พี่น้องร่วมสาบาน ใต้แสงจันทร์อันเจิดจรัส - ตอนที่ 3 เสน่หาเพียงแรกพบ
สาม
เสน่หาเพียงแรกพบ
“เจ้าลูกทรพี ถ้าวันนี้ข้าไม่ได้เฆี่ยนเจ้าจนก้นลาย ข้าจะไม่ใช้แซ่ซ่งอีกต่อไป”
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น แส้ก็ฟาดลงมาเสียแล้ว
ซ่งฝูอี้รู้วิชาตัวเบาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจึงไม่ต่างจากคนไร้ความสามารถ แส้ที่หวดลงมานั้นทำให้เกิดความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง เขากระโดดหนีไปทางหน้าต่าง
“ซ่งฉือ เจ้าช่างกล้านัก!” ซ่งจือหนานยืนตกใจอยู่ด้านหลัง เจ้าเด็กนี่ไม่รู้จักที่ตายซะแล้ว
แส้ถูกตวัดออกไปอีกครั้ง มันม้วนเข้าหากันเล็กน้อยราวกับกำลังจะเกี่ยวตัวซ่งฝูอี้ไว้ ทว่าซ่งฝูอี้กลับคิดว่าแส้เส้นนั้นจะฟาดลงบนตัวเขาเป็นแน่ จึงเอี้ยวตัวหลบจนตกจากหน้าต่างราวกับขยะชิ้นหนึ่ง
“ฝูอี้!” ซ่งจือหนานตกใจ
ซ่งฝูอี้รู้สึกหัวหมุนติ้ว จบสิ้นแล้วสินะซ่งฝูอี้ เจ้าอาจดื่มเยอะเกินไป ภารกิจสนับสนุนความยุติธรรมยังไม่ทันบรรลุผล เรื่องราวยังไม่มีท่าทีว่าจะเกิดขึ้น ชีวิตอันไร้ค่านี้ต้องมอบให้แก่เศษหินบนถนน ยามปกติเป็นคนโอหังวางมาดอย่างถึงที่สุด ทว่าตอนตายกลับต้องเอาใบหน้าหล่อเหลานี้ไปแปะไว้บนถนนที่ผู้คนนับหมื่นเดินเหยียบย่ำ
คิดๆ ไปแล้ว ไปพบยมบาลก็ยังรู้สึกน่าอาย
“นอนพอหรือยังล่ะ ลุกขึ้นมาได้แล้ว”
เสียงรื่นหูดังเข้ามาในโสตประสาท ซ่งฝูอี้ได้สติขึ้นมาทันที
พอลืมตาขึ้นก็พบว่าเขาไม่ได้นอนแอ้งแม้งคลุกฝุ่นอยู่บนพื้นดิน แต่กลับร่วงลงมาอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของบุรุษหนุ่มในชุดขาว เขาไม่ได้ผละจากอ้อมแขนของชายหนุ่มผู้นั้น เพราะเกรงว่าจะถูกโยนลงไปที่เขาสลายมารเป็นเครื่องสังเวย
“ขอบใจที่…โอ๊ย!” ซ่งฝูอี้ลูบก้นตัวเองแล้วลุกขึ้นยืนจากพื้น “เจ้าน่ะ ในเมื่อรับข้าไว้แล้วก็น่าจะวางลงดีๆ หน่อย ช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุดสิ ไม่อย่างนั้นข้าตกลงไปตายแน่ๆ”
“ไอ้ลูกทรพี!” ซ่งจือหนานตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ สะบัดแส้ในมือเก็บแล้วเหินลงมาจากด้านบน
“ที่แท้ก็คือนายน้อยนั่นเอง ช่างบังเอิญเสียจริง”
ซ่งฝูอี้เงยหน้าขึ้นมองจึงพบว่าด้านข้างของชายหนุ่มในชุดขาวมีร่างไร้ที่ติร่างหนึ่งยืนอยู่ คิ้วและดวงตาราวกับเทพเซียน…เขาเกิดมามีดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ทว่าชายหนุ่มผู้นี้ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์
“ที่แท้ก็คือจี้หลิงอู้” ซ่งจือหนานเก็บแส้แล้วดึงซ่งฝูอี้ยืนขึ้น
“ประมุขซ่ง ช่างบังเอิญจริงๆ หลิงอู้กำลังจะกลับพอดี ศิษย์น้องเสวียนอวี๋ส่งข่าวมาบอกว่าฮูหยินหมิงหานกลับจากเขาอู่หลิงและมาที่จัวลู่อย่างกะทันหัน หลิงอู้ต้องพาน้องสามกลับไปคอยต้อนรับ”
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็รีบไปเถอะ นางไม่ได้กลับมาบ่อยๆ ต้องมีเรื่องสำคัญแน่นอน” ซ่งจือหนานพยักหน้าพร้อมกับพินิจพิเคราะห์จี้ชิงอยู่พักหนึ่ง แล้วส่งสัญญาณให้ซ่งฝูอี้รีบกลับบ้านโดยทันที
ซ่งฝูอี้เดินตามเขาไม่กี่ก้าวก็หันหลังและเดินกลับไป พลางเรียกชายหนุ่มผู้นั้น
“เจ้ายังไม่ได้บอกข้าว่าเจ้าชื่ออะไร”
