พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 216 ไปที่บ้านของเสี่ยวจิง
บทที่ 216 ไปที่บ้านของเสี่ยวจิง
ประตูถูกเปิดออกมา เห็นเพียงหญิงวัยกลางคนอายุ30กว่าปีเดินออกมา เธอสวมแว่นไว้ การแต่งตัวเรียบงค ดูคล้ายคลึงกับเสี่ยวจิง
“ครูเสี่ยว บ้านครูมีแขกมา อยู่นั่น” เมื่อเด็กเห็นมีผู้หญิง จึงชี้ไปยังลู่เฉินสี่คนที่ลงจากรถ
ผู้หญิงได้ดันแว่น แล้วตั้งใจจ้องมองดูลู่เฉินและคนอื่นๆ พวกเขาดูไม่ใช่คนธรรมดา แถมยังขับรถหรูอีก ในใจผู้หญิงเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที
“วัสดีครับพี่สาว ไม่ทราบว่านี่คือบ้านของคุณเสี่ยวจิงหรือเปล่าครับ?” ซ่งไห่เดินขึ้นไปถาม
“พวกคุณคือ……”ผู้หญิงถามย่างสงสัย
“พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกับเสี่ยวจิง ไม่ทราบว่าเขาอยู่บ้านมั้ยครับ?” ซ่งไห่ถามอีก
เขามั่นใจได้แล้วว่าที่นี้คือบ้านของเสี่ยวจิง
“อ๋อ พวกคุณเป็นเพื่อนของเจ้าสี่เหรอ เชิญเข้ามา” ผู้หญิงต้อนรับพวกเขาอย่างมีน้ำใจอันอบอุ่น
หลังจากที่เข้าไปในสวน ทั้งสี่คนถึงเพิ่งรู้ว่านี่คือพี่สาวคนที่สองของเขาเสี่ยวหรง ลู่เฉินจ้องมองถึงเพิ่งรู้ว่าบ้านเสี่ยวยากจนขนาดนี้ บ้านที่ต่ำเตี้ย ครึ่งหนึ่งเป็นอิฐและครึ่งหนึ่งเป็นกำแพงดินฉันว่าคงจะไม่ได้รับการซ่อมแซมมานานกว่าสิบปีแล้วหละ
ในสวนมีครอกหมูที่สร้างจากหญ้า ในครอกมีหมูอยู่สองตัว ประมาณ50-60กิโลได้
และยังมีเล้าไก่ แต่ว่ามีไก่อยู่ไม่กี่ตัว
เมื่อได้ยินสถานการณ์นอกบ้าน ชายชราที่ผมขาว หน้าผอม สวมแว่น สวมเสื้อสูท ในมือยังมีปากกาอีกแท่ง ดูเหมือนจะเป็นครู
เขานี่แหละพ่อของเสี่ยวจิงเสี่ยวเจิ้งยี่
แต่เด็กเสี่ยวเจิ้งยี่ก็เรียนหนังสืออยู่ในหมู่บ้าน ต่อมาจากความพยายามจนกลายเป็นครูใหญ่ในโรงเรียนประถมศึกษา แต่ว่ายังไม่ทันสองปี ก็ถูกคนอื่นใส่ร้ายว่าเขาโลภ
แต่สุดท้ายเขาก็ได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของเขา แต่ก็ได้ใช้เงินบ้านเสี่ยวไปมากเช่นกัน
ก็เพราะเหตุผลนี้ ตอนนั้นหลังจากที่เสี่ยวจิงเรียนจบมอต้นเขาก็ไม่มีเงินเรียนมอปลาย เลยไปเกรทหาร
แต่ว่าไอ้เจ้านั่นก็ใช่ย่อย แต่กองทหารหุนหันพลันแล่นเกินไป ได้ก่อปัญหา หลังจากที่หมดเวลาเกรทหาร ก็ถูกจับคุมตัว จึงไม่มีเงิน
และส่งผลให้บ้านเสี่ยวไม่ได้ซ่อมแซมบ้านมาตลอด
