พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่200 เดินห้าง
บทที่200 เดินห้าง
หลังจากรับประทานอาหารเย็นที่บ้านของหวังจิน ลู่เฉินรับโทรศัพท์และออกไปด้วย คนที่โทรหาเขาคือหนิวต้าชานชายที่ร่ำรวยที่สุดในฉีเจียง
หนิวต้สซานเมื่อก่อนไม่ได้มีอะไร เขาเคยเป็นคนขับรถของลู่จงมาก่อน เมื่อเห็นว่าเขามีความเฉียบแหลมทางธุรกิจ ลู่จงก็เลื่อนตำแหน่งให้เขา
ด้วยการสนับสนุนของลู่งจง หนิวต้าซานจึงตั้งอสังหาริมทรัพย์ในฉีเจียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ลู่เหวินลี่ย้ายจากยวี่โจวไปฉีเจียงในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านหนังสือเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาอสังหาริมทรัพย์เกือบครึ่งหนึ่งของฉีเจียงถูกสร้างโดย บริษัท ก่อสร้างของหนิวต้าซาน เขากลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในฉีเจียง
หลังจากที่หนิวต้าซานรู้ว่าลู่เฉินมาที่ฉีเจียง เขาก็โทรหาลู่เฉิน และต้องการดูแลลู่เฉิน
ลู่เฉินรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเวลาอยู่บ้านหวัง เขาจึงออกมาหาหนิวต้าชานเลย
เมื่อหวังว่านและคนอื่น ๆ กลับมา พวกเขาก็มาที่บ้านของหวังจีนและคุยกับหวังเสวี่ยและคนอื่น ๆ
“ป้าคะ นี่คือแฟนของฉันชื่อเสี่ยวจี้” หวังว่านแนะนำ
“สวัสดี” หลังจากที่หวังเสวี่ยรู้ว่าเสี่ยวจี้เป็นเจ้าของบริษัท เธอก็ทักทายพวกเขาอย่างอบอุ่น หวังว่านตั้งใจพาเสี่ยวจี้มาที่บ้านหวังจินเป็นการส่วนตัว ถึงเธอจะโง่ แต่เธอก็รู้ว่าหวังว่านมาที่นี่เพื่ออวด
“สวัสดีคุณป้า ใช่สิ ได้ยินว่าพี่เขยของคุณก็จะมาใช่ไหม ตอนนี้อยู่ไหนหรอ?” เสี่ยวจี้ไม่เห็นลู่เฉิน เลยถาม
“เขามีธุระ เลยไปแล้ว” หลินอี้จุนมองไปที่เสี่ยวจี้และพูด
“โอ้ คุณเป็นพี่อี้จุน ที่หวังว่านพูดให้ฟังนิ ใช่สิ น้าฟางบอกให็ผมหางานให้ลู่เฉิน ผมอยากรู้ว่าเขาเหมาะจะทำอะไร ” เสี่ยวจี้ยิ้ม
หลินอี้จุนรู้สึกตกใจเล็กน้อย เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่หลินอี้เจีย ถ้าไม่ใช่หลินอี้เจียทำให้เกิดเรื่ เขาก็ไม่คิดจริงจรังแบบนี้หรอก
“โอ้ ไม่ต้องหรอก ขอบคุณจริงๆนะ แต่ลู่เฉินไม่จำเป็นต้องทำงานค่ะ” หลินอี้จุนพูด
“ พี่อี้จุน ลู่เฉินเป็นแค่ยามไม่ใช่หรอ เป็นยามแล้วได้อะไรอ่ะ เงินเดือนสองสามพันต่อเดือน แม้แต่ในเมืองเสี่ยวซวนฉีเจียงก็ไม่พอที่จะซื้อบ้านหนึ่งตารางเมตรได้ ถ้าเขาขยัน เสี่ยวจี้ของฉันสามารถจัดให้เขาทำอะไรก็ได้ “หวังว่านพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่จำเป็นจริงๆ เขาจะไม่อยู่ในฉีเจียงด้วย” หลินอี้จุนพูด
