พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 186 โหดร้ายเลือดเย็น
บทที่ 186 โหดร้ายเลือดเย็น
ตระกูลจางได้ซื้อพื้นที่เกาะสีเขียวไว้ด้วยจำนวนเงินกว่าห้าร้อยล้าน ซึ่งรวมไปถึงทะเลสาบปี้หยางด้วย พวกเขาวางแผนจะพัฒนาปรับปรุงและเปิดเป็นอุทยานท่องเที่ยว การที่ลู่เฉินมีวัตถุประสงค์จะยึดครองเกาะสีเขียวของพวกเขานั้น เขาคิดว่าตนเองมีความสามารถพออย่างนั้นหรือ?
ส่วนตงฟางหลงที่อยู่บนเวทีเมื่อได้ยินลู่เฉินเรียกขานตนเช่นนั้นก็โกรธเสียจนเนื้อตัวสั่น อยากจะกระโดดลงไปต่อยเขาให้ตายภายในหมัดเดียวจริงๆ!
แต่ก็รู้ว่าอีกประเดี๋ยวลู่เฉินจะต้องขึ้นมาบนเวทีเขาจึงได้แต่อดทนไว้
พวกนักเลงหลายร้อยคนด้านล่างเวทีนั้นอาจทำให้เขาถึงแก่ชีวิตได้ ถึงแม้เขาจะโมโหสักเพียงไรก็ไม่อาจจะเอาชนะพวกเขาหลายร้อยคนได้แน่ๆ
“ผู้เฒ่าจาง เมื่อตอนนั้นคุณเอาเกาะสีเขียวเป็นของเดิมพันไม่ใช่เหรอ?” นายท่านเฉินทำได้เพียงลุกขึ้นปกป้องลู่เฉิน
เดิมทีเขาคิดว่าลู่เฉินน่าจะไม่ได้เกาะสีเขียวมาไว้ในมือ แต่เมื่อลู่เฉินพูดอย่างมั่นใจว่าจะต้องนำมันมาไว้ในครอบครองให้ได้ เขาทำได้เพียงส่ายหัว แต่บัดนี้เขารู้สึกชื่นชมและเชื่อมั่นลู่เฉินจากใจจริง
จางเซิงเฉียวสีหน้าไม่สู้ดีนัก คำถามที่นายท่านเฉินถามมาเมื่อสักครู่ เขาเองก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่ที่สำคัญคือพวกเขาได้ให้เงินจำนวน สามร้อยล้านแก่ลู่เฉินไปแล้ว จะให้เขามอบให้ไปฟรีๆอย่างนั้นได้ยังไง?
“ในเมื่อคุณแพ้แล้วก็ควรจะมอบเกาะสีเขียวมาให้ผมซะ ผมมอบเกาะสีเขียวให้แก่ลู่เฉินไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นในวันนี้ที่เขาจะมาทวงคืนก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล” นายท่านเฉินพูด
ในวันนั้นที่งานวันเกิดนายท่านเฉิน ทุกคนเห็นว่าลู่เฉินต่อสู้กับฮันเทียน เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่าการที่ลู่เฉินออกหน้าให้กับตระกูลเฉินในวันนั้น มีเกาะสีเขียวเป็นการตอบแทน
นายท่านก็ช่างใจกว้างมากเสียจริง เกาะสีเขียวที่มีมูลค่ามากกว่าหลายร้อยล้านมอบให้ลู่เฉินง่ายๆอย่างนี้!?
ผู้คนล้วนตกตะลึงเนื่องจากพวกเขามองออกว่าลู่เฉินมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลเฉิน
“ก็ได้ สิทธิ์ในการครอบครองเกาะสีเขียวผมสามารถให้คุณได้” จางเซิงเฉียวก็ถอนหายใจออกมาและมองลู่เฉินด้วยสายตาอาฆาตแค้น
“ดีครับ ถ้าอย่างนั้นขอเชิญนำเอกสารสัญญาออกมาเลย” ลู่เฉินพูดเบาๆ
สมาชิกตระกูลจางแต่ละคนสีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง พวกเขาถูกลู่เฉินทำให้กลายเป็นแบบนี้
“หนังสือสัญญานั้น คุณเผาทิ้งไปแล้วนี่ ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ ตระกูลจางของเราขอให้สัญญาว่าเกาะสีเขียวแห่งนี้เป็นของคุณ” จางซิงฉวนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“พวกเรา ในเมื่อตระกูลจางขี้ขลาดขนาดนี้ วันนี้เรากลับไปดื่มกันดีกว่า ไม่เมาไม่กลับ!” ลู่เฉินพูดออกมาแล้วหันหลังกลับไป
“ให้เขาซะ!” ตงฟางหลงตะโกนออกมาเสียงดัง
ในวันนี้ถ้าหากเขาปล่อยให้ลู่เฉินจากไป ชาตินี้เขาคงจะไม่สามารถสงบจิตใจฝึกฝนตนต่อไปได้ เนื่องจากลู่เฉินได้กลายเป็นเงาในใจของเขาไปแล้ว
วันนี้เขาจะต้องเอาชนะลู่เฉินให้ได้! เอาชนะเขาอย่างเด็ดขาด!
ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่สามารถทำใจได้
“ผมให้!” จางเซิงเฉียวกัดฟันแล้วตะโกนออกมา
“ก็แค่นี้แหละ! เดิมทีเกาะสีเขียวก็ไม่ได้เป็นของพวกคุณ จะเก็บเอาไว้ทำไมใช่ไหมล่ะ?” ลู่เฉินหัวเราะออกมา
“เหอะๆ! หวังว่าอีกสักเดี๋ยวแกยังจะยิ้มได้อยู่นะ” จางเซิงเฉียวพูด
“ท่านผู้เฒ่าครับ อย่าหาว่าผมไม่เกรงอกเกรงใจเลย อีกประเดี๋ยวถ้าคุณโมโหจนเป็นลมไปต่อหน้าผมคงจะต้องหัวเราะออกมาอย่างแน่นอน อีกทั้งยังรู้สึกสะใจด้วย ถ้าไม่เชื่อคุณลองดูก็ได้” ลู่เฉินหัวเราะ
เมื่อเจอกับคนที่ไร้ยางอายแบบนี้ จางเซิงเฉียวพูดอะไรไม่ออก ยิ่งพูดยิ่งทำให้เขาโมโห
“กลับไปเอาหนังสือสัญญาของเกาะสีเขียวมาให้เขา” จางเซิงเฉียวไม่อยากสนใจลู่เฉินอีกต่อไปเขาหันไปพูดกับจางดาวเรน
จางดาวเรนจ้องลู่เฉินตาเขม็ง ในใจเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ
“อ้อ!แล้วอีกอย่าง ถ้าไม่มีสำนักทนายความทำการรับรองที่ดิน ก็จะไม่เป็นทางการเท่าไหร่ คุณควรเชิญคนจากสำนักที่ดินและทรัพยากรมาเป็นพยานด้วย” ลู่เฉินพูดต่อ
“ซิงฉวน ไปเชิญพวกเขามา” จางเซิงเฉียวพูด
จางเซิงเฉียวสูดหายใจเข้า หลังจากนั้นก็จัดการโทรศัพท์ดำเนินการ
“เขาเด็ดขาดจริงๆ”เซ่ซูเจี๋ยที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
เมื่อเห็นลู่เฉินปฏิบัติต่อตระกูลจางแบบนี้ แต่ตระกูลจางกลับทำอะไรไม่ได้เลย ในใจลึกๆเขาก็สะใจเหมือนกัน
เสี้ยววินาทีนั้นเขารู้สึกว่าลู่เฉินเป็นเหมือนดวงดาวส่องสว่างแก่เขาจริงๆ
“ก็นั่นน่ะสิ! แต่การที่เขาทำแบบนี้ หมายความว่าเขาจะต่อสู้กับตงฟางหลงจริงๆเหรอครับ?” เลขาจางถามด้วยความสงสัย
“เรามาพนันกันไหม ผมเดาว่าสุดท้ายแล้วเขาจะไม่ต่อสู้กับตงฟางหลง เขาจะต้องมีวิธีจัดการของเขาแน่ๆ กระทั่งอาจทำให้ตงฟางหลงเป็นบ้าก็ได้”เซ่ซูเจี๋ยพูดออกมาด้วยค่าทางอารมณ์ดี
“ไม่เอาด้วยหรอกครับ ท่านพูดออกมาขนาดนี้คงจะเข้าใจลู่เฉินดีล่ะสิ” เลขาจางหัวเราะ เขาจะต้องพนันอะไรกัน ลู่เฉินไม่ต่อสู้กับตงฟางหลงแน่นอน
ถ้าเขามีความสามารถพอที่จะสู้กับตงฟางหลงละก็ คงขึ้นไปบนเวทีตั้งนานแล้ว จะทนให้พวกเขาด่าทอว่าเป็นศิษย์เนรคุณทำไมกัน?
