พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 243 คุณเป็นของผมเท่านั้น
ตอนที่ 243
คุณเป็นของผมเท่านั้น
ลู่ซีจวี๋ที่ได้ยินเช่นนั้นจ้องมองมู่อวี้เฉงด้วยสีหน้าเย็นชา ดวงตาสีฟ้าดูมืดมนลง
ขณะเดียวกันมู่อวี้เฉิงก็จ้องมองลู่ซีจวี๋ด้วยดวงตามืดมนและเย็นชาเช่นกัน
ทั้งสองคนปะทะสายตากันกลางอากาศจนรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกาย
ราวกับตกอยู่ในสภาวะสงคราม เขม่าควันที่มองไม่เห็นลอยละล่องอยู่กลางอากาศ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ยืนอยู่ด้านหลังมู่อวี้เฉิงรู้สึกได้ถึงบรรยากาศของการตั้งรับ
เธอขมวดคิ้วโดยคิดว่าไม่ต้องการให้ทั้งสองคนกลายมาเป็นแบบนี้
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงก้าวไปข้างหน้าและยืนอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน
เธอหันไปมองลู่ซีจวี๋และส่งยิ้มให้เขาเบา ๆ “รุ่นพี่ กลับไปก่อนเถอะนะคะ”
ลู่ซีจวี๋หันไปมองเธอและพูดตอบเบา ๆ “เหมี่ยวเหมี่ยว เก็บเอาคำพูดฉันไปคิดให้ดี ๆ ล่ะ ไม่ต้องรีบร้อน ฉันจะรอเธออยู่ตรงนี้”
เขาพูดและเดินขึ้นรถยนต์ไป
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูรถยนต์ที่แล่นออกไปด้วยสีหน้าสับสน
“ไปเถอะ” มู่อวี้เฉิงเดินจับมือถงเหมี่ยวเหมี่ยวเข้าไปในคฤหาสน์โดยที่เธอไม่ได้ปฏิเสธอะไร
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกได้ถึงความโกรธที่เพิ่มและลดลงจากร่างกายของเขา
มู่อวี้เฉิงเดินพาเธอไปยังห้องทำงานแล้วปิดประตูลง จากนั้นจึงถามเสียงทุ้มว่า “เมื่อกี้เขาพูดว่าไงบ้าง?”
“ไม่มีอะไร” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตอบเบา ๆ
ถึงแม้ว่าลู่ซีจวี๋จะพูดแบบนั้น และถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะปฏิเสธที่จะพูดอะไรออกไป แต่ว่ามู่อวี้เฉิงก็พอจะสามารถคาดเดาได้
“เขาสารภาพรักกับคุณใช่มั้ย?” มู่อวี้เฉิงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ดวงตาสีนิลจ้องมองถงเหมี่ยวเหมี่ยวราวกับสุนัขหมาป่าที่กำลังจ้องมองเหยื่อ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นสะดุ้งตกใจเล็กน้อยในตอนแรก นึกไม่ถึงว่ามู่อวี้เฉิงจะสังเกตเห็นมันได้ชัดเจนขนาดนี้
แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้สติกลับคืนมา
เธอพยักหน้าตอบรับโดยที่ไม่ได้สนใจจะปิดบังเรื่องนี้
มู่อวี้เฉิงมีความสุขมากที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตอบคำถามอย่างซื่อสัตย์ สีหน้าดูอ่อนโยนลงมากเช่นกัน
“แล้วคุณตอบกลับไปว่ายังไง?” มู่อวี้เฉิงจ้องมองเธอด้วยสายตาวิตกกังวลที่ถ้าหากไม่สังเกตคงจะมองไม่เห็น
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเหลือบมองเขาเมื่อได้ยินคำถาม เห็นได้ชัดว่าเขาถามมันทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ
แต่เธอก็ยังคงตอบตามความเป็นจริง “ฉันจะตอบอะไรได้ล่ะ รุ่นพี่เป็นคนดี เขาสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้”
เขานับถือว่าลู่ซีจวี๋เป็นดั่งญาติพี่น้องมาโดยตลอด และรู้สึกว่าลู่ซีจวี๋จะสามารถหาผู้หญิงได้ดีกว่าเธออย่างแน่นอน
มู่อวี้เฉิงที่ได้ยินเช่นนั้นเหยียดแขนออกไปกอดคนตรงหน้า
