พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่197 ลูกเขยของแม่ หาตำแหน่งให้แม่ด้วยสิ
บทที่197 ลูกเขยของแม่ หาตำแหน่งให้แม่ด้วยสิ
“ประมาณเดือนนึงได้มั้ง อยากทำงานจริงๆเหรอ?” ลู่เฉินมองดูหลินอี้เจีย เขารู้ว่าหลินอี้เจียเรียนจบแล้วแต่ยังไม่ได้ไปทำงาน แต่ละวันติดตามวังเสวี่ยไปนู่นไปนี่ ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่เคยทำงาน หากได้ลองทำงานเป็นของตัวเองได้ก็คงจะดี
“ก็ใช่สิคะ พี่ลองดูว่าหนูพอจะไปทำงานอะไรที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตพี่ได้บ้าง?” พูดด้วยความสีหน้ามีความหวัง
“พนักงานขายแล้วกัน มองไปก็เหมาะสมอยู่” ลู่เฉินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
หลินอี้เจียได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า “พี่คะ! พี่ดูถูกกันเกินไปหรือเปล่า ยังไงหนูก็จบมหาวิทยาลัยยวี่โจวนะ ให้หนูไปเป็นคนขายของได้ยังไง?”
“เราให้ความสำคัญกับคำว่าเด็กมหาลัยมากเกินไปแล้วล่ะ” ลู่เฉินพูดแล้วส่ายหัว “เอาอย่างนี้แล้วกัน พี่จะให้เงินเดือนเท่ากับผู้จัดการ แต่จะต้องทำหน้าที่จากพนักงานเป็นต้นไป เมื่อไหร่ที่เราทำหน้าที่พนักงานขายได้ดีแล้ว จะเลื่อนตำแหน่งให้”
พอดีกับที่เขาคิดจะขยายสาขา ถ้าถึงเวลานั้นหลินอี้เจียมีความสามารถเพียงพอ การที่จะให้เธอเป็นผู้จัดการก็ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่หลินอี้เจียจะต้องมีคุณสมบัตินั้นเสียก่อน
มีเพียงแต่ทำงานในชั้นเบื้องต้นให้เรียบร้อย ถึงจะมีคุณสมบัติพอที่จะก้าวข้ามไปสู่ผู้จัดการได้
ถ้าหากแม้แต่งานง่ายๆยังทำไม่ได้ แล้วจะเอาอะไรไปเป็นผู้จัดการดูแลคนอื่นๆกัน
หลินอี้จุนและหลินดาไห่เข้าใจความหมายของลู่เฉินดี แต่หลินอี้เจียคล้ายกับกำลังจะพูดอะไรขึ้นอีกจึงถูกหลินดาไห่ขัดขึ้น
“พ่อคิดว่าความคิดของพี่เขยเราไม่เลวเลยนะ เธอเองก็ไม่เคยไปทำงานที่ไหนมาก่อน การที่ไปเริ่มต้นจากจุดแรกในซุปเปอร์มาร์เก็ตถึงจะรู้ว่าการทำงานในแต่ละจุดนั้นเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่อย่างนั้นต่อไปจะไปบริหารพนักงานได้ยังไง?”หลินดาไห่พูด
“อี้เจีย ฟังที่พี่เขยพูดนะ เริ่มจากขั้นแรกก่อน” หลินอี้จุนก็พูดกับเธอเช่นนั้น
ในมือลู่เฉินมีเทคโนโลยีอี้ฉีอยู่ หากน้องสาวของเธอบริหารจัดการซุปเปอร์มาเก็ตได้ดี ต่อไปในภายภาคหน้าอาจจะให้เธอไปทำงานที่เทคโนโลยีอี้ฉีได้ อย่างนี้เรื่องการงานก็ไม่ต้องเป็นห่วงเธออีก
“ถ้าอย่างนั้นให้เงินเดือนเท่าไหร่เหรอคะ?” หลินอี้เจียยังกังวลไม่หาย แต่ในเมื่อพี่สาวและพ่อของเธอพูดเช่นนั้นเธอก็จำเป็นจะต้องรับฟัง แต่บัดนี้เธอสนใจที่สุดก็คือเรื่องเงินเดือนแล้ว
“อยากได้เท่าไหร่ล่ะ?” ลู่เฉินถาม
“เดือนละ 20,000 ได้ไหม?” หลินอี้เจียลองถามดู หากว่าไม่ได้เธอว่าสัก10000เธอก็รับได้
“ตกลง งั้นก็20,000 เมื่อไหร่ที่ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการ จะให้เพิ่มเป็น 50000นะ” ลู่เฉินออกปากรับคำ
เมื่อพูดลู่เฉินโดยไม่คิดอะไร หลินอี้เจียก็รู้สึกเสียดาย ถ้ารู้อย่างนี้เธอเรียกสูงกว่านี้ก็ดี
