พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 199 หวังว่านอยากโอ้อวด
บทที่ 199 หวังว่านอยากโอ้อวด
ลู่เฉินและหลินดาไห่กำลังช่วยกันบนภูเขาสุสาน พวกเขาไม่ได้กลับไปเลยจนกระทั่งเย็น
พรุ่งนี้ที่บ้านจะเรียนเชิญอาจารย์มาสวดมนต์ และจะต้องเชิญชวนกันมาเยอะหน่อย มะรืนนำสุสานกองให้เสร็จ
กองหลุมฝังศพ เป็นประเพณีของเขตภาคตะวันตกเฉียงใต้
ในหมู่บ้านชนบทของฝั่งเขตภาคตะวันตกเฉียงใต้ เมื่อคนเสียชีวิตลงแล้ว ก็จะนำศพฝังไว้ในที่ดินของตนเอง ไม่เหมือนกับในเมือง ที่ฝังไว้ในสุสานที่กำหนด
ฉะนั้นเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งปี สุสานก็ชำรุด ตราบใดที่คนในครอบครัวสภาพเศรษฐกิจไม่เลวร้ายเกินไป ก็จะใช่เงิน ซ่อมแซมสุสานใหม่อีกรอบ
เมื่อตอนเย็นเวลาทานข้าว เพราะว่ามีครอบครัวหวังเสวี่ยเพิ่มเข้ามา ทำให้ไม่พอที่จะนั่งทานกันในโต๊ะเดียว หากเพิ่มเป็นสองโต๊ะ ในห้องนั่งเล่นก็ไม่สารถที่จะวางได้
“ไปทานในร้านมั้ย อีกสักครู่เพื่อนๆเธอและเสี่ยวจี้ก็จะมาด้วย” หวังว่านพูด
หวังว่านเป็นลูกสาวของหวังไก สายตาที่เธอมองลู่เฉินและคนอื่นๆไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่
เดิมเธอจะพาแฟนกลับมาเพื่อทานอาหารค่ำในวันนี้ แต่คาดไม่ถึงว่าคนในบ้านหังเสวี่ยจะกลับมากันเนอะขนาดนี้
“พ่อ เสี่ยวจี้และเพื่อนๆของเขาเป็นเพื่อนร่วมธุรกิจในงาน เขาเป็นถึงเถ้าแก่กันทั้งนั้นเลย จะนั่งทานอาหารกับคนธรรมดาได้ไงกัน?” หวังว่านพูด
ต่อให้หวังไกจะโง่กว่านี้ เขาก็เข้าใจความหมายของลูกสาว ความหมายของลูกสาวก็คือกลัวแฟนเธอจะดูถูกหวังเสวี่ยและครอบครัวเธอ
หวังเสวี่ยและครอบครัวเธอต่างเป็นคนฉลาด พอได้ยินหวังว่านพูดเช่นนั้น เธอก็เริ่มไม่สบายใจ
“หวังว่าน เสี่ยวจี้เป็นแฟนเธอใช่มั้ย พวกเขาทำงานอะไร?” หวังเสวี่ยถาม
“ป้าเสวี่ย เสี่ยวจี้เปิดบริษัทค่ะ เป็นเจ้าของบริษัท เพื่อนๆของเขาก็เป็นเจ้าของบริษัทกันทั้งนั้น” หวังว่านพูดอย่างภาพภูมิใจ
หวังเสวี่ยตะลึง ไม่นึกเลยว่าหวังว่านจะหาแฟนดีๆได้คนหนึ่ง ทันใดนั้นก็ไม่รู้แล้วเหมือนกันว่าควรทำอย่างไรดี
“ใช่แล้ว ป้าเหวี่ย ตอนนี้ลู่เฉินยังเป็น รปภ มั้ยคะ?” หวังว่านมองลู่เฉิน ในสายมีความไม่พอใจเลื่อนผ่านไป
ครั้งก่อนพวกเธอไปบ้านหวังเสวี่ยที่ยวี่โจว หวังเสวี่ยยังบ่นที่ว่าลู่เฉินไปเป็น รปภ ไม่มีประโยชน์อะไร
เทียบกับแฟนเธอแล้ว ลู่เฉินมันก็คือตัวขยะ