ที่จริงหลังจากที่เสี่ยวจิงถูกลู่เฉินเลื่อนขั้นมาเป็นเลขา เงินเดือนได้มากกว่าหมื่นห้าหยวนแล้ว แต่เขาทำงานเลขาได้เพียงสองเดือน จึงไม่ได้รับเงินมาก
“พ่อ พวกเขาเป็นเพื่อนของเจ้าสี่” เสี่ยวหรงพูด
“เพื่อนของเจ้าสี่เหรอ เชิญเข้ามาข้างใน” เสี่ยวเจิ้งยี่พยักหน้า แล้วทักทายทั้งสี่เข้ามานั่งในบ้าน
ในบ้านใช่ว่าจะสว่าง ชุดเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่เรียบง่ายและหยาบกร้านเพียงไม่กี่ชุดและไม่แม้แต่เคลือบ
ลู่เฉินทั้งสี่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไน ต่างนั่งลงกันบนเก้าอี้
ซ่งไห่นำของที่เตรียมไว้ให้กับเสี่ยงหรง เสี่ยวหรง: “อะไรเนี่ย พวกคุณเกรงใจมากเกินไปแล้ว”
“นี่คุณ ออกมาต้อนรับแขกเร็ว” เสี่ยวเจิ้งยี่กำลังเรียกใครอีกคนในห้อง
แม่ของเสี่ยวจิงเป็นแม่บ้านแม่เรือนในหมู่บ้านนี้อายุ50กว่าปีแล้ว หลังจากนั้นก็เดินออกมาจากห้อง ใบหน้าผอมแห้ง แต่ว่าเรวมๆแล้วยังรู้สึกแข็งแรง เมื่อเธอเห็นของเล็กของใหญ่ที่ลูกสาวถืออยู่ เขาจึงจ้องมองลู่เลินลู่เฉิน
หลังจากที่เสี่ยวหรงเก็บของเสร็จ ลู่เฉินเห็นคดีที่วางอยู่บนบนโต๊ะ สังเกตเห็นเห็นว่าหมึกบนกระดาษยังไม่แห้งสนิท และเห็นปากกาในมือเสี่ยวเจิ้งยี่ จึงถามขึ้นมา: “คุณลุงเสี่ยวครับ นี่ลุงจะขึ้นร้องคดีเหรอ?”
“ใช่ เสี่ยวจิงถูกใส่ร้าย ผมต้องไปแจ้งพวกเขา” เสี่ยวเจิ้งยี่พูด
“หา? เสี่ยวจิงถูกใส่ร้าย? เกิดอะไรขึ้น?” ลู่เฉินถาม
เห็นเสี่ยวเจิ้งยี่ไม่พูด ลู่เฉินจึงพูดต่อว่า: “ลุงเสี่ยว ผมคือเจ้านายของเสี่ยวจิง เพราะว่าเขาลางานไปสามวัน จากนั้นก็หายไปเลยทั้งอาทิตย์ พวกผมโทรไปก็ไม่ติด จึงมาหา ลุง ลุงเชื่อผม หากว่าเสี่ยวจิงถูกใส่ร้ายจริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องใหญ่แค่ไหน มีปัญหากับใคร ผมสามารถช่วยเจาได้”
สายตาลู่เฉินแน่วแน่ หลังจากเสี่ยวเจิ้งยี่พูด เขารู้แล้วว่าเสี่ยวจิงไม่ได้ถูกักคุมตัวในโรงพัก เข้าคุกแล้วแน่นอน
แต่ว่าต่อให้เข้าไป ขอเพียงแค่เขาถูกใส่ร้าย เขาก็จะสามารถช่วยเสี่ยวจิงออกมาได้
“เถ้าแก่ นี่คุณสามารถช่วยเจ้าสี่ได้จริงๆเหรอ ?” หลังจากที่ได้ยินลู่เฉินพูด ไม่รอให้เสี่ยวเจิ้งยี่พูด ก็ถูกแม่เขาจ้องมองอย่าหวาน
