พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 201 อวด
บทที่ 201 อวด
ห้างที่เปิดใหม่เป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดของเมืองฉีเจียง สี่ทุ่มถึงปิดให้บริการ แม้ว่าเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็มียี่ห้อหรูมากมาย
แม้ว่าเป็นเวลากลางคืน แต่คนยังค่อนข้างมากอยู่
“พี่อี้จุน ห้างนี้เหนียวด้าซานผู้รํ่ารวยที่สุดในเมืองฉีเจียงเป็นคนเปิด ทั้งเมืองฉีเจียงมีแค่ห้างนี้ห้างเดียว ข้างในล้วนเป็นยี่ห้อหรู”หวังว่านพูด
สามารถเปิดห้างที่ใหญ่เช่นนี้ในเมืองอย่างเมืองฉีเจียงมี่เล็กๆแบบนี้ มันเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายทีเดียว มันต้องใช้ความสามารถที่เพียงพอและต้องเป็นเส้นใหญ่ด้วย
แต่ลู่เฉินก็ไม่รู้สึกแปลกหรอก เหนียวด้าซานมีสมองทางด้านธุรกิจอยู่แล้ว ตามพรสวรรค์อย่างเขา จะไม่พลาดโอกาสที่สามารถหารายได้แบบนี้หรอก
“พี่อี้จุน ฉันจะบอกความลับอย่างหนึ่งกับคุณนะ เสี่ยวจี้เป็นเพื่อนกันกับผู้รํ่ารวยที่สุดเหนียวด้าซานด้วยนะ ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีมากอยู่นะ”หวังว่านพูดขึ้นมาอีก
ลู่เฉินตะลึงเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะสังเกตเสี่ยวจี้อย่างละเอียดสักรอบ ถ้าเสี่ยวจี้เป็นเพื่อนของเหนียวด้าซานจริงๆ นั้นอนาคตจะต้องไม่แย่แน่นอน
แต่นับป่านนี้สีหน้าของเสี่ยวจี้กลับแดงขึ้นมา คำพูดที่โม้ของหวังว่านมันช่างเกินไปจริงๆ ฐานะอย่างเขา จะเป็นเพื่อนของเหนียวด้านซานได้ยังไงล่ะ?เพื่อการอวด วังว่านสามารถพูดออกมาได้ทุกอย่างเนาะ
แต่พอสังเกตเห็นว่าหลินอี้จุนไม่รู้จักเหนียวด้าซาน เสี่ยวจี้ถึงโล่งใจเล็กน้อย
ขอให้หลินอี้จุนไม่รู้จักเหนียวด้าซาน เขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเปิดเผย
เมื่อเห็นความเก้อเขินบนใบหน้าของเสี่ยวจี้ ลู่เฉินก็แอบหัวเราะอยู่ในใจ เขารู้ทันทีว่าหวังว่านกำลังพูดโม้อยู่
แต่เขาก็ไม่ได้เปิดเผย ไม่จำเป็นต้องไปเปิดเผยหรอก
“ตามจริงแล้วนิสัยของคนใหญ่คนโตเช่นนี้ก็เรียบง่ายสบายๆ เขายังเคยชวนพวกเราไปกินข้าวด้วยกัน และพูดคุยกันอย่างกับเป็นกันเอง ถ้ามีโอกาสฉันจะนัดเขาออกมาให้พวกคุณรู้จักสักหน่อย”หวังว่านโม้ต่อ
สีหน้าของเสี่ยวจี้เปลี่ยนไปอีกครั้ง หวังว่านยิ่งพูดมันยิ่งเกินไป แต่เขากลับฟังจนยิ่งหวั่นไหวและหวาดกลัวไปเรื่อยๆ
นี่มันเป็นห้างที่เปิดโดยเหนียวด้าซาน ถ้าถูกพนักงานของเขาได้ยินไปจะทำยังไงดีล่ะ
“ผู้รํ่ารวยเหนียวเขายุ่งมาก จะมีเวลาได้ยังไงล่ะ?”เมื่อเห็นว่าหวังว่านยิ่งพูดยิ่งเกินไป เสี่ยวจี้ตกใจมากจึงรีบพูดแก้ตัว
หวังว่านจ้องเสี่ยวจี้กลับ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจที่เสี่ยวจี้มาขัดจังหวะการอวดของเธอ