“พี่อี้จุน บริษัทเสี่ยวจี้ของฉันสามารถทำเงินได้มากกว่าหนึ่งล้านต่อเดือนและสามารถซื้อบ้านได้ใน 1 เดือนด้วย ลู่เฉินไม่สามารถซื้อบ้านได้แน่ถ้ายังเป็นยาม” หวังว่านพูดแบบตรงๆ
“ใช่ อี้จุน เสี่ยวจี้ช่วยซื้อบ้านให้เรา ในราคาเต็มหนึ่งล้าน สามห้องนอนและห้องนั่งเล่นหนึ่งห้อง ซึ่งเป็นบ้านที่ดีที่สุดในฉีเจียงแล้า ใช่สิ ฉันจะพาพวกคุณไปดูตอนนี้เลย” เสวี่ยฟางพูดอย่างดีใจ
“ช่างมันเถอะ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว” หลินอี้จุนไม่รู้จะพูดยังไง เธอรู้ว่าครอบครัวของคุณลุงกำลังเอาอกเอาใจ และเธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
“ไปกันเถอะ อยู่บ้านน่าเบื่อออกไปเดินเล่นดีกว่า” เสวี่ยฟางพูด
“ดี แม่ ไปดูกัน” หลินอี้จุนปฏิเสธเสวี่ยฟางไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงต้องเห็นด้วย
“ฉันไม่ไป คุณกับฉีฉี่อยู่ที่บ้าน เซี่ยซงพาฉี่ฉี่ไปเล่นสิ” หลินอี้เจียไม่อยากให้หน้ากับให้ครอบครัวของลุงเธออุ้มฉี่ฉี่ขึ้น แล้วเรียกลูกสาวของลูก แล้วเดินออกไปจากห้องโถง
ทั้งเสวี่ยฟางและหวังว่านรู้สึกไม่พอใจ แต่หวังเสวี่ยไปคนอื่น ๆ ก็ไปด้วย
จุดประสงค์ของเธอเพียงเพื่ออวดต่อหน้าหวังเสี่ยวและคนอื่น ๆ หากหลินอี้เจียไม่ไป มันก็พิสูจน์ถึงความรู้สึกผิดของเธอไม่ใช่หรอ
ครอบครัวของเสวี่ยฟางพาครอบครัวของหวังว่านไปดูบ้านใหม่ของพวกเขา พูดตามตรงหวังเสวี่ยค่อนข้างอิจฉา
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือบ้านหลังนี้ถูกแฟนของวังวานซื้อให้พวกเขา
นึกถึงลู่เฉินก็ไม่เคยให้อะไรเธอ ใจเธอก็รู้สึกน้อยใจเล็กน้อย
พวกเขาทั้งหมดเป็นลูกเขย แต่ลูกเขยของฉันไม่ดีเท่าคนอื่น
“ อี้จุน คุณจะเปลี่ยนบ้านเมื่อไหร่?” หวังซู่ถามด้วยเสียงต่ำอยู่ข้างๆหลินอี้จุน
“ ตอนนี้ก็ดีนิ จะเปลี่ยนทำไม” หลินอี้จุนจำใจยิ้ม เธอรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร อยากรอพวกเธอเปลี่ยน พอถึงเวลาก็จะได้เอาหน้าหน่อย
แต่เธอคิดว่าไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร อีกอย่างพูดความจริงนะ รายได้ของเสวี่ยจี้นั้นน้อยกว่าหนึ่งล้านต่อเดือนและเธอดูก็รู้ว่าเป็นบริษัทเล็ก ๆ และเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก
“อี้จุน ตอนนี้งานของคุณเป็นอย่างไรบ้าง” เสวี่ยฟางเดินมาถาม
“อี้จุนตอนนี้เป็นรองประธานของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย คุณเคยได้ยินเรื่อง บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย หรือป่าวว่ามูลค่าตลาดเกือบหนึ่งพันล้าน” ก่อนที่หลินอี้จุนจะตอบ หวังเสวี่ยก็พูดอย่างเร่งรีบ
