พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่177 เลี้ยงฉลองกับพื่อนฝูง
บทที่177 เลี้ยงฉลองกับพื่อนฝูง
“นี่น้องชาย เล่นแรงเกินไปหรือเปล่า? ตอนนี้มีคนมากมายโทรมาหาผม ผมยังไม่รู้จะตอบยังไงเลย เพราะตัวผมเองก็ยังไม่ได้มั่นคงมากนัก อาจจะปกป้องคุณไม่ได้ทุกเรื่องนะครับ”
เมื่อลู่เฉินกลับมายังซากุระคลับ ก็ได้รับสายจากเซ่ซูเจี๋ย
สิ่งที่เซ่ซูเจี๋ยพูดนั้นคือเรื่องจริง หากไม่ใช่เพราะลู่เฉินสร้างประโยชน์ทางธุรกิจให้เขามาอย่างต่อเนื่อง เขาคงจะไม่อยากทำตัวเป็นปรปักษ์กับสี่ตระกูลใหญ่แน่นอน เนื่องจากทั้งสี่ตระกูลนี้ไม่มีคนไหนที่ต่อกรได้ง่ายๆ
หากว่าลู่เฉินไม่ได้สัญญาว่าจะลงทุนกว่าห้าหมื่นล้านเพื่อสร้างอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นนำของประเทศ เขาคงไม่ทำเช่นนี้ เพราะการที่เขาจะตั้งหลักปักฐานในเมืองยวี่โจว ก็จำเป็นจะต้องทำผลงานด้านการเมืองและคงต้องคอยรับใช้สี่ตระกูลใหญ่อีกด้วย
เพียงแค่การสร้างอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเดียวเท่านั้น ผลงานและผลกำไรทางด้านการเมืองที่เขาจะได้รับ อีกทั้งการพัฒนาเมืองยวี่โจว เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วแม้สี่ตระกูลใหญ่จะรวมตัวกันก็ยังสู้ไม่ได้
และนี่คือเหตุผลที่ทำไมเขาถึงปกป้องผลประโยชน์ของลู่เฉิน
อีกทั้งเขารู้สึกว่าลู่เฉินเป็นคนดีคนหนึ่ง
จากการบริจาคเพื่อการกุศลในครั้งนี้ลู่เฉินก็ได้ช่วยเขาโดยไม่รู้ตัว ไม่ต้องพูดถึงความสำเร็จด้านอื่นๆเพียงแค่ได้รับคำชื่นชมจาก การประชุมในที่สาธารณะเขาก็พอใจแล้ว
“ok ครับผมจะพอแค่นี้ก่อน ส่วนเรื่องของตระกูลจางผมจะจัดการเอง” ลู่เฉินพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก จากเดิมเขาตั้งใจจะทำให้ตระกูลจางโดนโจมตีอย่างหนักอีกครั้งหนึ่ง
แต่การที่ห้างร้านของตระกูลจางถูกเผา อีกทั้งโครงการถูกแบน ก็ทำให้ตระกูลจางสูญเสียอย่างน้อยสองพันล้านแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองเรื่องนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ตระกูลจางต้องอับอายขายหน้า อีกทั้งยังทำให้สองสามปีนี้ ตระกูลจางจะไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้อีก
เมื่อคิดได้ดังนี้ลู่เฉินก็รู้สึกว่าควรพอได้แล้ว แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามในคืนนี้เขาจะต้องให้ตระกูลจางมอบโครงการเกาะสีเขียวออกมาให้เขาให้ได้
ในเมื่อพวกเขาแพ้ก็ต้องทำตามกฎ!
เมื่อวางสายจากเซ่ซูเจี๋ย ลู่เฉินก็โทรศัพท์หาเจ้าของร้านหยก 36 ให้เขากำชับกับผู้จัดการร้านหยก 36 ว่า ในตอนบ่ายเขาจะพาคนไปที่ร้าน ให้พวกเขาปิดทำการชั่วคราว บริการแต่แขกที่จะพาไปเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับหนึ่งของหยก 36 แต่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับหนึ่งก็ต้องฟังคำพูดของเขา
แม้กระทั่งหากเขาต้องการก็สามารถซื้อหุ้นของร้านไว้ทั้งหมดก็ยังได้
ดังนั้นเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เถ้าแก่ร้านหยก 36 ก็ตกลงรับคำโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย อีกทั้งยังบอกว่าจะเดินทางมาดื่มให้เขาด้วยตัวเอง
หลังวางสายลู่เฉินก็พูดกับตู้เฟยว่า “เพื่อนฝูง! วันนี้ต้องขอบคุณมากๆนะ ช่วยบอกกับพวกเขาที วันนี้ตอนบ่ายโมงให้ไปเจอกันที่ร้านหยก 36 ไม่เมาไม่กลับ!!!”