หวังว่านพาทุกคนมาถึงร้านค้าแบรนด์ LV ตามจริงก่อนหน้านี้เธอก็อยากได้กระเป๋าของLVรุ่นหนึ่งแล้ว แต่ได้ทนไว้ไม่ได้ซื้อ เพราะเพื่อที่จะอวดต่อหน้าครอบครัววังเสวี่ย ให้เสี่ยวจี้จ่ายเงินให้เธอ ให้ทั้งครอบครัววังเสวี่ยอิจฉาชีวิตที่หรูหราของพวกเธอ
“พี่อี้จุน คุณเคยใช้กระเป๋าของLVไหม”หวังว่านถาม
หลินอี้จุนส่ายหัว เมื่อก่อนเธอไม่มีเงิน แน่นอนว่าซื้อกระเป๋าที่หรูอย่างนี้ไม่ไหว
ตอนนี้มีเงินแล้ว แต่เธอกลับไม่มีเวลาไปซื้อแล้ว
สายตาของหวังว่านปรากฏความดูถูกออกมา และพูดว่า”ฉันอยากได้การเป๋าLVรุ่นหนึ่ง คุณช่วยดูให้ฉันหน่อยได้ไหม”
หลินอี้จุนไม่ได้พูด แต่ยังคงเดินตามหวังว่านไปถึงชั้นวางของอันหนึ่ง
“กระเป๋านี้ราคาตั้งสามหมื่นกว่า แม้ว่ามันจะแพง แต่ขอให้ฉันชอบ เสียวจี้ก็จะซื้อให้ฉัน”หวังว่านหยิบกระเป๋าขึ้นมาดู จากนั้นก็ยื่นให้หลินอี้จุน
“แค่สามหมื่นนิดๆเอง ไม่แพงหรอก ขอให้คุณชอบฉันจะสามารถซื้อให้คุณได้ตลอดเวลา”เสี่ยวจี้รู้ว่าถึงเวลาที่ตัวเองควรพูดแล้ว จึงพูดอย่างกับเป็นคนรวย
“อุ้ย อาจี้ คุณดีต่อฉันจริงๆเลย”นี่เป็นบทสนทนาที่เธอตกลงกับเสียวจี้มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่หวังว่านก็ยังคงแกล้งทำเป็นว่าประหลาดใจ
หลินอี้จุนค่อนข้างจะเกลียดชัง แต่เธอก็ทนไว้ไม่ได้พูดอะไร
การแสดงของหวังว่านช่างแย่เกินไป อยากจะอวดต่อหน้าเธอ ยังต้องฝึกฝนให้ดีล่วงหน้าก่อน
กระเป๋าที่สามหมื่นกว่าเอง แม้ว่าเธอไม่เคยใช้ แต่มันไม่ได้หมายความวาเธอไม่มีเงินซื้อ
อย่าไปพูดถึงลู่เฉินเลย แม้กระทั่งบัญชีของเธอเอง ก็มีเงินอยู่ตั้งร้อยกว่าล้าน จะซื้อยี่ห้อหรูอะไรล้วนได้หมดแหละ
“พี่อี้จุน ของในนี้คุณชอบอะไร คุณก็เลือกมาอย่างหนึ่งละกัน”จู่ๆหวังว่านก็พูดขึ้นมา ของที่นี่อย่างตํ่าก็ต้องห้าหกพัน เธอไม่เชื่อว่าอาชีพยามอย่างลู่เฉินจะซื้อไหว
“ไม่ต้อง ฉันไม่ต้องการ”หลินอี้จุนพูด
“พี่อี้จุน คุณกลัวว่าลู่เฉินไม่มีเงินจ่ายจะขายหน้าใช่ไหมล่ะ ฉันให้เสี่ยวจี้จ่ายให้คุณละกัน เลือกมาอย่างหนึ่งเถอะ”หวังว่านพูดอย่างใจกว้าง
แต่หลังจากพูดเสร็จแล้วเธอก็เสียใจภายหลังเล็กน้อย เพราะของในที่นี่ล้วนไม่ถูก เสี่ยวจี้จ่ายให้หลินอี้จุน เธอก็เจ็บใจเช่นกัน
หลินอี้จุนขมวดคิ้ว เพิ่งคิดจะพูดอะไร ก็ได้ยินวังเสวี่ยพูดว่า” หลินอี้จุน ในเมื่อที่เสียวจี้จะจ่ายให้คุณ คนเราก็ยากที่จะปฏิเสธการเชื้อเชิญได้ คุณก็เลือกมาอย่างหนึ่งสิ ”
ปกติล้วนเป็นวังเสวี่ยอวดต่อหน้าญาติพี่น้องของเธอพวกนี้ คาดไม่ถึงว่าวันนี้กลับหัวมาหมดแล้ว ไม่ว่าเป็นเสี่ยวฟางหรือเป็นหวังว่านล้วนอวดต่อหน้าพวกเธอเรื่อยๆ เธอทนไม่ไหวตั้งนานแล้ว
หวังว่านจะอวดไม่ใช่เหรอ พอดีเมื่อกี้นี้เธอได้เห็นกระเป๋าLVตัวหนึ่งราคาแสนกว่า พอดีสามารถนำมาหยอกล้อหวังว่านสักหน่อย
“นั้น ก็ได้”หลินอี้จุนยิ้มออกมา หวังว่านพูดเยาะเย้ยครอบครัวเธอมาตลอด เธอก็เริ่มไม่พอใจแล้ว
“อี้จุนจูนเลือกอะไรก็ได้ เสี่ยวจี้จะจ่ายเงินให้หมดใช่ไหม”วังเสวี่ยถามหวังว่าน
