พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 229 ย้ายบ้าน
บทที่ 229 ย้ายบ้าน
ในขณะที่ลู่เฉินเออกมาจากห้องทำงานวังเหวย ก็ได้เห็นเสี่ยวจื่อเหิงกำลังคุกเข่าตรงหน้าประตูจริงด้วย ในใจเขาไม่ได้ดูถูกเสี่ยวจื่อเหิง แต่แค่รู้สึกว่าไอ้นี่ใจกล้าจริงๆ
กล้าได้กล้าเสีย และแน่นอนสามารถที่จะอดทนต่อการอับอายแบบนี้ด้วย
คุกเข่าตรงหน้าบริษัททั้งวัน ไม่ใช่ใครก็จะทำได้ และมันก็ไม่ใช่ว่าใครก็ได้ที่จะกล้าตัดสินใจ
แต่ว่าจากสายตาของเสี่ยวจื่อเหิง ลู่เฉินได้รู้สึกว่าในใจเขาไม่ชอบลู่เฉินเป็นอย่างมาก
“ลู่เฉิน ขอโทษ ผมขอโทษคุณสำหรับความประมาทของผม และหวังว่าคุณจะไม่ถือสาผม” เห็นลู่เฉินลงมา เสี่ยวจื่อเหได้ลุกขึ้นและขอโทษกับลู่เฉิน
เพียงแค่ความอัปยศอดสูในชั่วขณะเอง?
เขาเสี่ยวจื่อเหิงเป็นบุคคลที่กำลังจะทำงานใหญ่ เขาเชื่อว่าความสามารถของเขา สักวันหนึ่งจะสามารถทำงานแทนที่ถังดาลองได้ และกลายเป็นผู้จัดการแผนกบุคคลของเทคโนโลยีอี้ฉี จากนั้นก็จะมีโอกาสมากขึ้นที่จะได้พบกับเจ้านายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังบริษัท
เขาเชื่อ ว่าสักวันเขาจะต้องเป็นที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่งจากเจ้านายใหญ่ของบริษัทที่อยู่เบื้อหลัง พอถึงเวลานั้น เขาไม่เพียงจะเอาคืนลู่เฉิน และจะเหยียบวังเหวยอยู่ใต้ตีนไปด้วย!
เพื่อนวันนั้น เขาเลือกที่จะคุกเข่าตรงหน้าบริษัท ไม่เช่นนั้นวังเหวยต้องไม่ให้เขามีที่ซุบหัวนอนแน่ และเขาเองก็จะเสียโอกาสแก้แค้น
“ไว้วางใจได้ เพียงแค่วันนี้คุณตั้งใจคุกเข่า ผมเองก็จะไม่อะไรกับคุณอีก” ลู่เฉินพูดอย่างจืดชืด จากนั้นก็เดินไปยังที่จอดรถ
แน่นอนเขาไม่เชื่อหรอกว่าเสี่ยวจื่อเหิงจะขอโทษเขาด้วยความจริงใจ แต่ไม่ว่าเขาจะคิดยังไง นี่ก็เป็นโกสุดท้ายของเสี่ยวจื่อเหิง
หากว่าต่อไปมารยาทการทำงานของเขายังจะเป็นแบบเดิม ลู่เฉินก็จะไล่เขาออกเลยทันที
“ไอ่เหี้ย มึงคอยดู สักวันหนึ่ง กูจะทำให้มึงต้องมาคุกเข่าขอร้องกู!” เสี่ยวจื่อเหิงพูดอย่างโกรธแค้น จากนั้นก็กลับไปคุกเข่าต่อ
ทันทีที่เขาคุกเข่าลวนั้น เขาได้เห็นลู่เฉินเดินไปข้างรถคันนึง แล้วหยิบกุญแจรถหรูออกมา
“นั่นมันรถของเขา? เขามีปัญญาซื้อรถหลายร้อยล้านหยวน?”