“ไม่มีปัญหา!” เรื่องนี้พวกเขาทุกคนก็ล้วนเห็นชอบด้วย แม้ว่าวันนี้ลู่เฉินจะไม่เอ่ยปากเลี้ยงพวกเขาด้วยตัวเอง ตู้เฟยก็ต้องพาพรรคพวกออกไปเลี้ยงฉลองอยู่แล้ว
เมื่อถึงเวลาเที่ยงครึ่ง ลู่เฉินก็ให้ตู้เฟยพาพรรคพวกไปยังหยก 36
พนักงานในร้านหยก 36 ได้รับคำสั่งว่าวันนี้ให้ต้อนรับเฉพาะแขก VIP ที่จะเดินทางมา แต่เมื่อพวกเขาเห็นคนมากกว่า 200 คนก็ล้วนตกตะลึง!
“คุณชายลู่! พวกคุณเองเหรอเนี่ย!” เชียวเจิ้ยนเมื่อเห็นว่าเป็นลู่เฉิน แววตาก็เป็นประกายทันทีและรีบเดินหน้าขึ้นมาต้อนรับ
ก่อนหน้านี้เขายังคิดอยู่ว่าใครกันนะที่จะเดินทางมาในวันนี้ เขายังสงสัยอยู่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ผู้หลักผู้ใหญ่ท่านไหนสักท่าน คิดไม่ถึงว่าเป็นลู่เฉิน
“ครับ เรามีกันสองร้อยสี่สิบคน ที่นั่งพอหรือเปล่า?ถ้าไม่พอรบกวนให้คนไปจัดการซื้อโต๊ะและเก้าอี้เพิ่มให้ผมด้วย” ลู่เฉินพยักหน้าแล้วพูดกับเขา
“พอครับ!พอครับ! ห้อง VIP กับห้องโถงรวมกันสามารถนั่งได้ 300กว่าคน” เชียวเจี้ยนรีบพูดออกมา
“โอเคงั้นก็ช่วยจัดการรองรับที่ห้อง VIP ก่อน ถ้าห้องVIPไม่พอก็ค่อยให้มานั่งข้างนอก แต่ไม่ว่าจะเป็นห้อง VIP หรือที่ห้องโถงรบกวนเสิร์ฟอาหารชุดที่ดีที่สุดให้กับผม” ลู่เฉินไม่ใช่คนขี้เหนียว ในวันนี้พวกเขาช่วยลู่เฉินไม่น้อย แม้จะเป็นเซตที่แพงที่สุดรวมกันแล้วราคาโต๊ะละแสนกว่าเขาก็ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เฉิน ไม่ว่าจะเป็นเชียวเจี้ยน ตู้เฟยหรือคนอื่นๆก็ล้วนตกตะลึง
ร้านหยก 36 นับว่าเป็นร้านอาหารที่ราคาแพงลิบลับเลยทีเดียว และอาหารที่ดีที่สุดราคาถึงแสนกว่า ลู่เฉินช่างใจกว้างมากจริงๆ
“พวกเราได้ยินไหม! วันนี้พี่ลู่ต้อนรับพวกเราด้วยเซตอาหารที่ดีที่สุดโต๊ะละแสนกว่า โดยไม่ขี้เหนียวหรือเสียดายแม้แต่นิดเดียว!” ตู้เฟยหันไปพูดกับลูกน้องของเขา
“ขอบคุณลูกพี่ลู่! ขอบคุณลูกพี่เฟย!”