แม้ว่าวังว่านค่อนข้างจะเสียใจภายหลัง แต่ยังยังไงคำพูดก็พูดออกมาแล้ว เก็บกลับไปมันก็ไม่งาม ไม่นั้นก็จะขายหน้าหรือเกิน
“เออ พวกคุณเลือกเถอะ เลือกอะไรล้วนได้หมด”หวังว่านพูดอย่างใจกว้าง
“อี้จุน กระเป๋าใบนั้นสวยมาก เลือกใบนั้นเถอะ”วังเสวี่ยยิ้มออกมาอย่างหยอกล้อ จากนั้นก็ชี้ไปที่กระเป๋าบนชั้นวางคริสตัลทางด้านซ้าย
หลินอี้ตุนก็เห็นราคาแล้วเช่นกัน พูดอยู่ในใจว่าตาก็แม่นี่สุดยอดหรือเกิน
เธอเดินไปแล้วหยิบขึ้นมา สวยมากจริงๆ ถ้าพูดความจริงนะ เธอก็อยากซื้อแล้ว
เมื่อเห็นหลินอี้จุนหยิบกระเป๋าราคาแสนหนึ่งขึ้นมา สีหน้าของวังว่านเปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้กระทั่งเธอก็ไม่กล้าเลือกกระเป๋าที่แผงขนาดนี้นะ
แม้ว่าตอนนี้เสี่ยวจี้เป็นเจ้านายแล้ว แต่เขาไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นหรอก โดยเฉพาะตอนที่ทำพิธีหมั้นซื้อบ้านหลังหนึ่งให้พ่อแม่เธอโดยตรงแล้ว ยิ่งไม่มีเงินฝากอะไรเลย จะสามารถซื้อกระเป๋าใบละแสนหนึ่งให้คนอื่นได้ยังไงล่ะ?
“หลินอี้จุน ทำไมแกถึงโลภขนาดนี้ล่ะ?กระเป๋าใบนี้แพงที่สุดในร้านนี้นะโว้ย”แม้กระทั่ง’พี่อี้จุน’หวังว่านยังขี้เกลียดจะเรียกแล้ว เรียกชื่อของหลินอี้จุนโดยตรง สามารถเห็นได้ชัดว่าในใจเธอโกรธหลินอี้จุนมากขนาดไหน
“คุณบอกว่าจะซื้อให้ฉันไม่ใช่หรือ?ยังบอกว่าเลือกได้ทุกอย่าง ฉันนึกว่ากระเป๋าแสนหนึ่งถือได้แค่ธรรมดาในร้านนี้เอง แถมคุณบอดว่าเสี่ยวจี้รายได้เดือนละหลายล้านไม่ใช่หรือ กระเป๋าใบละแสนหนึ่งก็จ่ายๆม่ไหวเหรอ?” หลินอี้จุนเห็นว่าหวังว่านก็โกรธขึ้นมาแล้ว ก็ขี้เกลียดจะเสแสร้งแล้ว หวังว่านไร้ขอบเขตเลย เธอก็เหนื่อยที่จะเสแสร้งแล้ว
หวังว่าคนโกรธมาก เธอบอกว่าจะซื้อให้หลินอี้จุน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะซื้อให้ที่แพงขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่าหลินอี้จุนโหดขนาดนี้ คิดจะให้เธอหน้าแตกหรือเปล่าวะ?
“หลินอี้จุน แกอย่ามาได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวานะ ฉันบอกแล้วว่าจะซื้อให้แก แต่แกมีสิทธิ์ใช้กระเป๋าใบละแสนหนึ่งหรือ?”หวังว่านหัวเราะเยาะออกมา แย่งกระเป๋าแสนหนึ่งในมือของหลินอี้จุนมา แล้วนำกลับไปวางที่ชั้นวางของเหมือนเดิม
“อ๋อ จ่ายไม่ไหวก็อย่าบอกว่าจะให้สิ แกล้งทำเป็นอะไรล่ะ?ถ้าลู่เฉินลูกเขยฉันรายได้เดือนละหลายล้าน ฉันจะให้เขาซื้อของทั้งร้านนี้มาฝากคุณหมดเลย”หวังเสวี่ยพูดแทนลูกสาวที่ถูกเธอดูถูกรังแก
วังเสวี่ยพูดแบบนี้ออกมาก็ถือว่าคนทั้งสองฝ่ายฉีกหน้าขาดกันแล้ว
“บริกร ช่วยห่อกระเป๋าใบนี้ขึ้นมาส่งให้คุณหลินหน่อย”
พอดีมนในเวลานี้ ชายหัวล้านร่างใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามา ชี้ไปที่กระเป๋าที่หวังว่านเพิ่งวางลงเมื่อกี้นี้
เมื่อได้เห็นชายหัวล้านร่างใหญ่คนนี้ สีหน้าของหวังเสวี่ยและเสี่ยวจี้ก็เปลี่ยนไปทันที