พี่น้องร่วมสาบาน ใต้แสงจันทร์อันเจิดจรัส - ตอนที่ 13 ขี้เถ้ามลายสิ้น
สิบสาม
ขี้เถ้ามลายสิ้น
จี้หลิงอู้รับเชือกสะกดวิญญาณมาถือไว้ จ่อกระบี่ไปที่คอของเหลียนอี้ไหวแล้วมองซ่งจือหนานที่สิ้นลมอยู่บนพื้นดิน
อสูรส่วนใหญ่ถูกจี้ชิงสังหารไปแล้ว บนร่างกายของจี้ชิงเต็มไปด้วยเลือด ไม่รู้ว่าเป็นเลือดของตนเองหรือของพวกอสูร ชุดจันทร์ส่องนทีมีรอยขาดเป็นรูหลายที่ แม้เสื้อผ้ารุ่งริ่ง ทว่าสีหน้าของเขาก็ไม่เปลี่ยนไปมากนัก เขายังคงขมวดคิ้ว ยืนอยู่ด้านหลังซ่งฉือด้วยความเป็นห่วง
แม้กระทั่งบริวารของเหลียนอี้ไหวก็ไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม ได้แต่ล้อมรอบพวกเขาไว้เพื่อรอโอกาส
เปลวไฟของถ้ำปีศาจกำลังลุกโชน กระแสความร้อนพวยพุ่งออกมาจากใต้พิภพ
ซ่งฉือปาดน้ำตาแล้วแหงนหน้าดูท้องฟ้า มีรอยคราบน้ำตาบนแก้มทั้งสองข้าง
เขาซ่อนกุญแจไว้ที่หน้าอก ปัดฝุ่นขี้เถ้าบนร่างกายแล้วลุกขึ้นยืน
“คุณชายซ่ง” จี้หลิงอู้สีหน้าเคร่งขรึม “คนผู้นี้เจ้าต้องการให้จัดการอย่างไร”
“ตัดหัวของมันแล้วเผาให้เป็นเถ้าถ่าน” ซ่งฉือก้มหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบเย็นยะเยือกอย่างหมดหนทาง
“จี้หลิงอู้ อย่างไรซะข้าก็เป็นผู้นำแห่งริมแม่น้ำว่านหลิง หากเจ้ากล้าทำเช่นนั้นกับข้า ตระกูลเหลียนของข้าจะส่งอสูรไปทำลายจัวลู่ให้ราบเป็นหน้ากอง เมื่อถึงตอนนั้นแม้พวกเจ้าจะกลายเป็นเซียนกันหมดแล้ว แต่วิญญาณก็ไม่ต่างกับต้องอยู่ใต้เท้าของอสูรพวกนั้น”
จี้หลิงอู้แสยะยิ้มแล้วกดกระบี่แทงเข้าไปในผิวเนื้อของเหลียนอี้ไหว “เจ้าคิดว่าหากวันนี้ข้ากล้าฆ่าเจ้าแล้ว ข้าจะไม่กล้าต่อกรกับอสูรพวกนี้อีกหรือ”
จี้หลิงอู้โยนเชือกสะกดวิญญาณให้จี้ชิงก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ค่อยกลับไปคิดบัญชีกับเจ้า”
หลังจากคุมตัวเหลียนอี้ไหวได้แล้วจึงกล่าวกับบริวารของอีกฝ่ายว่า “กลับตัวกลับใจตอนนี้ยังไม่สาย ถ้าพวกเจ้ายังดึงดันต่อไปก็จะเป็นเช่นเดียวกันกับเจ้าคนทรยศผู้นี้”
เพียงกระบี่พาดผ่าน หัวก็หลุดจากบ่า
จี้ชิงก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว แต่เลือดก็ยังกระเซ็นมาโดนชายเสื้อของเขา เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ซ่งฉือก็เดินเตร่ไปด้านหน้าแล้วย่อตัวลงนั่งมองสีหน้าคาดไม่ถึงของเหลียนอี้ไหวก่อนจะยื่นมือออกไป
จี้ชิงขมวดคิ้ว “ซ่งฉือ…”
ซ่งฉือแค่นหัวเราะ “กลัวอะไร เขาตายไปแล้ว”
เขาขยุ้มเส้นผมแล้วยกศีรษะยกขึ้นจ้องมองดูสักพัก ก่อนจะอมยิ้ม “ข้าเป็นสวะ เจ้าพูดถูกแล้วละ”
“คุณชายซ่ง” จี้หลิงอู้ขมวดคิ้วแล้วหันไปสบตากับจี้ชิง เห็นแววฉงนและความกังวล
