงเทียน ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางด้านธุรกิจกันเลยแม้แต่น้อย” ฮั่วฉินเยี่ยนพูดออกมาชัดๆ ทุกคำ ทุกประโยค
“งั้นไม่ทราบว่าทำไมหลายปีก่อนหน้านี้ ถึงไม่เคยเห็นคุณนายฮั่วปรากฏตัวมาก่อนเลยล่ะคะ”
“ใช่ค่ะ ไม่ได้เคยได้ยินมาก่อนเลยนะคะ ว่าประธานฮั่วมีภรรยากับเขาด้วย”
เหอะ เขารู้อยู่แล้ว ว่าปากนกกระจิบนกกระจอกพวกนี้ ปิดปากไม่ได้ง่ายขนาดนั้นดังคาดไว้เลย
“หลายปีก่อนหน้านี้ภรรยาของผม เธอไปเรียนต่อต่างประเทศ ทำไมภรรยาของผมฮั่วฉินเยี่ยนต้องมาทำความรู้จักคนไม่เกี่ยวข้องพวกนั้นด้วยล่ะ ผมเชื่อว่าทุกท่าน ณ ที่นี้เป็นคนซื่อตรงและมีเหตุผลพอ ผมหวังว่าในอนาคตจะไม่ได้ยินข่าวด้านลบเกี่ยวกับหลานฉี และจงเทียนจากปากสำนักข่าวใดๆ อีกนะครับ แต่ถ้ามีใครอยากจะท้าทายประสิทธิภาพการทำงานของผมฮั่วฉินเยี่ยน ผมก็ยินดีรับใช้ตลอดเวลาเช่นกันครับ” น้ำเสียงของฮั่วฉินเยี่ยนทำให้ทุกคนตัวสั่นเทิ้ม ราวกับว่าอากาศสามารถแช่แข็งได้อย่างไรอย่างนั้น
ทันทีที่ฮั่วฉินเยี่ยนพูดจบ ทั่วทั้งห้องประชุมเงียบกริบ
คงไม่มีใครโง่พอจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับฮั่วฉินเยี่ยนหรอก อย่างน้อยที่สุดคนทั่วทั้งเมืองหลวงนี้ก็กลัวจะไม่ได้มีชีวิตอยู่ไปวันๆ มากกว่า
หลังจากงานแถลงข่าวเพิ่งจะจบได้ไม่นาน จงเทียนก็เกิดเสียงซุบซิบนินทากันไปถ้วนทั่วเป็นเวลานานเลยทีเดียว
“ที่แท้ประธานเวินกับประธานฮั่วก็เป็นสามีภรรยากันหรอกเหรอเนี่ย มิน่าล่ะประธานฮั่วถึงได้ดีกับประธานเวินขนาดนี้”
“นั่นสิ นั่นสิ พวกเขาแต่งงานกันนานขนาดนี้แล้วยังรักกันอย่างดูดดื่มอยู่เลย ประธานฮั่วนี่มุ่งมั่นจริงๆ เลยนะ”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ทำนองนี้เวินหลานฉีได้ยินมันอย่างชัดเจน เธอเองก็เพิ่งจะรับชมถ่ายทอดสดงานแถลงข่าวจบ ความเร็วของสำนักข่าวพวกนี้ถือว่าเร็วมากเช่นกัน แต่ละสำนักข่าวต่างแย่งชิงกันถือเอกสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว
เขาเป็นคนใจร้อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เพราะเธองั้นเหรอ…
แต่…เหมือนว่าการกระทำของเขา จะทำให้เธอพอใจยิ่งนัก เวินหลานฉีคิดไปคิดมามุมปากก็ยกยิ้มโดยแม้แต่ตัวเองยังไม่รู้ตัว
ภรรยาของฮั่วฉินเยี่ยน…คำเรียกขานนี้ดูเหมือนจะเป็นคำที่หญิงสาวมากมายในเมืองหลวง ต่างใฝ่ฝันจะได้มาเลยละมั้ง เมื่อเห็นท่าทางเย็นชาของเขาในงานแถลงข่าวแล้ว คล้ายกับว่าตั้งแต่เธอกลับมาจะยังไม่เคยเจอน้ำเสียงเคร่งขรึมอย่างนั้นของเขาเลยสักครั้ง
เพียงแค่เพราะเธอก็เท่านั้นเอง…
สายจากฮั่วฉินเยี่ยนดังขึ้นขัดความคิดของเธอ
