พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 234 ไม่มีอะไรต้องอธิบายอีก
ตอนที่ 234
ไม่มีอะไรต้องอธิบายอีก
เห็นได้ชัดว่ามู่อวี้เฉิงไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องราวในลักษณะนี้
ทว่าเขาก็ไม่ต้องการเห็นถงเหมี่ยวเหมี่ยวหลบหนีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนี้เช่นกัน
เขาจับมือถงเหมี่ยวเหมี่ยวเอาไว้ข้างหนึ่งแล้วพูดเสียงทุ้ม “คุณก็ควรจะคุยกับผมก่อน”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหันหน้าหนี ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับเขา และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันไม่มีอะไรจะพูดถึงเรื่องระหว่างเราทั้งนั้น”
มู่อวี้เฉิงอารมณ์เล็กน้อยเมื่อเห็นเธอพยายามหลบเลี่ยงครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาปล่อยมือเธอและกดไหล่เธอเอาไว้แทน จากนั้นจึงถามด้วยความขุ่นเคืองว่า “คุณไม่คิดจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นและเรื่องของเสี่ยวเป่าให้ผมฟังหน่อยเหรอ?”
ในเมื่อแยกทางกันไปแล้วก็คือแยกทางกัน มันคือความจริง ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่จะต้องอธิบายอีก
เธอยื่นมือออกไปสะบัดมือของมู่อวี้เฉิงออก และพูดอย่างเย็นชา “ไม่มีอะไรต้องอธิบายอีก”
จากนั้นเธอก็อุ้มเสี่ยวเป่าเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
มู่อวี้เฉิงมองดูแผ่นหลังของทั้งสองด้วยใบหน้ามืดมนอย่างมาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
ระยะห่างระหว่างพวกเขาอยู่ไม่ไกลกันนัก ลิ่นอวี๋เหยียนจึงมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
เธอหันไปพูดกับมู่หงจวิ้นด้วยความโกรธเคือง “คุณดูสิคะ ดูความคิดของเธอเป็นยังไง”
มู่หงจวิ้นมองดูสีหน้าบูดบึ้งของลูกชายแล้วหันไปพูดกับลิ่นอวี๋เหยียน “เอาน่า คุณก็พูดให้มันน้อย ๆ บ้างเถอะ”
แม้แต่มู่อวี้เฉิงยังได้ยินคำพูดของลิ่นอวี๋เหยียนเช่นกัน
เขาเดินเข้าไปหาลิ่นอวี๋เหยียน ใบหน้าของเขามืดมนมากจนเหมือนน้ำหมึก
มู่อวี้เฉิงร้องตะโกนด้วยความโกรธจัด “ใครอนุญาตให้แม่พาหลานมา”
ลิ่นอวี๋เหยียนโมโหเมื่อได้ยินเช่นนั้น “มู่อวี้เฉิง ฉันเป็นแม่แกนะ แกทำตัวแบบนี้กับแม่ได้ยังไง?”