“ข้า…ซ่งฝูอี้ แม้เป็นสวะ แต่ก็ไม่เคยทำร้ายใครแม้แต่คนเดียว วันนี้เจ้าแห่งริมแม่น้ำว่านหลิงทำลายหอไห่ถังเจียงอินของข้า ทุกคนในที่นี้บอกเหตุผลหน่อยว่าเพราะอะไรข้าถึงต้องไว้ชีวิตพวกเจ้า”
“คุณชายซ่ง” จี้หลิงอู้ขมวดคิ้ว “ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการผนึกมาร หากตระกูลเหลียนแห่งริมแม่น้ำว่านหลิงมีความเคลื่อนไหวผิดปกติขึ้นอีก เราค่อยจัดการก็ยังไม่สาย”
“ท่านล้อเล่นกับข้ารึ” ซ่งฉือหันขวับไปมอง “พวกมันฆ่าลูกศิษย์หอไห่ถังไปมากมายถึงเพียงนี้ ข้าต้องปล่อยพวกมันไปอย่างนั้นหรือ ข้าควรยิ้มและขอบคุณพวกมันอย่างนั้นหรือ ท่านพ่อของข้า ท่านของพี่ข้า และศิษย์คนอื่นๆ…คนตั้งมากมายต้องตายอย่างไร้ค่าเช่นนี้หรือ”
“ซ่งฉือ” จี้ชิงยกมือขึ้น คิดอยากจะเข้าไปปลอบอีกฝ่าย ทว่าซ่งฉือกลับปัดมือของเขาที่กำลังยื่นไปหา
“วันนี้ข้าต้องขอบคุณคุณชายแห่งจัวลู่ทั้งสองที่ยื่นมือช่วยเหลือ แต่ตราบใดที่ข้าผู้นี้ยังมีลมหายใจอยู่ ก็จะขอเป็นศัตรูกับพวกริมแม่น้ำว่านหลิงตลอดไป”
จี้หลิงอู้จำใจเก็บกระบี่เข้าฝัก “บิดาเจ้ามีคุณธรรมเป็นที่ยอมรับของยุทธจักร แม้พวกนี้มีความผิดสมควรถูกลงโทษ แต่โทษก็ไม่เท่ากับเหลียนอี้ไหวหรอก”
จี้ชิงยื่นมือออกไป บนมือของเขามีแผลเปื้อนเลือดเป็นรอยยาว เลือดกำลังไหลออกมา เขามองซ่งฉือที่กำมือแน่น
ทันใดนั้นกู้ฉือก็ได้สติ ความเจ็บปวดจากบาดแผลบนใบหน้าและการบาดเจ็บภายในเริ่มปะทุขึ้น
“ศิษย์พี่”
ซ่งฉือโยนหัวเหลียนอี้ไหวทิ้ง จี้หลิงอู้นำกระบี่ออกมาแล้วเขี่ยศีรษะของเหลียนอี้ไหวไปไว้ข้างร่างไร้ชีวิต บรรดาผู้บุกรุกจากว่านหลิงเห็นอสูรถูกสังหารจนสิ้น อีกทั้งผู้นำก็ถูกตัดศีรษะไปแล้วจึงจำต้องถอยร่นไป หากเลี่ยงไม่ได้จะต้องไปหากำลังเสริมมาช่วย ทว่าการหากำลังเสริมนั้นต้องใช้เวลา อีกทั้งแม่น้ำว่านหลิงก็อยู่ห่างไกลจากที่นี่
“ศิษย์พี่” ซ่งฉือประคองกู้ฉือขึ้นมา น้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลไปก็ไหลออกมาอีก
กู้ฉือหายใจหอบรุนแรง ยื่นมือออกไปรวบผมที่กระเซอะกระเซิงของซ่งฉือไปไว้ที่หลังหู
“อาฉือ” กู้ฉือกระอักเลือด เลือดสดๆ ไหลทะลักออกจากมุมปาก “อาฉือ ข้าขอโทษ ข้า…”
“คุณชายกู้ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าจะช่วยเจ้าเอง” จี้หลิงอู้ขมวดคิ้ว นั่งยองๆ ลงไปจับชีพจรของอีกฝ่าย
กู้ฉือยิ้มและส่ายหน้า “ไม่จำเป็นหรอก พวกมันวางยาพิษเอาไว้แล้ว ศิษย์ในหอไห่ถังไม่มีใครรอดชีวิตสักคน”
“ศิษย์พี่ มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร เหตุใด…เหตุใดข้ากลับมาก็กลายเป็นลูกกำพร้าไปเสียได้ เกิดอะไรขึ้นกับศิษย์พี่และท่านพ่อ”
“อาฉือ อย่าร้องไห้ เจ้าโตแล้ว” กู้ฉือเช็ดน้ำตาของซ่งฉือแล้วดึงแผ่นพับออกมาจากอกเสื้อ “นี่เป็นแบบว่าวที่ข้าวาดเสร็จแล้ว เจ้าช่วยเอาให้อาจิ่งแทนข้าที”