“แล้วจะให้ไปทำงานได้เมื่อไหร่คะ?” หลินอี้เจียกังวลจริงๆ ตอนนี้เธอไม่มีตังค์เลย ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นบัตรVIP ที่สามารถซื้อของได้โดยไม่มีจำกัดที่ห้างซินเทียนเจ๋อ เธอก็คงไม่กล้าออกจากบ้าน
“กลับมาจากฉีเจียงเมื่อไหร่ก็เริ่มงานได้เลย!” เขาตั้งใจว่าหลังจากหลินอี้เจียกลับจากฉีเจียง จะให่เธอและอู๋เล่ยไปจัดการเรื่องร้านขยายสาขาใหม่
“โอเค ตกลงค่ะ!ว่าแต่พี่คะขอให้หนูเบิกเงินล่วงหน้าสักเดือนนึงก่อนได้ไหม?ตอนนี้ไม่มีเงินใช้แล้วจริงๆ” หลินอี้เจียพูดด้วยท่าทางน่าสงสาร
“โอเคแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและเป็นครั้งสุดท้ายนะ หลังจากที่เข้ารายงานตัว ผมจะให้ฝ่ายการเงินจัดการให้” ลู่เฉินพูดอย่างเคร่งขรึม
เขารู้ดีว่าช่วงนี้หลินอี้เจียออกไปกับวังเสวี่ยทุกวัน และติดนิสัยการใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย จึงต้องดัดนิสัยเสียหน่อย
เดิมทีเธอก็ไม่ใช่คุณหนูที่บ้านมีตังค์มากมายอะไรนัก จะไปทำตัวเหมือนคนพวกนั้นทำไมกัน?
“พ่อครับ รู้จักบริษัทหินธรรมชาติคัยเทียนกรุ๊ปไหม?”ลู่เฉินถามหลินดาไห่
บริษัทหินธรรมชาติคัยเทียนกรุ๊ปนี้เขาให้เสี้ยจุนเป็นคนไปจัดการบริหาร และชื่อนี้ถูกตั้งขึ้นโดยตู้เฟย เมื่อตอนที่ตู้เฟยตั้งชื่อนี้ขึ้น ท่าทีของเขามีความมาก ลู่เฉินได้แต่ฝืนยิ้มและใช้มัน
ยังไงเสียต่อจากนี้เขาก็วางแผนให้ตู้เฟยเป็นคนบริหารจัดการบริษัทนี้อยู่แล้ว และสามารถเป็นบันไดให้ตู้เฟยก้าวลงจากเวทีนักเลง
ต่อให้ไม่สามารถวางมือได้ทั้งหมด อย่างน้อยภายในสายตาคนอื่นเขาก็ยังเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่หัวหน้านักเลง
“รู้จักสิ ได้ยินมาว่าเป็นบริษัทหินอัญมณีที่พึ่งก่อตั้งขึ้นมาและมีเงินลงทุนมากกว่า 1,000 ล้าน เพียงแค่เพิ่งจดทะเบียนก็นับว่าเป็นบริษัทหินอัญมณีต้นๆของยวี่โจวเลยทีเดียว” หลินดาไห่พูด
“ไม่ใช่อันดับต้นๆ แต่นับจากนี้ไปยวี่โจวจะมีเพียงบริษัทเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นร้านอัญมณีต่างๆ หรือบริษัทเครื่องประดับหยุนเฟยกรุ๊ปของบ้านตระกูลจั่ว ต่อจากนี้จะต้องนำเข้าวัตถุดิบจากบริษัทหินธรรมชาติคัยเทียนกรุ๊ปเท่านั้น” ลู่เฉินหัวเราะ
“นี่หมายความว่าทุกช่องทางการนำเข้าถูกตัดขาดเลยอย่างนั้นเหรอคะ? ถ้าอย่างนั้นตระกูลจั่วจะไม่แก้แค้นคืนเหรอ?” หลินอี้เจียถามด้วยความสงสัย
“ถ้าเป็นเมื่อหลายวันก่อน บางทีตระกูลจั่วอาจจะก่อกวนบริษัทหินธรรมชาติคัยเทียนกรุ๊ปบ้างเล็กน้อย แต่สองวันมานี้แม้แต่ตระกูลจางเอง ก็ยังต้องเจอกับจุดจบแบบนั้น ผมคิดว่าว่าตระกูลจั่วน่าจะไม่กล้าหรอก” ลู่เฉินพูดอย่างมั่นใจ
“อะไรนะคะ?พี่เขย นี่หมายความว่าบริษัทหินธรรมชาติคัยเทียนกรุ๊ปก็เป็นของพี่เหรอ?” หลินอี้เจียเบิกตากว้างแล้วถามขึ้น นี่บริษัทที่สามารถตัดช่องทางการนำเข้าวัตถุดิบของตระกูลจั่ว เป็นบริษัทของพี่เขยเธออย่างนั้นหรือเนี่ย?! พี่เขยของเธอมีเงินมากเท่าไหร่กัน เขาเปิดมากี่บริษัทกันแน่
วังเสวี่ยเองก็แววตาลุกวาว เมื่อสักครู่เธอได้ยินว่าลู่เฉินมีซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็รู้สึกว่าแทบไม่เชื่อในหูตัวเองแล้ว คาดไม่ถึงว่าลู่เฉินยังเป็นเจ้าของบริษัทอันหินอัญมณีอีกด้วย ก่อนหน้านี้ทำไมเธอถึงไม่รู้ล่ะ!