ซ่งฝูอี้ดึงเข็มขัดของจี้ชิงเบาๆ ทว่าเพียงพริบตาเดียวเท่านั้นเข็มขัดของอีกฝ่ายก็หลุดออกจากมือของเขาไปเสียแล้ว
“คุณชายซ่ง น้องของข้าผู้นี้ไม่ถนัดเรื่องการพบปะผู้คน หากทำให้คุณชายไม่พอใจต้องขออภัย” จี้หลิงอู้หยุดอยู่กับที่แล้วหันกลับมายิ้มให้ “เขานามว่าชิง มีนามรองว่าอวิ๋นฉง”
“จี้ชิง” ซ่งฉือพึมพำ เขากางพัดหยกพิสุทธิ์และพัดเบาๆ “ชื่อชิงรึ โอ๊ะ ชื่อของเราสองคนช่างคล้ายกันจริง ข้าชื่อฉือ เจ้าชื่อชิง ดวงสมพงศ์กันเป็นแท้”
จี้หลิงอู้อมยิ้ม พลางคิดว่าเจ้าทั้งสองเกือบได้เป็นสามีภรรยาและพี่น้องร่วมสาบานกันอยู่แล้ว มันต้องถูกลิขิตไว้แล้วอย่างแน่นอน…ก่อนยิ้ม “ในเมื่อเจ้าทั้งสองดวงสมพงศ์กันเช่นนี้ หลังจากนี้ค่อยคุยกันก็คงไม่สาย”
“ศิษย์พี่จี้ อยากให้ข้าพาไปเดินเล่นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเจียงอินหรือไม่ เรามีที่เที่ยวสนุกๆ เยอะแยะเลย” ซ่งฝูอี้ไม่ค่อยได้เจอใครที่ดูน่าสนใจเช่นนี้มาก่อนจึงเกาะอีกฝ่ายแจ
จี้หลิงอู้เห็นว่าเสียเวลาเป็นนานแล้วทว่าจี้ชิงก็ยังไม่สามารถผละจากมาได้จึงหัวเราะออกมา พร้อมกับก้าวเดินไปข้างหน้า
“เจ้านักเลงนี่แต๊ะอั๋งชาวบ้านเขาอีกแล้ว” สตรีบางคนเริ่มกระชิบกระซาบกัน
“ไปเถอะๆ นักเลงอะไรกัน ข้าชื่นชมต่างหาก… คุณชายจี้ มีสาวงามมากมายที่เจียงอินของเรา อ๋อ ใช่ แล้วก็ยังมีเหล้าอีกด้วย เจ้าอยากลองชิมหรือไม่…และยังมีไก่ยัดไส้ห่อใบบัวอบ เนื้อแพะหม้อไฟ และขนมเปี๊ยะดอกไม้หลากสีหลายรสอีกด้วย คุณชายจี้ ที่เจียงอินของเรายังมีหินแปลกๆ อีกมากมาย แปลกเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าแปลกที่สุดในพิภพ เจ้าอยากไปชมหรือไม่…”
ซ่งฝูอี้ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวไม่หยุด เหมือนนกกระจอกบินอยู่รอบตัวจี้ชิง
จี้ชิงหยุดเดินอย่างกะทันหันแล้วหันหน้ากลับมา นัยน์ตาฉายแววดูจริงจังเป็นอย่างมาก ก่อนจะตอบกลับไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ที่จัวลู่เต็มไปด้วยหยก”
ซ่งฝูอี้นั้นเป็นพวกวิ่งไปทั่วตลาด ทั้งหยอกล้อจีบสาวแก่แม่ม่ายและหญิงสาว ต่อปากต่อคำแม่ค้าที่ตลาดฝั่งตะวันตก รวมไปถึงเคยชกต่อยกับพ่อค้าที่ตลาดฝั่งตะวันออก เมื่อเจอพวก ‘เศรษฐีมีตระกูล’ พูดว่าครึ่งหนึ่งของภูเขาคือหยกน้ำงาม จึงเป็นครั้งแรกที่พูดอะไรไม่ออก
“โอ้…ฮ่าๆ ถ้าเช่นนั้นจัวลู่ของพวกเจ้าคงจะยอดเยี่ยมมาก หากมีโอกาสข้าจะไปเยี่ยมเยียนอย่างแน่นอน”
จี้ชิงหันหลังกลับไปก้าวเท้าออกไปก้าวใหญ่ พยายามหนีจากเจ้านกกระจอกเสียงดังตัวนี้
“คุณชายจี้!”
ฝ่ายนั้นตะโกนเรียก เมื่อจี้ชิงหันหน้ากลับไป ซ่งฉือก็ส่งจูบแล้วยิ้มจนตาหยี ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง
“แล้วเจอกันใหม่นะ”
จี้ชิงฝึกวิทยายุทธ์จากเซียนอู่หลิงมาตั้งแต่เด็ก เติบโตในแดนห่างไกลไร้ผู้คน จึงไม่เคยพบการกระทำเช่นนี้มาก่อน เขาสบตาของซ่งฉือที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาแล้วเห็นเงาสะท้อนการเคลื่อนไหวที่แข็งทื่อของเขาเอง
ในตอนนั้นหอไห่ถังก็ยังเป็นหอไห่ถัง ชาวเจียงอินรู้ดีว่าเศษสวะก็คือนายน้อยแห่งหอไห่ถัง อีกทั้งยังเป็นนักเลงหัวไม้ไร้ยางอายที่คอยระรานจีบชายหนุ่มไปทั่วเพียงเท่านั้น