พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 189 แก้แค้นลู่เฉิน
บทที่ 189 แก้แค้นลู่เฉิน
ลู่เฉินชนะแล้ว
ได้เอาชนะทุกคนที่ขนานนามยกย่องปรมาจารย์ตงฟาง
แล้วมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาทันที
สามารถพูดได้เลยว่า ชื่อของเขาลู่เฉิน ได้เดินขึ้นเวทีชั้นหน้าของยวี่โจวแล้ว ไม่มีใครไม่รู้จักอีก
ผู้ชายคนนี้ทำให้บ้านจางตกอยู่ในวิกฤติ
และเป็นผู้ชายที่ทำให้บ้านจางอับอายขายหน้าภายในช่วงข้ามคืน
บ้านจางแพ้แล้ว
ไม่เพียงแค่ต้องเสียเกาะเขียวไป แถมยังต้องจ่ายอีกสามร้อยล้าน นี่มันยิ่งทำให้บ้านจางอับอายขายหน้าไปกว่าอีก
จางเซิงเฉียวโกรธจนเข้าโรงพยาบาล ทั้งบ้านจางครึ้มเศร้าไปหมด
เพราะเรื่องนี้ จางดาวเรนถูกจางซิงฉวนตัดออกจากสิทธิ์การได้รับมรดก และตอนนี้คนที่มีสิทธิ์ได้รับมรดกมากที่สุดคือจางดาวจง
ในที่สุดหลินอี้จุนก็ไม่ได้กลับไปพร้อมกับลาเฉิน แต่เธอให้ลู่เฉินไปมณฑลฉีเจียงพร้อมเธอในวันมะรืน มะรืนนี้เหล่าลุงเธอจะกลับไปถมดินฝังศพให้ตาเธอทุกคน
ลู่เฉินตอบลงที่จะกลับไปมณฑลฉีเจียงด้วยกัน
หลังจากต่อสู้เสร็จในสองวันต่อมา ลู่เฉินได้เจออู๋เล่ย พร้อมเจรจาเรื่องซ่อมซุปแซมและกลับมาทำงาน
ครั้งนี้ ลู่เฉินก่าว่าจะเอาเงินออกมาสักสองร้อยล้านเพื่อซ่อมแซมซุปเปอร์มาร์เก็ต พร้อมกับขยายการค้า
จากความสามารถและความพยายามในระยะเวลานี้ทำให้ลู่เฉินเชื่อใจเขา ลู่เฉินก่าว่าจะให้โอกาสกับเขาอีกครั้ง เปิดสาขาย่อยให้เขาดูแล
ลู่เฉินซื้อรถAudi ให้อู๋เล่ยหนึ่งคันเพื่อทำงาน ซึ่งมีราคามากกว่าห้าแสนหยวน เตรียมให้อู๋เล่ยเจรจาคุยงานด้วยตนเอง
ในมือมีเงิน อู๋เล่ยไม่ได้ทำให้ลู่เฉินผิดหวังเลย ไม่นานเขาก็ได้ตั้งทีมเป็นของตัวเองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยมี เซิ่งซื่อ ซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นศูนย์กลางเตรียมพร้อมดำเนินพร้อมกันสำหรับการตกแต่งร้านเก่าและหาที่ตั้งใของร้าน
ตอนบ่าย ในขณะที่ลู่เฉินและอู๋เล่ยกำลับทานข้าวเที่ยงอยู่นั้น ทันใดนั้นก็ได้มีสายแปลกเรียกเข้า
จางดางจงเป็นคนโทรมา จางดาวจงนัดลู่เฉินเพื่อเจรจากันดีๆ
ลู่เฉินได้ตอบตกลงกับการเชิญของจางดาวจง หากเจรจากันได้ด้วยดี เขาก็ไม่จำเป็นต้องสู้เสียเวลาต่อกับบ้านจางอีก
