พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 235 อย่าแม้แต่จะคิดเชียว
ตอนที่ 235
อย่าแม้แต่จะคิดเชียว
มู่อวี้เฉิงกลับออกมาจากคฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลมู่และขับรถตรงไปยังคฤหาสน์ตี้หลาน
ตอนนั้นพ่อบ้านกลับมาแล้ว
หลังจากเขาสอบถามพ่อบ้านจึงลูกว่าสองแม่ลูกยังไม่กลับมา
เขาจึงรีบขับรถมาที่นี่ในทันที
ทันทีที่มาถึงทางเข้าชุมชน เขาก็เงยหน้ามองเห็นว่าห้องที่คุ้นเคยกำลังเปิดไฟอยู่
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองผ่านตาแมวประตูแล้วพบว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือมู่อวี้เฉิง
เธอยืนพิงบานประตู ก้มหน้าลงด้วยสีหน้าสับสน
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เธอยังไม่ต้องการเจอหน้ามู่อวี้เฉิง
‘ก๊อก ๆ ๆ’ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ดูใจร้อนขึ้นกว่าเดิมมาก
แรงเคาะประตูรุนแรงมากจนถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ยืนพิงบานประตูอยู่สัมผัสได้ถึงความสั่นไหว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจำใจเปิดประตูเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเพื่อนบ้าน
“คุณมาทำอะไรที่นี่” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
มู่อวี้เฉิงจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีเข้มราวกับน้ำหมึกแล้วพูดตอบรับว่า “ก็ต้องมาคุยกับคุณน่ะสิ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นสับสนยิ่งกว่าเดิม คุย? เขาอยากจะคุยบ้าอะไรอีก?
เธอพูดตอบอย่างใจเย็น “ฉันกับคุณเราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก”
ขณะที่เธอกำลังจะปิดประตูลง มู่อวี้เฉิงก็คว้าบานประตูเอาไว้และเบียดตัวเข้าไปข้างใน
“มู่อวี้เฉิงคุณคิดจะทำอะไร?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขมวดคิ้วและถามอย่างหมดความอดทน
“ผมอยากทำอะไร คุณเองก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ?” ดวงตาของมู่อวี้เฉิงเหมือนกับสุนัขหมาป่าที่จ้องมองเหยื่อของพวกมัน
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถอยหลังกลับด้วยความหวาดกลัว ทว่ามู่อวี้เฉิงกลับค่อย ๆ เขยิบเข้ามาใกล้จนแผ่นหลังของเธอชิดติดกับกำแพง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเห็นว่าทางตันและคนตรงหน้าไม่มีทีท่าว่าจะถอยกลับออกไป เธอจึงยกมือขึ้นมาดันอกแกร่งเอาไว้
ลมหายใจของมู่อวี้เฉิงกำลังห่อหุ้มร่างของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเอาไว้ จนเธอสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นของเขา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยายามผลักเขาออก “มู่อวี้เฉิง ออกไปให้พ้น”
ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว ไม่รู้ว่าโกรธหรือกำลังกระวนกระวายใจ
เธอพยายามผลักเขาออกอยู่หลายครั้งแต่คนตรงหน้ากลับไม่ขยับเลย
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเงยหน้ามองเขาและสบตาเข้ากับดวงตาสีเข้มคู่หนึ่ง
เจ้าของดวงตาจ้องมองมาทางเธอและคว้าข้อมือของเธอเอาไว้
เขายกมือข้างหนึ่งพยุงกำแพงและเขยิบเข้ามาใกล้ “แล้วถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะ?”