“ใช่แล้ว พี่เขยหนูเนียยังเป็น รปภ ค่ะ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย” หลังจากที่หลินอี้เจียได้ยินคำดูถูกเยาะเย้ยของหวังส้นแล้ว เธอหันไปมองลู่เฉินและกระพริบตาแล้วพูด
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหลินอี้เจีย ความดูถูกนัยน์ตาหวังว่านก็เพิ่มมากขึ้น
แม่ของหวังว่านเสี่ยวฟางจึงพูด: “นี่ลูก พวกหนูอยู่กันในเมือง เป็น รปภ จะไปมีอนาคตที่ดียังไง ให้ลู่เฉินอยู่ในเมืองฉีเจียงมั้ย เดี๋ยวฉันให้เสี่ยวจี้หางานให้เขา”
หวังเสวี่ยกำลังจะโต้กลับ แต่พอได้ยินหลินอี้เจีย: “ได้สิค่ะ ป้า งั้นต้องรบกวนด้วยนะคะ”
ลู่เฉินและคนอื่นๆต่างยิ้มเบี้ยวกันในใจ นี่มันเป็นจังหวะที่หลินอี้เจียอยากจำทำลายหวังว่าน
ใช่แล้ว หลินอี้เจียไม่ชอบขี้หน้าหวังว่านและเสี่ยวฟางที่ชอบดูถูกคนอื่น
หากก่อนหน้าวันนี้ เธอเองก็ไม่รู้หรอกว่าลู่เฉินมีปัญญาจริงหรือเปล่า
แต่หลังจากวันนี้ เธอเชื่อว่าไม่มีใครกล้าหาเรื่องพี่เขยเธอ
เรื่องบ้านจางนั้นก็ช้างเถอะ
แต่วันนี้เมื่อเช้านี้ในบ้านเธอ เพียงโทรศัพท์สายเดียวของลู่เฉิน และเพียงแค่สิบนาทีก็สามารถทำให้บริษัทของติงหัวล้มสลาย เรื่องที่ทำให้ติงหัวคุกเข่าขอโทษ เธอกล้าตัดสินใจได้ว่า บริษัทแฟนหวังว่านไม่โดดเด่นอะไรหรอก แฟนเธอไม่เก่งเท่าลู่เฉินแน่นอน
ฉะนั้นเธอเตรียมตัวที่จะให้พี่เขยเธอตบหน้าหวังว่านและเสี่ยวฟางซะหน่อย
ลู่เฉินใส่หน้าไปมา ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจความหมายของหลินอี่เจีย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเองก็ไม่ค่อยชอบสายตาที่ชอบดูถูกของหวังว่านและเสี่ยวฟาง
“รบกวนอะไรกัน พูดปุ๊บเคลียร์ปั๊บนา” เห็นสีหน้าที่ดีใจของหลินอี้เจีย เสี่ยวฟางหัวเราะแล้วพูด
“งั้นไปกันเถอะ เราไปทานข้าวในร้านอาหารกัน หนูให้พี่เขยหนูเลี้ยง” หลอนอี้เจียพูด
“ไม่เป็นไร เสี่ยวจี้พวกเขาคงไม่มาร้านอาหารธรรมดาๆหรอก ฉันมาจองดีกว่า” หวังว่านพูด
พอได้ยินหวังว่านพูดเสร็จ ในใจหลินอี้เจียไม่ดั่งใจขึ้นมา ยังจะพูดอะไรอีก หวังเสวี่ยตบมือเธอ แล้วจ้อง: “ อย่าเล่น”
“ออ ค่ะ” หลินอี้เจียหรี่ปากของเธอ
หลังจากที่หวังว่านจองห้องอาหารเสร็จ ก็เรียกหวังเสวี่ยและคนอื่นๆไปทานข้าวกัน
และทันทีนั้นลู่เฉินพูดขึ้นมาว่า: “พวกคุณไปเถอะ พวกผมกินที่บ้านลุงคนที่สามก็เหมือนๆกัน”
หวังว่านและแม่ของเธอเสี่ยวฟางดูถูกคนมากเกินไป ลู่เฉินขี้เกียจนั่งกินข้าวกับพวกเธอ แค่มองก็รู้สึกน่ารำคาญ