ในความเป็นจริงเธอเองไม่รู้ว่า บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย มีค่าเท่าไหร่ เธอพูดเพื่อรักษาใบหน้า
“อ่า รองประธานเงินเดือนต้องสูงใช่มั้ย” เสวี่ยฟางถามด้วยความประหลาดใจ
“ก็โอเค” หลินอี้จุนไม่ต้องการอวดและยิ้มจาง ๆ
ในตอนนี้ ลู่เฉินมาแล้ว เขาได้รับโทรศัพท์จากหลินอี้จุนมาก่อน เลยเดินมาหาหลินอี้จุน
“ลู่เฉินมาแล้วหรอ ไป จะพาไปดูบ้านใหม่” เมื่อเสี่ยวฟางเห็นลู่เฉิน เธอก็ดึงลู่เฉินไป
ลู่เฉินตกใจเล็กน้อยส่วนหลินอี้จุนและคนอื่น ๆ ก็ตกใจเหมือนกัน ทำได้แค่เดินตามไปดั
“ลู่เฉิน นี่คือบ้านที่เสี่ยวจี้ซื้อให้พวกเรา คุณคิดว่ายังไง มันจะได้รับการปรับปรุงใหม่ในอีกไม่กี่วัน ตอนจะย้ายเข้า คุณต้องมานะ” เสวี่ยฟางพูด
ลู่เฉินมองไปที่แผนผังของบ้านมันมีสามห้องนอนและ 1 ห้องนั่งเล่น สถานที่ตั้งอยู่บนชั้น 7 มันค่อนข้างดี เขาชมอยู่สองสามคำ ก่อนที่เสวี่ยฟางจะปล่อยเขาไป
เมื่อได้ยินคำชมอย่างต่อเนื่องของลู่เฉิน ไม่ว่าจะเป็นเสวี่ยฟางหรือหวังว่านและเสี่ยวเจีย ใบหน้าของพวกเขาดูภูมิใจมาก
พวกเขาสนุกกับความอิจฉาของผู้อื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าหวังเสวี่ย
เมื่อก่อนทุกครั้งที่หวังเสวี่ยกลับมา เธอจะต้องอวดต่อหน้าพวกเขา
หลังจากออกมาจากชุมชนนี้ หวังว่านพูดว่า “พี่อี้จุน ไปห้างกันเถอะ ห้างที่นี้ปิดหลังสิบโมง”
เมื่อลู่เฉินมาวังวานก็มีแผนการที่จะทำให้หลินอี้จุนและลู่เฉินไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมองต่อหน้าเธอและซูจี้ได้
“ ช่างมันเถอะ ดึกแล้ว ฉันไม่มีอะไรจะซื้อหรอก” หลินอี้จุนส่ายหัว เธอไม่อยากไปห้าง
“ผู้หญิงไม่ชอบช้อปปิ้งมีที่ไหนกัน? พี่อี้จุน เธอกลัวลู่เฉินไม่มีตังจ่ายของให้หรอ กลัวเขาเสียหน้า ก็เลยไม่ไปละสิ” หวังว่านยิ้ม
หลินอี้จุนขมวดคิ้ว หวังว่านพูดตรงไปตรงมามากเกินไป จนเธอรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย จะว่าไป ทุกคนก็ญาติกัน จะอวดอะไรมากมาย
“อี้จุน ไปเถอะ กลับไปก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี ” เมื่อหวังเสวี่ยได้ยินคำพูดของหวังว่านเธอก็รู้สึกโกรธ
ตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าลู่เฉินรวย หวังว่านขอไปที่ห้าง เธอไม่อยากอวดใครอีกแล้ว ดีเลยลู่เฉินจะได้ตบหน้าบ้านเธอสักครั้ง
“โอเค” หลินอี้จุนส่ายหัว ทำไมเธอไม่เข้าใจความหมายของหวังเสวี่ย แต่เพื่อจะฉีกหน้าหวังว่านมันมีอะไรดี
ทุกคนเป็นญาติกัน มีแต่จะแตกแยกมากขึ้น