สถานที่เจรจาลู่เฉินเลือกอยู่ที่ซากุระคลับ ไม่ใช่เพราะว่าเขากลัวจะถูกวางกับดักของบ้านจางหรอก แต่เป็นเพราะว่าตอนบ่ายเขามีธุระต้องคุยกับอู๋เล่ย
ลู่เฉินขับรถที่เฉินจือหรานให้เขามาจนถึงซากุระคลับ เมื่อนำรถจอดเสร็จ เขาก็เดินเข้าไปในคลับ
และนอกคลับในขณะนี้ เล่ยผู่อินที่กำลังเดินผ่านก็ได้เห็นลู่เฉินลงจากรถ ในใจเกิดความแค้นขึ้นมาทันที
ครั้งก่อนเธอถูกคนของตู้เฟยขู่ และยิ่งแล้วพ่อเธอถูกมอมเหล้าไปสองขวดใหญ่ ดื่มจนกระเพาะเลือดไหล และนอนพักในโรงบาลหนึ่งวันถึงจะกลับบ้านได้
เธอเอาความผิดทั้งหมดนี้โยนใส่ลู่เฉินคนเดียวทั้งหมด
สำหรับเธอแล้ว หากไม่ใช่การปรากฏตัวของลู่เฉิน หลอหยุนฮวยและเฉินเสี่ยวปิงก็คงไม่เมินเธอ
หากว่าตอนนั้นลู่เฉินไม่ช่วยเธอ พ่อเธอก็คงไม่โดนตู้เฟ้ยมอมเหล้าขาว
เธอเกลียดลู่เฉิน สองสามวันนี้เธอแค้นจนอยากจะนำตัวลู่เฉินมาหั่นเป็นหมื่นๆชิ้น
ตอนนี้เห็นลู่เฉินลงจากรถ แล้วเข้าไปในคลับ เธอก็มาถึงข้างรถเขา แล้วถอดส้นสูงออก แล้วทุบใส่หัวรถ
ทุบจนเห็นได้ชัดว่ามีรอยทุบที่ชัดเจน และนี่มันยังไม่สาแก่ใจ ยังอยากจะหาก้อนหินมาทุบอีก
แต่น่าเสียดายที่แถวนี้ไม่มีก้อนหิน และเธอก็เห็นว่า รปภ กำลังเดินมาทางนี้ เธอจึงต้องรีบใส่ส้นสูงแล้วหลบหนีไป
“ยุไหน? ทำไมถึงเพิ่งโทรหาฉัน? คุณไม่ต้องอธิบาย ฉันอยู่หน้าซากุระคลับ ให้เวลาคุณสิบนาที หากไม่มาก็ไม่ต้องมาหาฉันอีกต่อไป” และในขณะนี้ มือถือเล่ยผู่อินก็ได้ดังขึ้น รับสาย แล้วพูดอย่างไม่พอใจออกไป
หลังจากนั้นก็กดวางทันที
แปดนาทีต่อมา รถ BMW จอดทิ้งไว้หน้าเล่ยผู่อิน และมีหนุ่มผอมคนหนึ่งลงมาจากรถ
หนุ่มคนนี้ชื่อหวางฉี เขากำลังจีบเล่ยผู่อินอยู่ พูดได้เลยเขาว่าไม่กล้าขาดคำสั่งเธอ เรียกปุ๊บมาปั๊บ
หลังจากที่เล่ยผู่อินถูกหลอหยุนฮวยทำร้าย เธอจึงได้ให้โอกาสหวางฉีจีบเธอ
แต่ส่วนใหญ่แล้วเธอหลอกใช้หวางฉีสักมากกว่า
“ใครทำคุณโกรธขนาดนี้ ?” หวางฉีถาม
“ขยะตัวนึง ชาติชั่ว”เล่ยผู่อินพูดอย่างโกรธ
“ให้ตาย คนไร ตาบอดหรือไง ถึงกล้ามาหาเรื่องคุณ? ไหนลองเล่าซิ ผมแก้แค้นให้คุณ” หวางฉีฟังแล้วเห็นว่าโอกาสกำลังจะมา จึงพูดออกมาทันที
“แก้แค้นให้ฉัน?” เล่ยผู่อินมองหวางฉี แล้วแกล้งพูดดูถูก “คุณมีกำลังเหรอ?”
“ผู่อิน คุณอย่าดูถูกผมสิ ผมพอมีพวกบ้างนา อยากให้คนที่รังแกคุณคุกเข่าขอโทษคุณตรงหน้าคุณมั้ย?” หวางฉีตบหน้าอกตนเอง แล้วพูดอย่างมั่นใจ
คุกเข่าขอโทษ?
