พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 238 ตัดสินใจแต่งงาน
ตอนที่ 238
ตัดสินใจแต่งงาน
อีกด้านหนึ่ง
คนรับใช้พาเสี่ยวเป่าเข้าในห้องครัว
แต่หลังจากเปิดประตูเข้าไปแล้วและเห็นว่าคนรับใช้คนหนึ่งกำลังขยิบตาส่งสัญญาณมาให้เขา เขาจึงรู้ได้ว่าตอนนี้มีเรื่องด่วนที่ต้องจัดการ
เขามองดูเสี่ยวเป่าด้วยความลังเล กัดฟัน ลงไปนั่งยอง ๆ และพูดกับเสี่ยวเป่าว่า “นายน้อย พอดีว่าผมมีธุระที่ต้องทำ นายน้อยรออยู่ในนี้ก่อนนะครับอย่าเพิ่งวิ่งไปไหน”
เสี่ยวเป่าพยักหน้าตอบรับ
จากนั้นคนรับใช้จึงหันไปหาคนรับใช้อีกคนที่กำลังเตรียมอาหารอยู่ โดยขอให้เขาช่วยดูแลเสี่ยวเป่าและหันหลังกลับออกไปในทันที
เสี่ยวเป่านั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องครัว มือเล็ก ๆ วางอยู่บนโต๊ะอย่างเชื่อฟัง
เขากวาดสายตามองขนมอบต่าง ๆ และครุ่นคิดว่าจะเอาขนมชนิดไหนไปแบ่งปันให้คุณปู่ทวด แด๊ดดี้กับหม่ามี้ดี
คนรับใช้ที่คอยดูแลเขาอยู่ไม่รู้จักตัวตนของเขา เพียงคิดว่าเขาเป็นเด็กที่คนรับใช้อีกคนพามาจากไหนไม่รู้
ยิ่งไปกว่านั้นคนรับใช้พูดกำชับขอให้เธอช่วยจับตาดูเขา เธอจึงเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเสี่ยวเป่าอย่างระมัดระวัง
วันนี้นายท่านสั่งการให้เตรียมอาหารเหล่านี้เป็นการส่วนตัว เพราะเดี๋ยวจะมีแขกคนสำคัญมา
เสี่ยวเป่าไม่รู้เรื่องดังกล่าว
เขาจึงตัดสินใจเลือกขนมอบที่มีรูปร่างเหมือนกับดอกท้อสีชมพูภายใต้การจ้องมองของคนรับใช้
ขนมอบมีความใสและไล่ระดับสีชมพูเล็กน้อย มีเกสรสีเหลืองอ่อนอยู่ตรงกลาง ทำให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น
เสี่ยวเป่าคิดว่ามันอร่อยตั้งแต่แรกเห็น เขาจึงตั้งใจจะเอื้อมมือออกไปหยิบมัน
แต่กลับนึกไม่ถึงว่าขนมอบที่เขาถูกใจจะถูกยกออกไปในวินาทีต่อมา
เสี่ยวเป่าดึงมือกลับโดยคิดว่าเขาไม่สามารถหยิบมันออกไปได้ เขาไม่ได้พูดอะไรออกไปและตั้งใจจะหยิบขนมอีกจาน
แต่ทันทีที่เขาเอื้อมมือออกไป ขนมอบตรงหน้ากลับถูกยกออกไปอีกครั้ง
ในตอนนั้นเขายังไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจงใจตั้งเป้าหมายมาที่เขา เสี่ยวเป่าจึงมองดูเธอและได้ยินเสียงขุ่นเคืองตามมา “จะทำอะไร?”
“อาหารพวกนี้สงวนไว้ให้แขกคนสำคัญที่จะมาในวันนี้ เจ้าเด็กบ้า คิดจะกินโดยไม่ขออนุญาตคนอื่นเลยหรือไง” คนรับใช้พูดอย่างประชดประชัน
เสี่ยวเป่าพยักหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาเห็นด้วยกับคำพูดดังกล่าวจึงพูดอธิบายว่า “คุณปู่ทวดบอกให้ผมมาเอาขนมไปครับ”
คนรับใช้หัวเราะเยาะ เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ “ปู่ทวด ถ้าอย่างนั้นฉันก็เป็นย่าทวดเหมือนกัน! ห้ามหยิบของไปจนกว่าจะได้รับอนุญาต”
เสี่ยวเป่าเสียใจมาก ทำไมถึงไม่ชอบให้เขาหยิบไปล่ะ?
“เกิดอะไรขึ้น?”
หลังจากที่เสียงหนึ่งดังขึ้น คนรับใช้ที่อยู่ถัดจากเสี่ยวเป่าก็ก้มศีรษะลงทันทีและพูดตอบรับด้วยความเคารพ “พ่อบ้าน”
พ่อบ้านพยักหน้าตอบรับ จากนั้นจึงหันไปมองเสี่ยวเป่าแล้วถามว่า “นายน้อย ขนมไม่ถูกใจเหรอครับ?”