เสี่ยวจื่อเหิงเบิกตาโต แล้วมองลู่เฉินขับ BMW 7-Series Steinwayจากไปจากกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ย ในใจเขาอึดอัดยิ่งกว่าหมาอีก
……
วันนี้เป็นวันย้ายบ้าน ลู่เฉินไม่ได้มีเพอท่อนมาก เรียกเพียงตู้เฟย Three Heroes of the Water Margin เสี้ยจุนและเสี่ยวซู่ถิงรงมไปถึงผู้บริหารคนอื่นๆของบริษัท และแน่นอน เขาก็ได้เชิญเฉินกวงซิงด้วย แต่ว่าเขาจะมาหรือไม่มามันก็ขึ้นอยู่กับเขา
และตั้งแต่ครั้งก่อนที่เรื่องการบริจาคเฉินกวงซิงก็ไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกเลย เพราะเรื่องครั้งก่อนได้ทำเอาตระกูลใหญ่ทั้งสี่อับอาย
สำหรับเซ่ซูเจี๋ยและคนอื่นๆที่เป็นคนใหญ่คนโตในเมือง เขาเองก็ไม่ได้เชิญ เพราะยังไงคนที่มาในวันนี้มีทุกรูปแบบ หากเหล่าเซ่ซูเจี๋ยก็มาด้วย มันคงจะไม่ดี
เพราะเขารู้ว่าหวังเสวี่ยต้องเชิญคนมามากแน่นอน
และหลินดาไห่อีก เขาเองก็มีเพื่อนมากมาย ก็เชิญมาด้วยกันหมด
แต่สิ่งที่ทำให้ลู่เฉินประหลาดใจคือ หลินดาไห่ได้เชิญเพื่อนหวงยาวจุนคนเดียว
แต่ที่จริงหลินดาไห่ได่เชิญเล่ยหมิงเฉาและหยูเจิ้งเทาด้วย แต่เมื่อได้ยินว่าลาเฉินเป็นคนซื้อบ้าน จากนั้นก็ไม่มีความสนใจ
ตะแก่ทั้งสองนี่ค่อนข้างมีปัญหากับลู่เฉิน ฉะนั้นหลังจากที่ได้ยินว่าลู่เฉินย้ายบ้าน ก็คงไม่มาแน่นอน
ตอนหวงยาวจุนมา ลู่เฉินได้เป็นคนออกมาต้อนรับเขาโดยเฉพาะ เห็นว่าบ้านใหม่ของลู่เฉินเป็นคฤหาสน์สุดหรูและกว้างใหญ่ขนาดนี้ คนระดับอย่างหวงยาวจุนก็อึ้งไปเลย
เขารู้ว่าลู่เฉินไม่ใช้คนธรรมดาแน่นอน แต่ไม่คิดเลยว่าลู่เฉินจะประสบผลสำเร็จได้กว่าที่เขานึกไว้อีก
คฤหาสน์หลายร้อยล้านหยวนเลยนะ ไม่ใช่สิ่งที่คนรวยธรรมดาจะสามารถซื้อได้
และในขณะนี้
“หลินดาไห่กำลังทำอะไรอยู่? พวกเขาถึงกับให้พวกเรารออยู่ที่นี่ หรือว่าเขาจะขับรถมารับพวกเราเอง?” ถังชิงซานพูดอย่างไม่พอใจ
พวกเขาขับรถมาถึงที่นี้ แล้วโทรหาหลินดาไห่ ถามเขาว่าบ้านใหม่ของลู่เฉินอยู่ไหน หลินดาไห่กลับให้พวกเขารออยู่นี้ นี่มันแกล้งกันเหรอ?
“บน หม่าอันซานได้สร้างวิลลา นี่อย่าบอกนะว่าพวกเขาคิดว่าลูกเขยของเขาซื้อวิลลาที่นี้” เพื่อนคนหนึ่งได้หัวเราะ
ลู่เฉินเป็นคนยังไง พวกเรารู้ดี เชื่อแน่นอนว่าลู่เฉินไม่มีทางซื้อบ้านที่นี้
เหตุที่เขาพูดแบบนี้ ก็แค่หยอกเล่นๆ
“ไอ้เจ้านั่นสามารถซื้อลิลาที่นี้ได้ ลูกชายฉันกคงซื้อบ้านในเมืองหลวงแล้วหละ” ถังชิงซานพูดเยาะเค
เขาไม่พอใจมาโดนตลอดที่ลู่เฉินได้แย้งหลินอี้จุนไปจากลูกชายเขา
หลินอี้จุนเป็นสาวสวยจริงๆ หากว่าลูกชายเขาสามารถได้ภรรยาอย่างหลินอี้จุนนั่น เขาก็จะรู้สึกเป็นหน้าเป็นตามาก
“ใช่สิ ดาลองตอนนี้เป็นถึงเศรษฐี ได้ยินมาว่าลู่เฉินนั่นเป็นแค่ รปภ แม้แต่ดาลองเองก็ไม่มีปัญญาซื้อบ้านบนนี้ อย่างลู่เฉินเหรอจะมี” ตะแก่อีกคนที่อยากจะได้ผลประโยชน์จากถังชิงซานพูด