เล่ยผู่อินเริ่มเกิดการขยับของจิตใจ
หลายวันมานี้เธอคิดอยู่ตลอดว่าจะแก้แค้นลู่เฉินอย่างไร ทำอย่างไรถึงจะให้ลู่เฉินคุกเข่าขอโทษตรงหน้าเธอ เธอนึกภาพที่ลู่เฉินคุกเข่าขอโทษเธอทุกวินาที
“หวางฉี ขอแค่คุณสามารถทำให้เขาคุกเข่าขอโทษตรงหน้าฉันได้ คืนนี้ฉันก็จะทานข้าวเป็นเพื่อนคุณ” เล่นผู่อินพูด
พอหวางฉีได้ยินเช่นนี้ ในใจก็เกิดตื่นเต้นมีความสุขขึ้นมา
เขาเคยนัดเล่ยผู่อินหลายครั้งแล้ว แต่น่าเสียดายที่เธอปฏิเสธเขาทุกครั้งเลย นี่มันเป็นโอกาสดีชัดๆ
“คุณวางใจได้ เดี๋ยวผมโทรไปจัดการ เขาชื่ออะไร อยู่ไหน?” หวางฉีพูดอย่างมั่นใจ
“เขาอยู่ในซากุระคลับ ฉันเพิ่งเห็นเขาเดินเข้าไป” เล่ยผู่อินตอบ
“ได้ ผมมีเพื่อนคนนึงทำงานในคลับ ถึงเวลาผมจะให้เขาพาพวกเราไปค้นหาที่ละห้องๆ ไม่ว่ายังไงก็เจอไอ้นั่นแน่นอน” ในขณะที่หวางฉีกำลังพูดอยู่เขาก็ได้หยิบมือถือขึ้นมาโทร
เล่ยผู่อินมองดูรถสุดหรูของลู่เฉิน ที่จริงแล้วในใจเธออยากจะทุบรถเขาให้ยับเยินไม่เหลือชิ้นดีเลยหละ
แต่เธอกลัวว่าหากให้หวางฉีเห็นรถหรูนี้แล้ว จะไม่กล้าลงมือกับลู่เฉิน
จริงๆแล้วเธอจำได้ชัดเจน ลู่เฉินก็คือพี่เขยของหลินอี้เจีย เป็นคนที่ไม่เอาไหนและไม่ได้เรื่องเลย เหมือนว่ายังเป็นผู้ชายที่เกาะเมียกินอีก
แต่ว่าตอนนี้มองดูรถหรูคันนั้นของลู่เฉินแล้ว ในใจเธอเกิดมีการเปลี่ยนแปลง
“ไม่สิ ครั้งก่อนฉันเห็นกับตาว่าเขาไม่มีรถหนิ่ และก็คงไม่มีทางที่จะซื้อรถหรูขนาดนี้ภายในเวลาสั้นๆ อย่างมากรถคันนี้ก็ถูกเขาเช่ามาเพื่ออวดรวยหละ” ในใจเล่ยผู่อินคิด
แต่สุดท้ายเธอก็คิดว่าช้างเถอะ เธอกลัวว่าหวางฉีจะไม่เชื่อ แถมยังจะทำให้หวางฉีตกใจอีก
“ผู่อิน รอสิบนาที คนที่ผมเรียกเขากำลังจะมาถึง” หลังจากที่โทรเสร็จ หวางฉีก็พูดกับเธอ
“อืม” เล่ยผู่อินพยักหน้า ในใจเธอเกิดมีความสะใจขึ้นมาอย่างแปลกประหลาดเมื่อคิดว่าเดียวก็จะสามารถต่อยลู่เฉินจนพ่อแม่จำหน้าไม่ได้
หลังจากสิบกว่านาทีต่อมา ได้มีรถ Cheryคันหนึ่ง จอดหน้าหวางฉี และมีชายร่างบึกลงมาจากรถห้าคน
“พี่หวาง จะต่อยใคร?” ชายร่างบึกคนนึงถาม
“ไอ้นั้นมันอยู่ในคลับ พวกเราเข้าไปตามหาตัวมันให้เจอก่อน”หวางฉีดพูด
“ได้” เหล่าชายร่างบึกได้พยักหน้า หลังจากที่หวางฉีได้แนะนำเล่ยผู่อินให้พวกเขาได้รู้จักเรียบร้อย ทั้งเจ็ดคนก็ได้เดินเข้าไปในคลับ
ขณะนี้คลับยังไม่ได้เปิดให้บริการ จริงๆแล้วหากจะตามหาตัวคนก็ถือว่าง่าย
แต่หวางฉีก็ยังคงหาเพื่อนเขาคนนั้น ให้เพื่อนคนนั้นของเขาพาพวกเขาไปตามหาลู่เฉิน