พี่น้องร่วมสาบาน ใต้แสงจันทร์อันเจิดจรัส - ตอนที่ 2 อดีต
สอง
อดีต
ช่วงกลางดึก เรือนกว่างหลิงยังคงเต็มไปด้วยแขกเหรื่อ
ซ่งจือหนานเอนตัวพิงโต๊ะ แล้วใช้นิ้วนวดขมับ
“ท่านประมุข ผลสรุปของการหารือเป็นเช่นไรหรือขอรับ” กู้ฉือรินน้ำชาแก้เมาใส่ถ้วยแล้วยื่นให้ซ่งจือหนาน
“ถ้าได้คำตอบที่ชัดเจนแล้วก็ดีสิ ข้าจะได้ไม่ต้องปวดหัวเช่นนี้” ซ่งจือหนานยกชาขึ้นดื่มจนหมดถ้วย “ตระกูลเหลียนยืนกรานไม่ขอยุ่งเกี่ยวใดๆ กับเรื่องนี้ อ้างว่าอยู่ห่างไกล แต่อาจมีแผนการชั่วร้ายอะไรอยู่ในใจก็เป็นได้”
“เช่นนั้นทางจัวลู่เล่า จี้หลิงอู้ดูแลจัวลู่อยู่มิใช่หรือ พี่หญิงสนิทกับฮูหยินหมิงหานใช่หรือไม่ คุณชายจี้น่าจะเห็นแก่พี่หญิงแล้วยื่นมือช่วยเหลือ หากได้รับความช่วยเหลือจากเขาคงสามารถสกัดกั้นการกลับมาของจอมมารได้แน่นอน”
ซ่งจือหนานลุกขึ้นยืน เดินออกไปนอกเรือน
“ตั้งแต่ท่านหลิงกุยสยบจอมมารชื่อเซียวได้ บรรดาผู้บำเพ็ญเพียรที่จัวลู่ก็ไม่มีใครกล้าละเลยเรื่องนี้อีก หลิงอู้กล่าวไว้ว่าหากมีเรื่องเขาก็พร้อมจะจัดการ” ใบหน้าของซ่งจือหนานแสดงให้เห็นถึงความชื่นชม “นี่คือคำกล่าวเดิมของจี้หลิงอู้”
“สมกับที่เป็นลูกหลานของท่านหลิงกุยจริงๆ ถ้อยคำเช่นนี้ช่างน่านับถือ” ดวงตาของกู้ฉือเต็มไปด้วยแววชื่นชม ได้ยินมาโดยตลอดว่าจี้หลิงอู้กุมบังเหียนชั่วคราวที่จัวลู่ เข้มงวดกวดขันเรื่องกฎระเบียบต่างๆ เป็นผู้กล้ายากที่จะหาใครเทียม น่าเสียดายที่วันนี้เขามัวแต่ไปหาอาฉือจึงไม่มีโอกาสได้พบหน้าอีกฝ่าย
“จัวลู่มีชื่อเสียงเรื่องการสร้างเซียน” ซ่งจือหนานเข้าใจความคิดของเขาเป็นอย่างดี ยิ้มเล็กน้อย “รอให้ปราบปีศาจตนนี้เรียบร้อยเสียก่อน เราสามคนค่อยไปเยี่ยมที่จัวลู่ จะว่าไปในตอนที่ฝูอี้ยังไม่เกิด จงหลีเองก็เคยมีไมตรีกับฮูหยินหมิงหาน ทว่าตอนนี้อย่าไปพูดถึงมันเลย”
“ฉางซือเคยได้ยินมาว่าพี่หญิงมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับฮูหยินหมิงหาน พอพี่หญิงมีอาฉือ หลังจากนั้นแปดเดือนฮูหยินหมิงหานก็ตั้งครรภ์ แล้วก็มีการทำสัญญาหมั้นหมาย อาฉือคลอดออกมาก่อน แม้ว่าทั้งสองต่างหวังให้ฮูหยินหมินหานคลอดบุตรสาว แต่สุดท้ายก็คลอดออกมาเป็นคุณชายสามของตระกูลจี้…
“ฉางซือยังได้ยินมาอีกว่าฮูหยินหมิงหานชมชอบอาฉือมาก แม้พี่หญิงตายไปแล้ว ฮูหยินก็ยังอยากให้คุณชายสามกับอาฉือสาบานเป็นพี่น้อง หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นโมฆะไปเพราะเหตุใด”