“ใช่ บริษัทหินธรรมชาติคัยเทียนกรุ๊ปก็เป็นของผม แต่ผมไม่ค่อยได้ไปจัดการหรอก พ่อครับ พ่อชอบเกี่ยวกับเรื่องอัญมณีและของโบราณไม่ใช่เหรอ? พ่อไปเป็นที่ปรึกษาบริษัทหินธรรมชาติคัยเทียนกรุ๊ปสิ บริษัทอยู่ที่ทะเลสาบปี้หยางบนเกาะสีเขียว พ่ออยากไปก็ไป ไม่อยากไปก็แล้วแต่อารมณ์ ผมให้เงินค่าตอบแทนเดือนละ1ล้าน พร้อมสวัสดิการและรถส่วนตัว” ลู่เฉินพูดกับหลินตาไห่
หลินดาไห่รักในของโบราณและก็มีความสนใจด้านอัญมณีด้วย ที่ลู่เฉินให้เขาเดินทางไปที่นั่น หนึ่งก็เพราะเหมาะสมกับความสามารถและความสนใจของเขา สองนั้นก็สามารถช่วยตอบแทนบุญคุณด้วย
หลินดาไห่ไม่มีลูกชาย มีเพียงแต่ลูกสาวสองคน การเลี้ยงดูยามแก่เฒ่านั้นก็คงจะต้องพึ่งลูกเขยทั้งสองคน
เพียงแต่ตอนนี้ถึงเวลาที่ลู่เฉินต้องทำก่อนเท่านั้นเอง
เงินเดือน1ล้านพร้อมสวัสดิการและรถส่วนตัว!!!
เมื่อลู่เฉินพูดออกมาดังนั้น ทุกคนในตระกูลหลินก็ล้วนตกตะลึง
แม้แต่หลินอี้จุนเองก็ตกใจเช่นกัน นี่ลู่เฉินตั้งใจจะให้เงินพ่อของเธอฟรีๆหรือไง?
หลินอี้เจียแทบขาดใจ เธอรู้สึกว่าตัวเองโง่จริงๆ หากรู้ว่าพี่เขยใจกว้างขนาดนี้ เธอก็คงจะไม่ลังเลและเรียกเงินเดือนสูงขึ้น
เธออยากจะพูดออกมาแทบตายแต่ก็อายไม่กล้าจะพูดออกมา
แต่วังเสวี่ยมีสีหน้าอิจฉาริษยา และมองไปยังลู่เฉินด้วยแววตาเป็นประกาย เธอเองก็หวังว่าลู่เฉินจะหาหน้าที่ตำแหน่งการงานที่เงินเดือนสูงและสบายแบบนี้ให้เธอบ้าง
ทุกวันนี้เธอยังต้องดิ้นรนออกไปหางานอยู่เลย แม้เธอจะเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจก็ตาม
แต่นับจากครั้งนั้นที่ลู่เฉินช่วยเธอ บัดนี้ก็ยังไม่ได้รับออเดอร์เพิ่มอีกเลย อีกทั้งเงินเดือนที่ได้มาก็นำไปเล่นเสียจนแพ้ จะมีกะจิตกะใจที่ไหนออกไปหาออเดอร์กัน
“ลูกเขยของแม่ ช่วยแม่หางานให้ทำสักตำแหน่งสิ!”
วังเสวี่ยพูดกับลู่เฉินอย่างหน้าไม่อาย เธอก็อยากได้เงินเดือนสูงๆ แต่งานสบายแบบนี้เหมือนกัน”