พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 213 เตรียมย้ายบ้าน
บทที่ 213 เตรียมย้ายบ้าน
ในขณะที่เขาคิดว่าตนเองสามารถจับตัวหลินอี้จุนได้นั้น ก็รู้สึกได้ถึงความเย็นวาบพี่แผ่นหลัง มีดเล่มหนึ่งปักเข้าที่ตัวเขา!
ชายผู้นั้นหันไปมองและพบว่ามีชายอีกคนหนึ่งกำลังมุ่งตรงมาทางเขา
เห็นได้ชัดว่ามีดเล่มนั้นที่ปักเข้ามาเป็นผลงานของเจ้าหนุ่มคนนี้แน่ๆ!
มีดเล่มนั้นแม้จะไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ทำให้เขาหมดเรี่ยวแรงในการต่อสู้
ขาทั้งสองอ่อนล้าและทั้งร่างลงไปกองอยู่ที่พื้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ?” หลินอี้จุนถามลู่เฉินด้วยท่าทางตื่นตระหนก
“ไม่มีอะไรครับ” ลู่เฉินไม่อยากให้หลินอี้จุนเป็นห่วงจึงได้ตอบไปแบบนั้น
หลินอี้จุนพยักหน้า ในเมื่อลู่เฉินไม่อยากพูด เธอเองก็ไม่อยากจะเค้นความ
ลู่เฉินหันไปพูดกับซ่งไห่ว่า “เรียกกำลังคนมาเพิ่ม”
ซ่งไห่พยักหน้าและหยิบมือถือขึ้นมาทำตามคำสั่ง
ลู่เฉินถามหลินอี้จุนว่า “คุณยายเป็นยังไงบ้าง?”
หลินอี้จุนพยักหน้าแล้วตอบว่า “ไม่มีอะไรมากค่ะ เดี๋ยวให้น้ำเกลือเสร็จก็กลับบ้านได้แล้ว”
“เราเข้าไปข้างในกันเถอะ เรื่องเมื่อสักครู่ไม่ต้องบอกให้พวกเขารู้หรอก เดี๋ยวเขาจะเป็นห่วง” ลู่เฉินพูด
หลินอี้จุนตอบว่า “ฉันรู้ค่ะ”
เมื่อพูดจบเธอก็เดินกลับเข้าไปด้านใน
เนื่องจากระยะห่างค่อนข้างไกล อีกทั้งด้านนอกเสียงไม่ดังเท่าไหร่นัก วังเสวี่ยและคนอื่นจึงไม่รับรู้เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
ลู่เฉินอยากจะไปหาคุณหมู่ด้วยตนเอง แต่ก็กังวลว่าจะมีคนกลับมาจัดการหลินอี้จุนอีก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจอยู่ต่อ
เขาเชื่อมั่นว่าจากความสามารถของตู้เฟยนั้น เพียงแค่ได้พบกับคุณหมู่ การจับกุมตัวเขาก็ไม่ใช่ปัญหา
ยี่สิบนาทีต่อมา กำลังเสริมที่ซ่งไห่เรียกมาก็มาถึงโรงพยาบาล แต่พวกเขาไม่ได้ขึ้นมาทั้งหมด กระจัดกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ บางคนยืนอยู่ที่มุมสูบบุหรี่ บางคนก็ยืนคุยกัน
พวกเขาไม่ได้สูบบุหรี่แล้วพูดคุยกันธรรมดาเท่านั้น แต่ได้จับตาเฝ้ามองว่ามีคนเดินไปยังแผนกประสาทและสมองหรือไม่
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาสัมผัสได้ว่าบางอย่างผิดปกติไป แต่พวกเขาก็มองไม่ออกว่าเพราะอะไร รู้สึกเพียงว่าบรรยากาศไม่เป็นไปตามปกติ
ผ่านไป 1 ชั่วโมง ในที่สุดคุณยายก็ให้น้ำเกลือเรียบร้อย ระหว่างนั้นไม่มีใครเข้ามารบกวน
ลู่เฉินส่งคุณยายไปที่บ้านตระกูลวัง จากนั้นได้รับโทรศัพท์จากตู้เฟย
“ให้ตายเถอะ! ไอ้บ้านั่นมันแข็งแกร่งมากจริงๆ ผมจับมันไว้ไม่ได้ อีกทั้งลูกน้องผมโดนทำร้ายไป 10 กว่าคน” ตู้เฟยพูดออกมาอย่างอารมณ์เสีย