“ไม่ใช่ แค่เอาขนมพวกนี้ออกไปตามใจชอบไม่ได้ฮะ” เสี่ยวเป่าพูดตอบอย่างตรงไปตรงมา
ถึงแม้ว่าเขาจะต้องการขนมพวกนั้น แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับบอกว่าเขาไม่สามารถหยิบมันออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตได้
แต่เขาได้รับการยินยอมจากคุณปู่ทวดแล้ว ทำไมถึงยังไม่ได้อีก?
เสี่ยวเป่าไม่เข้าใจจริง ๆ
พ่อบ้านเหลือบมองคนรับใช้ ท่านผู้เฒ่าเห็นว่านายน้อยยังไม่กลับมาสักทีจึงขอให้เขาเข้ามาดู แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้
คนรับใช้เริ่มตัวสั่นเทาเมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองมา
พ่อบ้านโน้มตัวลงไปพูดกับเสี่ยวเป่าอย่างใจดี “นายน้อยหยิบขนมพวกนี้ไปได้เลยครับ นายท่านกำลังรออยู่”
เสี่ยวเป่าพยักหน้าหลังจากได้ยินเช่นนั้นและชี้นิ้วไปยังจานขนมอบ
พ่อบ้านจึงหยิบขนมอบขึ้นมา จับมือเสี่ยวเป่าและเดินออกไป
ทันทีที่ผู้เฒ่ามู่เห็นเสี่ยวเป่าเดินเข้ามา ใบหน้าของเขาก็ยิ้มแย้มอีกครั้ง
“เสี่ยวเป่า มาหาปู่ทวดเร็ว” ผู้เฒ่ามู่ยิ้มขณะร้องเรียก
เสี่ยวเป่าถือขนมอบไว้ในมือและสอยเท้าสั้น ๆ วิ่งเข้าไปหาเขา ขณะที่พ่อบ้านเดินตามเข้าไปพร้อมกับขนมอบที่เหลือ
เสี่ยวเป่าวิ่งไปหยุดอยู่ตรงหน้าผู้เฒ่ามู่และฉีกยิ้มกว้าง “ให้คุณปู่ทวดกินฮะ”
ผู้เฒ่ามู่ลูบหัวเขาและยิ้มตอบรับ “ไอหยา เก่งมาก”
จากนั้นจึงหยิบขนมอบขึ้นมาจากมือของเสี่ยวเป่าและกัดกิน
เสี่ยวเป่าจ้องมองเขาด้วยดวงตาสดใส “ปู่ทวด อร่อยมั้ยฮะ?”
“อร่อย” ผู้เฒ่ามู่ตอบรับอย่างใจดี
“ถ้างั้นปู่ทวดกินอีกสิ” เสี่ยวเป่าหยิบขนมอบออกมาจากมือของพ่อบ้านอีกชิ้น
“ได้เลย” เสียงร้องเรียกปู่ทวดของเสี่ยวเป่าทำให้ผู้เฒ่ามู่มีความสุขมาก
เขามองดูชายตัวเล็กตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดวงตาเต็มไปด้วยความรักใคร่
ใครจะคิดว่าความปรารถนาที่อยากจะมีหลานชายในอ้อมกอดมาหลายปีจะกลายเป็นจริง?