“อือ เรื่องมันยาว จี้อวิ๋นฉงได้รับคำชมจากเซียนเป่ยอู่หลิงแห่งจัวลู่ตั้งแต่อายุได้สิบปี เขาฝึกจิตทั้งห้าตามลำพังเป็นเวลานานถึงเจ็ดปี ได้รับพลังจากแสงอาทิตย์ แสงจันทร์ จิตวิญญาณแห่งขุนเขาและแม่น้ำ จนสามารถฝึกตนได้อย่างน่าอัศจรรย์ เซียนอู่หลิงผู้นี้ในชีวิตมีลูกศิษย์เพียงสี่คน ทว่าเขากลับมอบจี้หยกเย็นชิ้นหนึ่งเพื่อเป็นเกราะป้องกันร่างกายให้แก่จี้อวิ๋นฉงเพียงผู้เดียว แสดงให้เห็นถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของเขา…
“ตอนที่อาฉือกำเนิด ข้ารู้ทันทีว่าเขาไม่มีหยวนตัน1 บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับสุขภาพของอาหลี หลังจากที่อาหลีตายสุขภาพของฮูหยินหมิงหานก็แย่ลงทุกขณะ นางเอาแต่เพ้อถึงเรื่องการสาบานตนเป็นพี่น้องร่วมสาบาน ทว่าร่างกายของอาฉือในตอนนั้นอ่อนแอมาก ข้าจึงผัดผ่อนมาเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นจี้อวิ๋นฉงยังมีคุณสมบัติเพียบพร้อมตั้งแต่กำเนิด ข้ากลัว…พูดแล้วก็ละอายใจ”
กู้ฉือก้มศีรษะลงพร้อมกับถอนหายใจ ที่จริงแล้วเขารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
“อาฉือมีอุปนิสัยร่าเริงมาตั้งแต่เกิด มองโลกในแง่ดีทุกเรื่อง แม้ไม่มีหยวนตัน แต่กลับมีพื้นฐานที่ดีของลัทธิเต๋า เขาชอบอ่านหนังสือตั้งแต่เด็ก ข้าเคยคิดว่าหากอาฉือมีหยวนตันก็คงเหมือนกับคุณชายสามแห่งตระกูลจี้อย่างแน่นอน” กู้ฉือยิ้มออกมาเล็กน้อย “จะว่าไปแล้วข้าก็ประหลาดใจเช่นกัน ได้ยินไป๋เยี่ยนเล่าว่าช่วงนี้อาฉือเพิ่งอ่าน ‘จตุวิชาเต้าเมิ่ง’ จบ และท่องได้อย่างคล่องแคล่ว แถมฝึกกระบวนท่าต่างๆ ได้อย่างช่ำชองอีกด้วย”
“เพียงแต่วันนี้เขาอารมณ์ไม่ดี”
“เขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร อย่าใส่ใจเลย”
กู้ฉือหรี่ตาลงเล็กน้อย ความเสียใจฉายอยู่ในดวงตาของเขา ทว่าสุดท้ายเขาก็ส่ายหน้า กระชับกระบี่ในกำมือแล้วถอยกลับไป
ตลอดค่ำคืนไร้ความฝัน
เจียงอินในคืนเดือนหงายเต็มไปด้วยดอกไม้ นำดอกท้อมาหมักเหล้าเคล้ากับความอบอุ่นของน้ำแร่ชิงซี ดื่มเข้าไปเพียงสามจอกซ่งฝูอี้ก็รู้สึกตัวเบา
“ฟ่างอวี้ ทำไมวันนี้เหล้าแรงจัง” ซ่งฝูอี้คว้าข้อมือของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างเขา “เหตุใดข้อมือของเจ้าถึงหยาบกร้านถึงเพียงนี้”
“ไอ้ลูกทรพี ลืมตาของเจ้าขึ้นมาดูซิว่าข้าคือใคร”
ซ่งฝูอี้สะท้านไปทั้งร่าง เอามือถ่างเปลือกตาขึ้น ก่อนจะเห็นใบหน้าคุ้นเคย
“ท่านพ่อ เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่!”