“เป็นใคร ระดับไหน? สู้กันตัวต่อตัวจะสู้คุณได้ไหม?” ลู่เฉินขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“มองไม่ออก แต่น่าจะพอๆกัน ผมได้ให้ลูกน้องถ่ายรูปมันไว้แล้ว นอกเหนือจากว่ามันจะไปทำศัลยกรรม ไม่อย่างนั้นเจอกันครั้งหน้าผมจำมันได้แน่!” ตู้เฟยพูด
“อืม คุณพาลูกน้องกลับไปก่อนเถอะ อ้อ!ใช่แล้ว ผมคาดว่าพวกมันน่าจะหนีกลับไปที่ยวี่โจว คุณคอยจับตาให้ผมด้วย”
คุณหมู่ที่ว่านี้ ในเมื่อรู้ว่าเขาอยู่ที่ฉีเจียงและตามมาถึงที่นี่ได้ ก็หมายความว่าพวกเขาจะต้องตามกลับไปยังยวี่โจวเช่นกัน
เขาเดาว่าคุณหมู่ ไม่ทันจัดการกับเขาที่ยวี่โจวจึงได้ตามมาที่ฉีเจียง
ที่จริงลู่เฉินเดาถูกแค่ครึ่งหนึ่ง
คุณหมู่นั้นเดินทางมายวี่โจวตั้งหลายวันแล้ว เพียงแต่ไม่สามารถสืบหาที่อยู่ของลู่เฉินได้
สองวันก่อนที่ตงฟางหลงทำการต่อสู้กับลู่เฉิน และตระกูลจางได้ประกาศออกไปทั่ว เขาจึงได้รู้ว่าลู่เฉินอยู่ที่ไหน
แต่เมื่อเขาได้เห็นลู่เฉินต่อสู้กับตงฟางหลงแล้วก็ได้เปลี่ยนความคิด
ดูทักษะการต่อสู้ของทั้งสองแล้วนั้นเขาก็รู้ได้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลู่เฉินเลย ในขณะที่เขาตั้งใจวางแผนจะทำความร่วมมือกับตระกูลจางเพื่อจัดการลู่เฉิน พวกลู่เฉินก็ได้เดินทางมาฉีเจียงแล้ว
เดิมทีเขาคิดจะใช้อำนาจที่เมืองฉีเจียงมาจัดการลู่เฉิน แต่คิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะเรียกตู้เฟยมาถึงที่นี่
เขาได้ให้หลี่หูไปรั้งลู่เฉินไว้เพื่อที่พวกเขาจะได้ไปจัดการจับตัวหลินอี้จุนมาได้ง่ายขึ้น
แต่แผนของเขานี้ก็ล้มเหลวอีกเช่นกัน
บัดนี้คุณหมู่กำลังเดินทางกลับไปที่ยวี่โจว เนื่องจากแผนการที่ฉีเจียงล้มเหลว เขาจึงต้องกลับไปที่ยวี่โจวเพื่อคิดแผนการใหม่
เขารู้สึกว่าลู่เฉินรู้แล้วว่าเขาเป็นใครมาจากไหนไ ม่อย่างนั้นคงไม่ให้ตู้เฟยไปจัดการเขา
เพื่อไม่ให้พวกเขาตื่นตัว คุณหมู่ตั้งใจจะไปอาศัยบ้านตระกูลจางเก็บตัวอยู่สักพักหนึ่ง แล้วค่อยๆคิดหาวิธีจัดการต่อไป
เสี่ยวเบชิงต้องการให้นำตัวลู่เฉินกลับไปยังเมืองหลวง เธอต้องการลู่เฉินที่มีชีวิตอยู่ไม่ใช่ศพ สิ่งนี้ทำให้ทุกอย่างดำเนินไปได้ยากขึ้น และยากที่จะทำภารกิจสำเร็จ
สองวันต่อมา ทุกสิ่งอย่างที่บ้านตระกูลวังได้เสร็จสิ้นเรียบร้อย ลู่เฉินจึงได้พาวังเฉียงกลับมายวี่โจวด้วยกัน
ก่อนเดินทางกลับมา หวังว่านขอร้องให้พ่อของเธอยืมเงินลู่เฉินแต่วังไกก็ปฏิเสธ
เรื่องราวในครั้งนี้ ทำให้พวกเขาเห็นถึงนิสัยที่แท้จริงของเสี่ยวจี้ แม้เขาจะไม่ได้บังคับให้หวังว่านเลิกกับเสี่ยวจี้ แต่ก็ไม่มีหน้าไปยืมเงินลู่เฉินอีกแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหวังว่านและเสี่ยวฟางปฏิบัติต่อลู่เฉินเช่นนั้นก่อนหน้า จะให้เขายืมเงินลู่เฉินเพื่อเสี่ยวจี้ได้ยังไง?