ไม่เพียงเท่านั้น หลานชายของเขายังโตแล้วด้วย
หลังจากถึงเวลาอาหารเย็น พวกเขาก็ลุกเดินเข้าไปในห้องอาหารด้วยกัน
ภายในห้องอาหารมีโคมไฟสไตล์โมเดิร์นกำลังส่องสว่างอยู่บนชุดโต๊ะเก้าอี้แบบดั้งเดิม ให้ความรู้สึกราวกับห้องอาหารที่มีบรรยากาศย้อนยุคภายใต้การนำทางที่ทันสมัย
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว คนรับใช้ก็เข้ามาเสิร์ฟอาหาร
วันนี้ชายชราให้ความสำคัญกับการปรุงรสอาหารมาก และอาหารส่วนใหญ่ล้วนเหมาะกับเด็ก
“มาเสี่ยวเป่า กินนี่สิ” ชายชราหัวเราะฮ่าฮ่าขณะถือตะเกียบคีบปลาหิมะนึ่งใส่ลงไปในถ้วยของเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่าเงยหน้าขึ้นมายิ้ม “ขอบคุณฮะคุณปู่ทวด”
หลังจากที่ได้ยินคำว่าคุณปู่ทวด ผู้เฒ่ามู่ก็รีบคีบอาหารใส่ถ้วยของเขามากขึ้น
จากนั้นไม่นาน ถ้วยตรงหน้าของเสี่ยวเป่าก็เต็มไปด้วยอาหารนานาชนิด
เสี่ยวเป่ามองดูกองอาหารตรงหน้าด้วยความรู้สึกหดหู่ ท้องน้อย ๆ ของเขาแบกรับทั้งหมดนี้ไม่ไหวจริง ๆ
ขณะที่ผู้เฒ่ามู่กำลังก้มหน้าก้มตาคีบอาหารอยู่ เสี่ยวเป่าก็เหลือบมองมู่อวี้เฉิง
มู่อวี้เฉิงจึงรีบพูดช่วยเขาในทันที “คุณปู่ ถ้าคีบอาหารมาใส่อีกเสี่ยวเป่าจะกินไม่ไหวเอานะครับ”
ทันทีที่มู่อวี้เฉิงพูดออกมา ผู้เฒ่ามู่ก็ตระหนักได้ว่าด้านข้างของเขายังมีใครอีกสองคนที่เขาเผลอหลงลืมไป
เขาเหลือบมองถ้วยที่อยู่ตรงหน้าเสี่ยวเป่าแล้วยิ้มแย้ม “เสี่ยวเป่ากินก่อนสิ ถ้าไม่พอเดี๋ยวปู่ทวดคีบให้ใหม่”
“ขอบคุณฮะคุณปู่ทวด” เสี่ยวเป่ายิ้มตอบรับ
หลังจากที่พวกเขารับประทานอาหารเย็นกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเป่าบ่นอุบอิบว่าเขาอิ่มมาก ผู้เฒ่ามู่จึงโบกมือสั่งให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพาเขาออกไปเดินย่อยอาหาร
เมื่อเห็นว่าสองคนจากไปแล้ว ผู้เฒ่ามู่ก็มองไปที่มู่อวี้เฉิง “แกไม่ได้แวะมาที่นี่สักพักแล้ว มาเล่นหมากรุกกับปู่สักตาสิ”
มู่อวี้เฉิงพยักหน้า
พวกเขาทั้งสองจึงเดินมาที่ห้องน้ำชา มู่อวี้เฉิงคุ้นเคยกับที่นี่ดีจึงหยิบกระดานหมากรุกและตัวหมากรุกออกมาจากตู้น้ำชาแล้ววางมันไว้บนโต๊ะ
ฝ่ายหนึ่งถือชิ้นสีดำ ส่วนอีกฝ่ายถือชิ้นสีขาว และพวกเขาก็เริ่มเล่นหมากรุกกัน
เสียงหมากรุกตกลงบนกระดานจนดังก้องอยู่ในห้องน้ำชา
หลังจากที่มู่อวี้เฉิงล้มหมากรุกบางตัวได้แล้ว เขาก็รู้ว่าผู้ชนะได้ถูกตัดสินแล้วจึงพูดขึ้นว่า “คุณปู่ยอมแพ้ซะเถอะครับ”
“ไอ้เด็กเหลือขอ ไม่รู้จักปล่อยให้ปู่บ้าง” น้ำเสียงติดรำคาญของผู้เฒ่ามู่ค่อนข้างเสียงดัง
ทว่ามู่อวี้เฉิงรู้ดีว่าเขาไม่ได้โกรธ
เขาจึงยิ้มเบา ๆ “ถ้าผมหลีกทางให้คุณปู่เข้ามา คุณปู่ก็จะโกรธเอาน่ะสิครับ”
ผู้เฒ่ามู่หัวเราะ “แกนี่มัน… แก คนแก่อย่างฉันเอาชนะแกไม่ได้หรอก”
‘เคร้ง ๆ ๆ’ เสียงลูกตุ้มจากนาฬิกาโบราณในห้องโถงดังขึ้นทั้งหมดเก้าครั้ง
มู่อวี้เฉิงลุกขึ้นยืนและพูดอำลา “คุณปู่ มันดึกแล้ว ผมขอพาพวกเขากลับก่อนนะครับ”
“จะไปแล้วเหรอ?” ผู้เฒ่ามู่มองเขาด้วยสายตาที่ไม่เต็มใจอย่างเห็นได้ชัด
มู่อวี้เฉิงนึกไม่ถึงว่าชายชราจะอาลัยอาวรณ์ตอนที่เขาขอตัวกลับ ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวมีเวลาว่างแล้วผมแวะมาหาใหม่ครับ”
ผู้เฒ่ามู่ยิ้มแย้มทันทีหลังจากได้รับคำตอบ
ก่อนจะออกเดินทางกลับ ผู้เฒ่ามู่จับมือทั้งสองคนขึ้นมาและเกลี้ยกล่อมว่า “พวกเธอทั้งสองก็มีลูกด้วยกันแล้ว ถึงเวลาที่จะแต่งงานให้เป็นทางการแล้วหรือยัง?”