“ศิษย์พี่ ข้าไม่ต้องการ” ซ่งฉือยัดมันกลับเข้าไปในอกเสื้อของอีกฝ่าย “ถ้าท่านจะให้ก็เอาไปให้ด้วยตนเอง ท่านอยากพูดอะไรท่านก็ไปพูดด้วยตนเอง”
“ข้าไม่รอดหรอกอาฉือ” ทันใดนั้นกู้ฉือก็น้ำตารื้น เขาเรียกเสียงเบา “คุณชายจี้”
จี้หลิงอู้รวบชายเสื้อขึ้นแล้วคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น ขมวดคิ้วมองเขา มีหมอกจางๆ ปรากฏอยู่ในดวงตาดอกท้อคู่นั้น
“คุณชายจี้ อาฉือถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก แต่เขาก็เป็นคนจิตใจดี ชอบอ่านหนังสือ แม้ตอนอยู่นอกบ้านเขาจะเที่ยวเล่นเหลวไหลไปบ้าง แต่นั่นไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ของเขา วันที่ซ่งฉือโตเป็นผู้ใหญ่ ท่านประมุขได้มอบหมายงานต่างๆ ให้ข้าไว้หากท่านจากไป แต่วันนี้ข้ากำลังจะตาย คงต้องขอรบกวนคุณชายจี้แล้ว”
“สหายกู้ ท่านพูดมาเลย หากมีอะไรที่ข้าผู้นี้ทำได้ ข้าจะทำให้ท่านอย่างแน่นอน” จี้หลิงอู้สกัดจุดบนร่างกายของกู้ฉือสองสามแห่งเพื่อห้ามเลือดชั่วคราว
“ท่านประมุขบอกว่าเมื่ออาฉือเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ควรมีเหย้ามีเรือน ไม่แสวงหาลาภยศแต่แสวงหาชีวิตที่มั่นคง ส่วนเรื่องที่จะมีกำลังภายในหรือไม่มีให้ตัดออกไป ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขสมปรารถนา… ฮูหยินจงหลี กระบี่ของพี่หญิงมีชื่อว่า…แค็กๆ ซุ่ยหาน…เก็บไว้ให้ซ่งฉือ”
“ศิษย์พี่ อย่าพูดได้หรือไม่ ข้าขอร้องละ” ซ่งฉือสะอึกสะอื้น พยายามปิดบาดแผลของอีกฝ่าย
“อาฉือ ท่านประมุขรักเจ้ามากนะ ทุกครั้งที่เขาตีเจ้าแล้วเจ้าเดินจากไปด้วยความโกรธ เขามักไปนั่งอยู่คนเดียวที่เรือนกว่างหลิงจนดึกดื่น มี…มีอยู่ครั้งหนึ่ง…ข้าเห็นเขากำลังนั่งร้องไห้อยู่ที่เรือนกว่างหลิง…คะ…โคมลอยที่เจ้าปล่อยทุกปี ท่านประมุขเป็นผู้เขียนให้เจ้า วันพิธีสวมกวาน เจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่…”
ซ่งฉือนึกขึ้นได้ว่าบนโคมลอยวันนั้นเขียนตัวหนังสือเอาไว้ เป็นคำอวยพรที่เขาโตเป็นผู้ใหญ่…ที่แท้เป็นลายมือของท่านพ่อ
“อาฉือ อย่าปล่อยให้ความแค้นมาครอบงำเจ้าจนหน้ามืดตามัว อย่าเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ ฉางซือ ฉางซือ…”
พูดไปพูดมามือก็ตกลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
ซ่งฉือร้องเรียก แต่กลับทำได้เพียงมองศิษย์พี่ลมหายใจรวยรินและค่อยๆ สงบลงจนไร้การเคลื่อนไหวอย่างทำอะไรไม่ถูก
ศิษย์พี่เป็นแบบอย่างของผู้อ่อนน้อมถ่อมตนมาตลอดชีวิต คอยสั่งสอนคนรุ่นหลังและดูแลเป็นอย่างดี ทว่าชะตากรรมของศิษย์พี่ใหญ่แห่งหอไห่ถังต้องมาจบลงเพราะปราบปีศาจ
“ฉางซือ…”
จี้หลิงอู้หลับตาลงแล้วกัดฟัน ใช้กระบี่ค้ำไว้ที่พื้นแล้วลุกขึ้นยืน