หลังกลับมาถึงยวี่โจว ลู่เฉินก็ให้วังเฉียงและหลินอี้เจียฝึกงานที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตของเขา แน่นอนว่าเงินเดือนไม่น้อย
“สองวันนี้เราก็อยู่กับอี้เจียไปก่อนนะ เดี๋ยวอีกสองวันค่อยย้ายไปที่บ้านผม” ลู่เฉินบอก
“ขอบคุณค่ะพี่ลู่” เสี่ยวเฉียงพยักหน้า
“พี่เขยคะ จะให้เสี่ยวเฉียงไปนอนกับฉีฉีเหรอ?” หลินอี้เจียถาม
“ไม่ใช่ พวกเราจะย้ายบ้านแล้วน่ะ” คฤหาสน์ที่หม่าอันซานทะเลสาบจิงหลงได้สร้างเสร็จแล้ว ลู่เฉินสั่งให้เก็บห้องที่ดีที่สุดไว้ให้เขา เมื่อสองวันก่อนจัดการตกแต่งได้เรียบร้อยแล้วเสร็จ อีกไม่กี่วันน่าจะย้ายเข้าไปอยู่ได้
“จะย้ายไปที่ไหนกันเหรอ?ซื้อบ้านที่ไหนไว้น่ะ?” หลินอี้เจียถามด้วยความประหลาดใจ หากเป็นก่อนหน้านี้ลู่เฉินบอกว่าจะย้ายบ้านเขาคิดว่าลู่เฉินคงไปเช่าบ้านที่อื่นแน่ๆ
“คฤหาสน์ทะเลสาบจิงหลง” ลู่เฉินพูด
“อะไรนะคะ ทะเลสาบจิงหลง! บ้านหลังหนึ่งที่นั่นราคาไม่ต่ำกว่า 5-60ล้าน พี่เนี่ยรวยจริงๆ” หลินอี้เจียพูดด้วยท่าทางชื่นชมลู่เฉิน เธอมองไม่ออกจริงๆว่าก่อนหน้านี้เธอไปดูถูกคนที่มีความสามารถอย่างนี้ได้ยังไง
“ประมาณนั้นแหละ ถ้าอยากจะอยู่คฤหาสน์ก็ตั้งใจทำงานเข้าล่ะ” ลู่เฉินยิ้ม
ถ้าเป็นคนอื่นพูดกับเธอแบบนี้เธอคงจะมองค้อนแน่นอน
ให้เธอไปทำงานเพื่อเก็บตังค์ซื้อคฤหาสน์? ไม่ได้เป็นการประชดประชันเธอเหรอ?
แต่คำพูดนี้ออกมาจากปากของลู่เฉิน เธอจึงเชื่ออย่างสนิทใจ
“พี่คะ พี่ดีจริงๆเลย หนูจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่ๆ” บัดนี้สายตาของอี้เจียมองไปที่ลู่เฉิน ในใจเธอมีความคิดบางอย่างขึ้นมา
ถ้าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พี่เขยเธอก็คงจะดีสิ
อย่างนั้นเธอยังมีโอกาสที่จะตามจีบเขาได้
ถ้าลู่เฉินรู้ถึงความคิดของหลินอี้เจียในตอนนี้ คิดว่าคงตกใจวิ่งหนีไปแน่ๆ!
ก่อนหน้านี้ที่เขาและหลินอี้จุนเข้าใจผิดกันทำให้เกิดสงครามเย็นขึ้นตั้งนาน หากหลินอี้จุนรู้ว่าหลินอี้เจียคิดไม่ซื่อกับเขา ก็คงจะฆ่าเขาตายแน่ๆ
“ผมจะไปดูบ้านกับพี่สาวคุณแล้วล่ะ พวกเราคุยกับอู๋เล่ยไปก่อนแล้วกันนะ” ลู่เฉินพูด
“พี่คะพวกเราก็อยากไปดูบ้านพี่เหมือนกันนี่นา อีกอย่างวันนี้เสี่ยวเฉียงก็เพิ่งจะเดินทางมาถึง ให้เธอไปทำงานเลยก็คงจะเหนื่อยไปหน่อยไหม?” หลินอี้เจียพูดด้วยแววตาเป็นประกาย