“คุณป้า ผมชื่อลู่เฉิน ป้าเรียกชื่อเถอะครับ ขอแค่เสี่ยวจิงถูกใส่ร้ายจริงๆ ผมสามารถช่วยเขาออกมาได้จริงๆ ” ลู่เฉินพยักหน้าแล้วพูด
คนเหล่าตู้เฟยต่างก็ไม่ค่อยเชื่อกัน และในขณะนี้เสี่ยงหรงก็ได้เทน้ำชาให่กับพวกเขา แล้วชี้ไปยังหน้าต่างพูด: “ทั้งหมดมันเกิดจากกำแพงนั้น”
ลู่เฉินทั้งสี่มองออกไปยังนอกหน้าต่าง ถึงเพิ่งสังเกตได้ว่าตรงข้ามมีกำแพงใหม่ มันทำด้วยอิฐสีแดงและไม่สมมาตรกับกำแพงดินของบ้านของเสี่ยว
“บ้านคุณใช้กำแพงร่วมกับเพื่อนบ้านหรือไม่?” ซ่งไห่ก็มาจากชนบทด้วยเช่นกัน และเขาเดาออกเลยทีเดียวว่าในนี้ต้องมีอะไร
ทั้งสองคนต้องใช้กำแพงร่วมกันและข้างบ้านได้สร้างกำแพงใหม่เกินขอบเขต ทั้งสองครอบครัวจึงเกิดทะเลาะกัน
“ชา แตอนแรกกำแพงนั่นยื่นออกไปเมตรกว่า แต่ว่าเดือนที่แล้วบ้านตาลซ่อมแซมบ้าน จะทุบกำแพงเก่าให้ได้ เขาเลยไปเจรจากับคนบ้านตาล แต่ถูกพวกเขาทำร้ายตัว แม่เลยโทรหาเจ้าสี่ สองสามวันก่อนเจ้ากลับมาได้ไปเจรจากับบ้านตาล แถมยังพูดอีกว่าจะทุบกำแพงเก่าออก แต่ไม่คิดเลยว่าสี่พี่น้องนั้นจะพุ่งเข้ามาทำร้ายเจ้าสี่ที่บ้าน ตอนนั้นเพื่อปกป้องตัวเอง เจ้าสี่ได้ต่อยวองคนในนั้นล้ม แต่ไม่นึกเลยว่านี่เป็นแผนการของเขา สองพี่น้องบ้านตาลร้องตะโกน ตำรวจก็เข้ามาพอดีเลยจับคุมตัวเจ้าสี่ไป” เสี่ยวหรงพูด
“และที่สำคัญพวกเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายลงมือก่อน เจ้าสี่บ้านเราแค่ปกป้องตัวเอง แต่ตำรวจกลับจับตัวเจ้าสี่ไป สองพี่น้องตาลนั่นลุกขึ้น พูดว่าจะเอาเจ้าสี่เข้าคุกให้ได้” ตู้ม่งแม่ของเสี่ยวจิงพูดอย่างกังวล
พอถึงอายุเธอนี้แล้ว ในบ้านก็ไม่มีให้พักพิงได้ พวกเขาไม่แม้แต่จะโกรธว่าใครเลย
หนึ่งเดียวที่เป็นไปได้ นั้นก็คือความเป็นห่วงจากคนเป็นพ่อ
“แล้วเสี่ยวจิงหละ ยังอยู่ในโรงพักเหรอ? หรือว่าถูกส่งตัวไปแล้ว?” ซ่งไห่ถาม
“ยังอยู่ในโรงพัก สี่พี่น้องบ้านตาล เป็นขี้ยาไม่เอาการเอางานในหมู่บ้านเลย และยิ่งแล้วสี่รุมหนึ่ง ในโรงพักยังถูกทำร้าย เมื่อวันผมไปเยี่ยม บนหน้ามีแต่รอยแผล”ตู้ม่งพูดอยู่น้ำตาก็ไหลออกมา เป็นห่วงลูกชายมาก
ในใจเสี่ยวเจิ้งยี่ก็วุ่นวายมาก เขาถอดแว่นออก ราวกับจะอาละวาดแต่สุดท้ายก็แค่ถอดหายใจยาวๆ
“คุณลุงคุณป้า อย่าเป็นกังวล วันนี้พวกผมจะไปเอาตัวเสี่ยวจิงออกมาเลย ส่วนเรื่องบ้านตาล ก็ไว้เคลียร์ที่หลัง” ลู่เฉินปลอบใจ