“ฉีฉีคุณได้ดูงานแถลงข่าวของผมเมื่อกี้ไหม พอใจกับการกระทำของสามีใช่ไหมล่ะ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงออดอ้อนผ่านสายโทรศัพท์ คล้ายกับเด็กน้อยที่แย่งความดีความชอบของคนอื่นมาเป็นของตน เธอทั้งอารมณ์ดีทั้งขำ ถ้านักข่าวพวกนั้นรู้ว่าฮั่วฉินเยี่ยนที่พวกเขาหวาดกลัวนั้น แท้จริงแล้วเป็นคนแบบนี้ คาดว่าคงจะตกใจกลัวไม่เบาเลยละมั้ง
“ฮั่วฉินเยี่ยนคุณต้องภูมิใจขนาดนั้นเลยหรือไง ก็แค่งานแถลงข่าวเองไม่ใช่เหรอ เหอะ” แน่นอนว่าเวินหลานฉีจะไม่ยอมเสียเปรียบฮั่วฉินเยี่ยนง่ายๆ จึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตีเบลอ
“เฮ้อ ดูท่าฉีฉียังไม่พอใจกับการกระทำของผมสักเท่าไรนะเนี่ย งั้นต่อไปผมคงต้องทุ่มเทมากกว่านี้แล้วล่ะ” ฮั่วฉินเยี่ยนเอ่ยพูดแฝงเจตนาร้าย
กำลังคุยกันเรื่องงานแถลงข่าวอยู่ชัดๆ ! เขายังจะโยงเข้ามาเรื่องพรรค์นี้ได้อีก เวินหลานฉีคิด ยังดีที่เมื่อกี้ไม่ได้ชมเขา ไม่รู้ว่าถ้าชมไปแล้ว หางของชายคนนี้จะกระดกขึ้นไปถึงบนฟ้าเลยหรือเปล่า [1]
เวินหลานฉีวางสายอย่างโมโห แล้วเปิดโหมดบ้างานทำงานอื่นต่อ เริ่มต้นอ่านเอกสาร เซ็นชื่อ พิจารณาผลประโยชน์และผลกำไร…
ทันทีที่เพิ่งก้าวพ้นประตูจงเทียน ก็เห็นฮั่วฉินเยี่ยนยิ้มเริงร่ามองเธอมาจากกำแพง ทั้งในมือเขายังถือดอกกุหลาบสีเหลืองอยู่ช่อหนึ่ง
ตอนเธอเดินออกมานั้น…เหมือนว่าคนในบริษัทจะออกไปกันพอสมควรแล้ว เฮ้อ คาดว่าพรุ่งนี้คงได้กลายเป็นหัวข้อซุบซิบนินทาอีกแน่เลย เวินหลานฉียิ้มอย่างจนปัญญา แล้วเดินไปหาฮั่วฉินเยี่ยน
เมื่อเห็นเธอออกมาแล้ว ฮั่วฉินเยี่ยนก็เดินเข้าไปต้อนรับ ประทับจูบเบาๆ ลงบนกลีบปากของเธอ ฉวยโอกาสยัดดอกไม้เข้าไปในอ้อมกอดของเธอ จากนั้นก็รวบเธอเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเอง เวินหลานฉีเองก็ไม่ได้ขัดขืน ถือโอกาสกอดเอวเขากลับไปด้วยซ้ำ ทั้งสองเดินโอบกันไปขึ้นรถทั้งอย่างนั้น
หากเดาไม่ผิด…พาดหัวข่าววันพรุ่งนี้ก็คงจะเป็นฮั่วฉินเยี่ยนอีกแล้วสินะ คงจะเป็นหัวข้อประมาณว่าประธานฮั่วซุกเมียไว้ในบ้านอะไรทำนองนั้น …เวินหลานฉีมองแสงแฟลชกะพริบรอบทิศทางไปพลาง ก็พลอยคิดเช่นนี้… แต่แบบนี้…ก็ไม่เลวเลยทีเดียวนะ
พอกลับมาถึงบ้าน ในที่สุดเวินหลานฉีก็ไม่รู้สึกว่าถูกสะกดรอยตามแล้ว จึงถือโอกาสล้มตัวลงนอนบนเตียง
ตลอดทางกลับบ้านวันนี้เหมือนจะมีนักข่าวกำลังแอบถ่ายอยู่ นั่นทำให้เธอรู้สึกไม่มีอิสรเสรีมากนัก
แน่นอนว่าฮั่วฉินเยี่ยนเองก็รู้สึกเช่นกัน หากแต่ที่ไม่ได้ขัดขวาง เพราะเขาอยากให้พวกนักข่าวเห็นเสียให้พอ ว่าประธานฮั่วกับภรรยารักกันมากแค่ไหน
——
[1] อุปมาว่าโอหัง หรือหยิ่งยโส
Related