ถังดาลองถูกพ่อตัวเองชมขนาดนี้ ถึงในใจอาจจะสะใจ แต่ก็รู้สึกค่อยข้างน่าอายเล็กน้อย
“ใช่แล้ว หลานคนโต ตอนนี้บริษัทของหลานยังต้องการพนักงานไหม หลานเอาลูกลุงนั่นไปทำงานด้วยสิ” ชายแก่ได้มองถังดาลองแล้วพูด
“และลูกบ้านลุงด้วย วันๆไม่ทำไร ถ้าไม่ไปทำงานอีกก็จะกลายเป็นคนขยะแล้ว หลานคนโต หลานก็ช่วยเขาหางานใกล้ๆบริษัทหลานหน่อยนะ” ลุงแก่อีกคนพูดขึ้นมาอีก
ถังดาลองค่อนข้างลำบากใจ คนสองคนที่เขาเอ่ยถึงนั้นถังดาลองก็รู้จัก คนสองคนที่ไม่ทำอะไร เขาเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลของบริษัท หางานให้เขาทำมันง่ายมากและไม่มีปัญหา
แต่ว่ามาตราฐานการรับสมัครของเทคโนโลยีอี้ฉี บุคลิกต้องผ่านอยู่แล้ว เขาให้สองคนนั้นเข้าไป นั่นมันทำร้ายพวกเขาชัดๆ
ถ้าสองคนนั้นเปลี่ยนความชั่วร้ายกลับไปทำงานก็โอเค แต่ถ้าวันหนึ่งพวกเขาเกิดสร้างปัญหาอะไรขึ้นมา เขาควรจะจัดการยังไงหละ?
“ลุงทั้งสองครับ บริษัทผมกำลังรับสมัครพนักงานอยู่ครับ แต่ว่าต้องให้พวกเขาไปสมัครด้วยตัวเอง” ถังดาลองพูด
เพราะยังไงพนักงานธรรมดาเขาก็ไม่ถามอะไรหรอก แต่ปกติแล้วพนักงานธรรมดาเสี่ยวจื่อเหิงเป็นคนคัดเลือก ถ้าเกิดสองคนนั้นสามารถผ่านด่านเสี่ยวจื่อเหิงไปได้ ก็ถือว่าพวกเขาเจ๋งแล้ว
ตะแก่ทั้งสองคนเริ่มรู้สึกไม่โอเคด้วย แต่งว่าตอนนี้ถังดาลองมีชีวิตการงานที่ดีกว่าพวกเขาจริงๆ พวกเขาไม่กล้าเที่จะมีปัญหาด้วย
“ดาถัง นายเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลไม่ใช่เหรอไง? เรื่องเล็กแบบนี้ยังจะเกี่ยงอีกทำไมกัน จัดหางานให้เลยทีเดียว” ถังชิงซานรู้สึกว่าลูกชายได้ขายหน้าให้กับเขา เห็นเพื่อนสีหน้าไม่ดี เขาก็เข้ามาแทรกพูดทันที
ถังดาลองถอดหายใจในใจ ยิ้มเบี้ยว กำลังจะพูดอะไรอยู่นั้น ก็เห็นว่ามีรถบัสคันใหญ่จอดขวางรถเขา
“รบกวนหน่อย ไม่ทราบว่าเป็นแขกที่คุณหลินดาไห่เชิญหรือเปล่า?”คนขับรถถาม
คนเหล่าถังชิงซานอึ้ง หลินดาไห่ให้คนมารับพวกเขาจริงๆหรือนี่?
และที่สำคัญคือ พวกเขาขับรถมาเอง หลินดาไห่กำลังทำอะไรอยู่เนี่ย ต้องให้คนอื่นมารับพวกเขา?
“ใช่ คุณนำทางเลย พวกเรามีรถ”ถังชิงซานพูดอย่างไม่พอใจ เขารู้สึกว่าหลินดาไห่กำลังแกล้งทำเป็นอวดดีกับพวกเขา
ยังให้รถบัสมารับพวกเขา นี่มันตลกชัดๆ?
“ขึ้นรถเถอะ รถของพวกคุณเข้าไม่ได้”คนขับมองแล้วเห็นคนที่เขาจะรับ แล้วมองไปที่รถธรรมดาที่ผลิตในประเทศเอง บ้านสองคันที่อยู่ข้างๆพวกเขา แล้วพูดอย่างดูถูกในใจ
“พวกเราเข้าไปไม่ได้? ไม่ทราบว่าที่นี่มันชุมชนอะไร ยังไม่สามารถให้แขกเข้าไปได้?” ถังชิงซานพูดอย่างโมโห
คนอื่น ๆ ก็มองไปที่คนขับเช่นกัน ต่างรู้สึกว่าคนขับรถและหลินดาไห่เหมือนกัน ไม่น่าเชื่อถือมาก