เสียงทุ้มยังคงก้องดังอยู่ในรูหูของถงเหมี่ยวเหมี่ยว “ในสายตาผม คุณดีที่สุด”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกว่าขณะที่เขาพูดบอก มือที่จับเอวอยู่กระชับแน่นขึ้นมาก
มู่อวี้เฉิงยังคงพูดต่อ “แต่คุณเป็นของผมเท่านั้น”
คำพูดเชิงครอบงำทำให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกว่าบุคคลตรงหน้าเป็นคนเอาแต่ใจ และทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก
แต่เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้จะต้องไปทำงาน ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็เริ่มดิ้นรน ถึงอย่างนั้นมู่อวี้เฉิงกลับกอดเธอเอาไว้แน่นราวกับไม่ต้องการปล่อยเธอไป
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตีมือเขาและพูดอย่างตรงไปตรงมา “ฉันจะไปพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน”
ในที่สุดมู่อวี้เฉิงก็ผละมือออกอย่างไม่เต็มใจนักและมองดูเธอเดินจากไปด้วยสายตาลุ่มลึก
ในอีกด้านหนึ่ง ลู่ซีจวี๋กลับมายังคฤหาสน์ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
ถึงแม้ว่าเขาจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าด้วยอุปนิสัยของถงเหมี่ยวเหมี่ยว ผลลัพธ์สุดท้ายย่อมเหมือนเดิม
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความรัศมีที่มืดมน ใบหน้าดูน่าสะพรึงกลัวมาก
แม้แต่แม่บ้านกับหญิงรับใช้ก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้ลู่ซีจวี๋กำลังอารมณ์เสีย เขาดูแตกต่างจากผู้ชายที่แสนอ่อนโยนอย่างสิ้นเชิง
แม่บ้านรีบก้าวเข้าไปข้างหน้าและถามว่า “นายน้อยเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
ลู่ซีจวี๋ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่สั่งการด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เอาไวน์ทั้งหมดในห้องเก็บไวน์มาให้ฉันที่ห้องทำงาน”
ถึงแม้ว่าแม่บ้านจะไม่เข้าใจว่าเขาต้องการไวน์มากมายไปทำไม แต่ก็ยังทำตามคำสั่งอยู่ดี
ตกดึก แม่บ้านเห็นว่าไฟในห้องทำงานยังคงเปิดอยู่จึงเคาะประตูถาม
เมื่อเห็นว่าคนข้างในไม่ตอบรับจึงเปิดประตูเข้าไปและได้กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยฟุ้งมาติดจมูกในทันที
เธอเห็นว่าลู่ซีจวี๋กำลังเอนตัวลงนอนบนโต๊ะขณะถือกรอบรูปและขวดไวน์ ดูเมามายมากเต็มที
ทันใดนั้นแม่บ้านก็ตื่นตระหนก “นายน้อย นายน้อย หยุดดื่มเถอะค่ะ”
เธอพูดขณะเอื้อมมือออกไปคว้าขวดไวน์ในมือของลู่ซีจวี๋
“ฉัน… ไม่เป็นไร ลงไปเถอะ” ลู่ซีจวี๋โบกมือและดื่มไวน์ต่อ
แม่บ้านมองดูขวดไวน์เปล่าบนพื้นและนึกสงสัยในใจว่าเขาดื่มไปมากขนาดไหน
หากเธอรู้ว่าลู่ซีจวี๋จะดื่มไวน์มากขนาดนี้ เธอคงจะไม่ขอให้หญิงรับใช้ไปนำไวน์มาให้เขา
เมื่อมาถึงจุดแล้วก็ไม่สามารถหยุดเขาได้
แม่บ้านรีบเดินออกมาจากห้องทำงานทันที สั่งหญิงรับใช้ให้ไปเตรียมยาแก้เมาค้างและเดินไปเคาะประตูห้องผู้เฒ่าสตีเฟน
ผู้เฒ่าสตีเฟนหลับไปแล้วแต่กลับถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงเคาะประตูห้อง
เขาลุกออกจากเตียงและถามแม่บ้านด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “มีอะไร?”