ทุกคนล้วนตะโกนขึ้นมา บอกตามตรงว่าในบรรดาพวกเขามีไม่กี่คนที่มีโอกาสมากินอาหารในร้านนี้ เมื่อพวกเขาได้ยินว่าวันนี้ อาหารที่จะได้กินราคาโต๊ะละแสนกว่าพวกเขาก็ดีใจจนทำตัวไม่ถูก
ขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกนับถือลู่เฉินจากใจจริง
พนักงานทั้งหลายที่เห็นฉากนี้ก็พากันตกใจ พวกเขามองออกว่าบุคคลพวกนี้เป็นนักเลงแน่ๆ
เชียวเจี้ยนพาลู่เฉินและตู้เฟยไปยังห้องVIP ส่วนคนอื่นๆจะจัดการให้นั่งห้อง VIP หรือห้องโถงนั้นลู่เฉินไม่ได้ใส่ใจมากนัก เนื่องจากอาหารที่จะเสิร์ฟเป็นแบบเดียวกัน
ห้อง VIP ขนาดใหญ่ 3 ห้องอีกทั้งยังมีวงดนตรี แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครชอบเท่าไหร่นัก
เนื่องจากพวกเขาที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ ไม่ได้มีความชอบในเรื่องของดนตรี แต่นักร้องที่ยืนอยู่บนเวทีนั้นรูปร่างหน้าตาใช้ได้ พวก Three Heroes of the Water Marginและคนอื่นมองเธอบ้างเป็นครั้งคราว
โต๊ะของลู่เฉินยังไม่ทันจะเสิร์ฟอาหาร เล่ยตาจื่อ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ก็ได้เดินทางมาถึง
เล่ยตาจื่อเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปี เขามีพุงเล็กน้อย
“คุณชายลู่ ผมตั้งใจจะมาให้ทันบ่ายโมง แต่คิดไม่ถึงว่ารถจะติด ขอโทษด้วยนะครับ” เล่ยตาจื่อยิ้มและอธิบายให้ลู่เฉินฟัง
เดิมทีเขาก็ต้องการมาดื่มให้กับลู่เฉินอยู่แล้ว เมื่อได้ยินว่าตู้เฟยเดินทางมาที่นี่ด้วย เขาเองก็อยากจะรู้จักกับตู้เฟยเช่นกัน
ไม่ว่ากิจการใดๆ บางครั้งก็จำเป็นจะต้องพึ่งพาพวกเขา
“คุณมาได้ทันเวลาพอดี พวกเราเพิ่งจะเปิดเหล้าเมื่อกี้เอง!” ลู่เฉินหัวเราะขึ้น
เล่ยตาจื่อนั่งลงอย่างเป็นกันเอง ลู่เฉินแนะนำว่า “นี่คือเล่ยตาจื่อ เถ้าแก่ร้านหยก 36 ครับ”
จากนั้นเขาแนะนำคนอื่นๆให้กับเล่ยตาจื่อว่า “นี่คือตู้เฟย ซ่งไห่ ชิจิน หลินตงและหลิวจื่อซิ่ว เพื่อนผมทุกคน”
“สวัสดีครับลูกพี่ตู้” เล่ยตาจื่อลุกขึ้นแล้วยื่นมือไปทักทายกับตู้เฟย จากนั้นก็ทักทาย Three Heroes of the Water Margin และหลิวจื่อซิ่วตามลำดับ
แน่นอนว่าชื่อเสียงของตู้เฟยเป็นอย่างไรเขาเคยได้ยินมาก่อน เพียงแต่ยังไม่เคยมีโอกาสทำความรู้จักเท่านั้น
ส่วน Three Heroes of the Water Margin เขาเคยได้ยินจากปากของลู่เฉินอยู่บ้าง แต่หลิวจื่อซิ่วนั้นเขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย
แน่นอนว่าหากสามารถนั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับลู่เฉินได้ ก็คงเป็นใครสักคนที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงให้ความเคารพและเกรงใจเช่นกัน
ขณะที่ลู่เฉินกำลังกินเลี้ยงกันอย่างมีความสุข บรรยากาศที่เกาะสีเขียวนั้นก็ครึกครื้นขึ้นมา
เนื่องจากตระกูลจางตั้งใจปล่อยข่าวลือออกไป ทำให้เรื่องการแข่งขันในครั้งนี้แพร่หลายไปทั่ว ผู้คนมากมายเดินทางมาที่เกาะสีเขียวเพื่อรับชมด้วยความตื่นเต้น
สำหรับบุคคลธรรมดาทั่วไปนั้นแม้พวกเขาจะรู้ว่าบรรดาผู้มีฝีมือบนโลกใบนี้มีไม่น้อย อาทิเช่นนักสู้จากหน่วยฝึกพิเศษที่สามารถจัดการกับคน 10 คนได้
แต่โดยปกติแล้วในประเทศอันสงบสุข พวกเขาไม่ได้มีโอกาสเห็นการประลองเช่นนี้บ่อยครั้งนัก
อย่าว่าแต่สี่ตระกูลใหญ่เลย แม้แต่บรรดาผู้ใหญ่และเซ่ซูเจี๋ยเองก็ยังรีบเดินทางมา เขาอยากจะเห็นด้วยตาตัวเองว่าการแข่งขันในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร?
และหลินอี้จุนก็พาหลินอี้เจียกับเพื่อนของเธอมายังเกาะสีเขียวนี้ด้วย