ทันใดนั้นถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็สัมผัสได้ถึงแรงกระแทกที่ตกกระทบลงมาบนคาง ศีรษะของเธอถูกยกขึ้นเล็กน้อยขณะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นบนริมฝีปาก
เธอจ้องมองชายตรงหน้าที่กำลังก้มลงมาจูบด้วยดวงตาเบิกกว้าง แต่หลังจากนั้นไม่นานดวงตาของเธอก็ตกอยู่ในความมืดมิด
ริมฝีปากของอีกฝ่ายค่อย ๆ รุกล้ำมาเรื่อย ๆ
หลังจากนั้นไม่นานม่อวี้เฉิงก็ผละตัวออกไป ออร่าบนร่างกายของเขาดูผ่อนคลายลงมาก
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตกตะลึงกับจูบที่เกิดขึ้นอย่างกกะทันหัน
เธอเงยหน้ามองมู่อวี้เฉิงและเห็นว่าเขายังคงทำสีหน้าบึ้งตึง
ถึงแม้ว่าเขาจะจูบเธอเมื่อสักครู่นี้ แต่ความโกรธเคืองในใจของมู่อวี้เฉิงกลับไม่ได้ลดลงเลย
เขาจับมือเธอแน่นแล้วถามเสียงทุ้ม “ถงเหมี่ยวเหมี่ยว คุณหนีไปโดยไม่บอกอะไรสักคำ แถมยังไม่บอกผมอีกว่าคุณท้อง ตอนนี้คุณยังไม่อยากให้ผมรู้เรื่องลูกอีก คุณไม่คิดว่าคุณเห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอ คุณเคยคำนึงถึงความรู้สึกของเสี่ยวเป่าบ้างมั้ย? คุณเคยถามเขามั้ยว่าเขาอยากมีผมในฐานะพ่อหรือเปล่า?”
คำถามมากมายทำให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดไม่ออก
เธอไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวต่าง ๆ จะกลายมาเป็นแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่รู้วิธีแก้ปัญหา ทุกครั้งที่มีปัญหาเธอจึงทำได้แค่วิ่งหนีปัญหาเท่านั้น
หลายปีที่ผ่านมา เธอคิดว่าตนเองเป็นอิสระแล้วหลังจากก้าวเท้าออกมา
แต่ในความเป็นจริงนั้นเธอคอยตำหนิมู่อวี้เฉิงอยู่ในใจเสมอ
ตอนนั้นเธอคิดว่ามู่อวี้เฉิงนอกใจเธอระหว่างการหมั้นหมายและไปมีลูกกับผู้หญิงคนอื่น
ทว่าความจริงแล้วเขาไม่ได้ทำผิดอะไรเลย เป็นเธอเองที่เชื่อคำพูดของซ่งอวี่ซีจนเรื่องราวบานปลาย
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ พวกเขาคงจะไม่ต้องแยกกันอยู่หลายปีแบบนี้ และเสี่ยวเป่าเองก็คงจะไม่ต้องถูกกระเตงไปที่เลี้ยงบริษัทเพียงเพราะไม่มีพ่อ
ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวคิดโทษตัวเอง
เธอก้มหน้าลง ดวงตาแดงก่ำและพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ฉันขอโทษ”
มู่อวี้เฉิงแทบจะทนไม่ไหวเมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้
เขาเอื้อมมือออกไปดึงเธอมากอดไว้ในอ้อมแขน “เสี่ยวเป่าไม่มีพ่อมาหลายปีแล้ว คุณจะไปกีดกันไม่ให้เขาจำผมได้ไม่ได้นะ และคุณเองก็กีดกันผมในฐานะพ่อไม่ได้เหมือนกัน”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ถูกกอดอยู่เงียบไปพักหนึ่ง
ถึงอย่างนั้นมู่อวี้เฉิงก็รู้ดีว่าทัศนคติของเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายลงแล้ว
ทั้งสองกอดกันจนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง อารมณ์ของพวกเขาก็สงบลง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตระหนักได้ว่ามู่อวี้เฉิงยังคงกอดเธออยู่จึงพยายามเขยิบตัวออกมา
มู่อวี้เฉิงปล่อยมือที่กอดเธอไว้และเอื้อมมือไปจับใบหน้าเธอแทนเพื่อให้เธอมองมาทางเขา