เขาเป็นถึงเจ้าของเทคโนโลยีอี้ฉีที่มีหน้ามีตาและชื่อเสียงในยวี่โจว
หากไม่ใช่เพราะเขาไม่อาจสู้กับตงฟางหลงได้ เขาจะให้คนอื่นมาดูถูกง่ายๆอย่างนี้เหรอ?
คำตอบก็คือไม่แน่ๆ
ดังนั้นพนันที่เขาจะแพ้แน่ๆ เลขาจางจะเสี่ยงไปท้ากับเซ่ซูเจี๋ยได้ยังไง?
ตอนนี้ผู้คนทุกคนก็ล้วนคิดว่าลู่เฉินไม่กล้าต่อสู้กับตงฟางหลงในแน่ๆ
ที่เขาทำอยู่ตอนนี้คือการขูดรีดตระกูลจาง และตระกูลจางเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
“เขาเด็ดขาดมากจริงๆ ต่อไปนี้ระวังอย่าไปขัดใจเขาเข้าล่ะ” วังชิจูพูดกับวังซิง
แม้จะรู้ว่าลู่เฉินทำให้ลูกชายคนโตของเขาต้องเป็นหมันอีกทั้งยังตบหน้าลูกคนที่สองของเขาด้วย เขาเองก็ยังคอยหาวิธีแก้แค้นลู่เฉินตลอดมา
แต่บัดนี้เมื่อเขาเห็นห้างของตระกูลจางถูกลู่เฉินเผา และระเบิด ปี้สุ่ยวาน ไม่มีชิ้นดี เมื่อเห็นตระกูลจางถูกลู่เฉินจัดการอย่างไม่มีสิ้นสุดเขาเองก็เริ่มกลัวขึ้นมา
เขาเป็นพวกเด็ดขาด หรือเป็นบ้ากันแน่
เขาคงเป็นพวกบ้าคลั่งแน่ๆ! จะให้ทำอย่างไรได้นอกจากยอมแพ้?
เขาเลือกที่จะชื่นชมลู่เฉินอยู่ห่างๆ ก็ไม่อยากจะไปก็เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเขาอีกแม้แต่น้อย
แม้จะไม่เต็มใจนัก แต่วังซิงก็พยักหน้าตอบรับ
แม้แต่พ่อของเขาก็เริ่มหวาดกลัวลู่เฉิน
แล้วเขาล่ะ?จะไม่กลัวได้อย่างไร
ทุกๆคนล้วนบอกว่าวังซิงเป็นดั่งมัจจุราช
แต่บัดนี้เขากลับคิดว่าลู่เฉินจึงจะเป็นมัจจุราชที่แท้จริง
ทุกๆคนรอดูมานานกว่าครึ่งชั่วโมง ในที่สุดตระกูลจางก็นำหนังสือสัญญามาให้เขา อีกทั้งยังเชิญเจ้าหน้าที่มาเป็นพยานอีกด้วย
การแก้ไขสัญญาเป็นไปได้อย่างราบรื่น ทั้งหมดใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น
ลู่เฉินได้เกาะสีเขียวมาไว้ในครอบครองตามหวัง และจุดมุ่งหมายในวันนี้ของเขาก็เสร็จสิ้น
“ข้อแลกเปลี่ยนทั้งสองข้อของคุณ ตระกูลจางล้วนทำให้คุณแล้ว ตอนนี้คุณควรที่จะรักษาคำพูดของตัวเองได้หรือยัง?” จางเซิงเฉียวมองมาที่ลู่เฉินด้วยความเจ็บปวด แต่ตอนนี้เขาอยากจะรู้จริงๆว่าลู่เฉินจะทำตามที่สัญญาไว้ไหม
ทุกๆคนก็จับจ้องไปที่ลู่เฉินและมองดูว่าเขาจะทำอย่างไร
หลินอี้เจีย หลินอี้จุน เฉินจื่อหรานและคนอื่นๆ ก็มองไปยังลู่เฉิน แม้ว่าพวกเธอทุกคนจะรู้ว่าลู่เฉินไม่ขึ้นต่อสู้แน่นอน
แต่ถ้าลู่เฉินเปลี่ยนความคิดล่ะ?