พอได้ยินลู่เฉินพูดงี้ขึ้นมา คนเหล่าหวังเสวี่ยจึงตัดสินใจที่จะอยู่ทานด้วยเช่นเดียวกัน
ตอนนี้หวังเสวี่ยกำลังรองานที่ลู่เฉินจะให้เธออยู่ แน่นอนก็ต้องเอาลู่เฉินเป็นหลัก
“อี่พวกคนจนที่อยู่ในเมือง*” หวังว่านพูดอย่างดูถูก จากนั้นก็เดินออกจากบ้าน ถึงแม้ว่สเสียงเธอจะไม่ได้ดังนัก แต่ทุกคนก็สามารถได้ยิน
หวังเสวี่ย หลินอี้จุนและหลินอี้เจียต่างไม่ดั่งใจ ลู่เฉินและหลินดาไห่กลับทำเหมือนไม่ได้ยิน
“ฮาๆ พวกคุณอย่าว่าอะไรเลยนะ หวังว่านเรียนในเมืองแต่เด็ก อารมณ์รุนแรงไปหน่อย พูดจาไม่ค่อยน่าฟังซะเท่าไหร่ อย่าถือสามันเลย” เสี่ยวฟางปากพูดเหมือนอธิบายช่วยลูก แต่ในคำพูดกลับไม่มีความรู้สึกผิดเลยสักนิด
ลู่เฉินก็แค่ยิ้มขำ จากนั้นก็หักห้ามหวังเสวี่ยและคนอื่นๆที่ไม่พอใจ
“ลุงสาม ทานข้าวที่บ้านลุกได้ไหม” ลู่เฉินยิ้มถาม
“ไม่มีปัญหาแน่นอน ไปเถอะ ไปทานข้าวบ้านลุงกัน” วังจินพูดและโบกมือเรียกหลินดาไห่และคนอื่นๆ พอดีเลย วันนี้คนที่ไปช่วยงานนั้นก็ทานข้าวอยาบ้านเขาเหมือนกันเลย
“ทำไมถึงไม่ไปทานข้าวกับหวังว่านที่ร้านอาหารหละ? พอเรามาถึงก็ให้เงินกับบ้านเธอสองพันกว่าหยวน บ้านเขายังจะอะไรกันอีก?”หลังจากที่หวังเสวี่ยลงไป จึงพูดขึ้นมาอย่างไม่ดั่งใจ
บ้านเธอกลับมาที่บ้านน้อยครั้งมาก ฉะนั้นทุกครั้งที่กลับมาก็จะให้เงินกับแม่รวมไปถึงพี่ชายและน้องชายเธอหลายพันหยวนเลย และนี่มันก็แสดงให้เห็นว่าเธอมีฐานะดีกว่าในเมืองเมื่อเทียบกับครอบครัวของเธอแล้ว
หวังเสวี่ยเป็นคนเห็นแก่หน้าอยู่แล้ว หากไม่ใช่ก่อนหน้านี้เธอแพ้จนหมดตัว เธอให้เยอะกว่านี้แน่นนอ
“แม่ แม่ไม่เห็นหรือไงว่าเขาไม่ชอบที่เราไปด้วย แล้วแม่ยังอยากจะไปอีกทำไม?” หลินอี้จุนพูด
หวังเสวี่ยยังคงรู้สึกไม่ดี แต่ว่าก็เป็นญาติๆกัน เธอไม่อยากจะมีปัญหาด้วยนัก
ขณะนี้ในห้องอาหาร
“เสี่ยวจี้ ครอบครัวป้าคนที่สองของฉันมาที่บ้านของฉัน คืนนี้คุณอย่าทำให้ฉันหน้าแตกหละ” หวังว่านนั่งอยู่ข้างๆเสี่ยวจี้แล้วพูด
สาเหตุที่หวังว่านอยากทำให้ครอบครัวหวังเสวี่ยหน้าแตก ก็เพราะว่าเมื่อก่อนหวังเสวี่ยชอบดูถูกบ้านเธอ ตอนนี้เธอมีแฟนที่พอมีกำลัง แน่นอนว่าเธอก็อยากจะให้แฟนเธอช่วยทำให้เธอดูดีขึ้น
“ไหนคุณพูดสิ ก็แค่คนจนที่อาศัยอยู่ในเมือง จะให้ผมทำไง” เสี่ยวจี้หัวเราะเยาะ
เขาเคยได้ยินเรื่องของครอบครัวหวังเสวี่ย ก็แค่คนธรรมดาๆ หวังว่านอยากให้เขาสร้างหน้าสร้างตาให้เธอ สำหรับเขาแล้ว เรื่องนี้มันง่ายมากๆ เพียงแค่โอ้อวดต่อหน้าพวกเขาสักหน่อยก็ได้แล้ว