เขารู้ดีว่าโดยปกติแม่บ้านจะไม่เคาะประตูยามวิกาลเว้นแต่จะมีเรื่อง และความรู้สึกของการถูกปลุกขึ้นมากลางดึกก็ย่อมทำให้ผู้เฒ่าสตีเฟนรู้สึกไม่สบายใจ
“นายท่าน มีเรื่องเกิดขึ้นกับนายน้อยค่ะ” แม่บ้านพูดอย่างใจร้อน
ผู้เฒ่าสตีเฟนที่ได้ยินเช่นนั้นขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ซีจวี๋ทำไม?”
“ช่วยตามฉันมาดูเถอะนะคะ” แม่บ้านบอก
ผู้เฒ่าสตีเฟนพยักหน้าและเดินตามไป
พวกเขาทั้งสองเดินมาถึงห้องทำงานของลู่ซีจวี๋ด้วยกัน และสิ่งแรกที่ผู้เฒ่าสตีเฟนเห็นคือกองขวดไวน์และภาพถ่ายในมือของลู่ซีจวี๋ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ผู้เฒ่าสตีเฟนถอนหายใจและเข้าใจได้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ตอนนี้ลู่ซีจวี๋เมามากจนผล็อยหมดสติไป ทำให้เขาหลุดพ้นจากปัญญาได้ไม่น้อย
ผู้เฒ่าสตีเฟนสั่งการด้วยเสียงทุ้ม “แม่บ้าน ไปบอกให้คนรับใช้สักสองสามคนมาพาซีจวี๋กลับไปที่ห้องนอน และอย่าลืมเอายาแก้เมาค้างให้เขาด้วยล่ะ”
“ค่ะ” แม่บ้านรีบตอบรับ
“แล้วก็ให้คนมาทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วยล่ะ” ผู้เฒ่าสตีเฟนพูดต่อ
แม่บ้านพยักหน้าตอบรับคำสั่ง
หลังจากนั้นคนรับใช้หลายคนก็พากันมาพยุงลู่ซีจวี๋กลับเข้าไปในห้องนอน
วันต่อมา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เช้านี้ลู่ซีจวี๋ไม่ได้แวะเข้ามาที่บริษัท แต่เมื่อเธอนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เธอก็ไม่ได้โทรศัพท์หาเขา
เธอทำงานอย่างเร่งรีบเพียงลำพัง และในที่สุดงานทุกอย่างก็เสร็จสิ้นลงในช่วงเช้า
ในช่วงบ่ายเธอลงไปรออยู่ที่ชั้นล่างของบริษัทเป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่เห็นผู้เฒ่าสตีเฟนสักที
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรศัพท์หาผู้เฒ่าสตีเฟน
“ฮัลโหล ท่านประธาน ตอนนี้อยู่ที่ไหนคะ?”
น้ำเสียงของผู้เฒ่าสตีเฟนยังคงฟังดูใจดีเสมอ “เหมี่ยวเหมี่ยวมีอะไรเหรอ?”
“ฉันอยากจะโทรมาถามว่าวันนี้ว่างมั้ยคะ ฉันจะไปรับคุณไปเดินเล่นค่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดขณะยิ้มแย้ม
ผู้เฒ่าสตีเฟนถอนหายใจ “วันนี้พักผ่อนเถอะ ฉันต้องอยู่ดูแลเจ้าซีจวี๋ที่ไม่ได้เรื่องคนนี้อยู่ที่บ้านน่ะ”