เสียงทุ้มดังขึ้น “เหมี่ยวเหมี่ยว คิดตามที่ผมพูดใน วันนี้ดี ๆ นะ เอาล่ะมันดึกแล้ว คุณไปนอนเถอะ ผมจะกลับก่อน”
ขณะที่มู่อวี้เฉิงกำลังจะก้าวออกไป เขาก็รู้สึกว่ามีคนคว้าชายเสื้อของเขาเอาไว้
เขาหันกลับมาแล้วเห็นว่าเป็นมือของถงเหมี่ยวเหมี่ยว
เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่เห็นว่าเขาหันกลับมาแล้วรีบปล่อยมือออกจากชายเสื้อแล้วพูดเบา ๆ ว่า “คืนนี้คุณนอนที่นี่ก็ได้ค่ะ เอาไว้พรุ่งนี้เสี่ยวเป่าตื่นขึ้นมาแล้วคุณจะได้คุยกับเขา”
มู่อวี้เฉิงพยักหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ในเมื่อถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดเช่นนั้นก็หมายความว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะกีดกั้นความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก
ส่วนเรื่องที่ว่าเสี่ยวเป่าจะยอมรับเขาหรือไม่ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะปล่อยให้เสี่ยวเป่าเป็นคนตัดสินใจเอง
คืนนั้น หลังจากที่มู่อวี้เฉิงอาบน้ำเสร็จ เขาก็เดินใส่เสื้อคลุมอาบน้ำที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวซื้อมาเผื่อหนึ่งไซส์ออกมา
เขาถือผ้าเช็ดตัวคอยเช็ดหยดน้ำบนศีรษะและส่งยิ้มให้เธอ “แล้วจะให้ผมนอนไหน?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวชี้นิ้วไปที่โซฟาในห้องนั่งเล่น
“คุณจะให้ผมนอนโซฟาเหรอ?” ดวงตาสีเข้มของมู่อวี้เฉิงฉายแววไม่พอใจ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตอบว่า “ไม่โอเคเหรอคะ? แต่ว่า เสี่ยวเป่าหลับไปแล้ว”
มู่อวี้เฉิงเหลือบมองบานประตูที่อยู่ถัดจากห้องของ เสี่ยวเป่าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ที่นี่ไม่มีห้องอื่นแล้วเหรอ”
“อย่าแม้แต่จะคิดเชียว” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
มู่อวี้เฉิงรีบเดินไปทางห้องของถงเหมี่ยวเหมี่ยว ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงรีบเข้าไปในห้องก่อนและกำลังจะปิดประตูลง
ทว่ามู่อวี้เฉิงกลับดึงบานประตูเอาไว้แน่น ไม่ให้เธอสามารถปิดบานประตูลงได้
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวค่อย ๆ สูญเสียแรงกำลังไปทีละน้อย จนมู่อวี้เฉิงเปิดประตูออกและถือวิสาสะเข้าไปในห้อง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่เห็นว่ามู่อวี้เฉิงเข้ามาในห้องและปิดประตูลงแล้วพยายามผลักมู่อวี้เฉิงออกไปแทน
“ออกไป” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
มู่อวี้เฉิงหันกลับมาจับมือเธอเอาไว้และจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ “นอนด้วยกันนี่แหละ ลูกเราก็อายุตั้งห้าขวบแล้ว ทำไมคุณยังทำเป็นเขินอยู่ได้”
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินตรงเข้าไปในห้อง ทิ้งตัวลงบนเตียงและห่มผ้าให้ตนเองเสร็จสรรพ
จากนั้นถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงตระหนักขึ้นได้ว่ามันเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงที่เธอให้เขาอยู่ต่อ เธอควรจะปล่อยให้เขากลับไปที่คฤหาสน์ตี้หลานตั้งแต่แรก
“มัวทำอะไร รีบขึ้นมาสิ” มู่อวี้เฉิงตบเตียงขณะพูดบอก