“ก็แล้วทำไมแม่ถึงพาหลานมาที่นี่ตามอำเภอใจ” มู่อวี้เฉิงถามอีกครั้ง
“แกบอกจะพาหลานมาหาฉันไม่ใช่หรือไง? รอจนแล้วจนรอดแกก็ยังไม่พาเขามาหาฉันสักที แล้วทำไมฉันจะไปหาหลานเองไม่ได้?” ลิ่นอวี๋เหยียนโต้เถียงกลับ
มู่อวี้เฉิงโกรธมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ผมบอกแล้วไงว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ทำไมแม่ถึงใจร้อนนัก”
วันนี้เธอนำกลุ่มบอดี้การ์ดบุกไปหาเสี่ยวเป่าถึงที่
เธอไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อยว่าการใช้กำลังบีบบังคับเด็กให้ไปด้วยจะก่อให้เกิดแผลในใจของเสี่ยวเป่า และเขาจะไม่มีวันให้เสี่ยวเป่ากลับมาที่บ้านหลังนี้กับเธออีก
เขาตัดสินใจผิดพลาดไป
ลิ่นอวี๋นเหยียนที่ได้ยินเช่นนั้นรู้สึกผิดและน้อยใจ เธอเพียงแค่อยากพบหน้าหลานชายเท่านั้น
มู่หงจวิ้นรู้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นความผิดของภรรยา แต่เขาไม่สามารถทนเห็นภรรยากับลูกชายห่างเหินกันเพราะเหตุการณ์นี้ได้
เขากระแอมไอสองครั้งแล้วพูดว่า “แม่แกเขาแค่อยากเจอหน้าหลาน ไม่ได้ทำเรื่องคอขาดบาดตายสักหน่อย อีกอย่างเด็กคนนั้นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลมู่ ควรที่จะรู้จักบรรพบุรุษตัวเองเอาไว้และกลับมาอยู่ร่วมกัน”
“ผมรู้ครับ” มู่อวี้เฉิงตอบรับลวก ๆ
ตอนนี้เขากำลังอารมณ์เสียและไม่ได้ตั้งใจฟังคำอธิบายของพวกเขามากนัก เพียงแต่หันหลังกลับและเดินออกจากคฤหาสน์ตระกูลมู่ไป
…
อีกด้านหนึ่ง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลมู่ได้ไม่ไกลนักก่อนจะมาพบรถแท็กซี่
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอุ้มเสี่ยวเป่าเข้าไปในรถยนต์และบอกตำแหน่งกับคนขับ
พลางคิดกับตนเองในใจว่าโชคดีที่ย่านนี้เป็นย่านคนรวยแต่ก็ยังมีรถแท็กซี่คอยให้บริการ
ระหว่างทางกลับ เธอมองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ดวงตาของเธอเหม่อลอยราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
เสี่ยวเป่าดึงแขนเสื้อของถงเหมี่ยวเหมี่ยวและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแบบเด็ก ๆ “หม่ามี้”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยื่นมือออกไปกุมมือเล็ก ๆ จำใจส่งยิ้มให้เขาและถามว่า “มีอะไรจ๊ะ?”
“คุณลุงสุดหล่อคือแด๊ดดี้ของผมจริง ๆ เหรอฮะ?” เสี่ยวเป่าถามอย่างระมัดระวัง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว
เสี่ยวเป่าไม่ค่อยถามคำถามทำนองว่า ‘พ่อของเขาคือใคร’
วันนี้พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการพูดคุยถึงเรื่องนี้ได้ ดังนั้นการที่เขาถามคำถามนี้ขึ้นมาจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
“ใช่จ๊ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวลังเลครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
เธอไม่ได้เลือกที่จะปิดบังเสี่ยวเป่า ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ต้องการให้คนในตระกูลมู่แย่งชิงตัวเสี่ยวเป่าไป แต่เสี่ยวเป่าก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าใครเป็นพ่อของเขา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูเสี่ยวเป่า กอดเขาแน่นและถามเบา ๆ “หนูรู้ว่าเขาเป็นพ่อของหนูแล้วยังอยากจะรู้จักกับเขาอีกมั้ยจ๊ะ?”
เสี่ยวเป่าพยักหน้า “อยากฮะ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจับมือของเสี่ยวเป่าแน่นขึ้นเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงเครือว่า “จริงเหรอ?”
เธอรู้ว่าเสี่ยวเป่าชอบมู่อวี้เฉิงมากและมู่อวี้เฉิงก็รัก เสี่ยวเป่ามากเช่นกัน
ทว่าเสี่ยวเป่าเป็นทุกอย่างสำหรับเธอ เธอจะไม่ยอมให้มู่อวี้เฉิงมาพรากเขาไป
เสี่ยวเป่ายืนมือเล็ก ๆ ออกไปตบหลังมือถงเหมี่ยวเหมี่ยวและพูดปลอบใจเขา “ถ้าหม่ามี้ไม่ชอบผมไม่ยุ่งด้วยก็ได้ฮะ หม่ามี้สำคัญที่สุด”
เขาสามารถรับรู้ได้ว่าหม่ามี้อารมณ์ไม่มั่นคงมากหลังจากกลับมาจากบ้านของแด๊ดดี้ในวันนี้
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกทุกข์ใจเมื่อเห็นว่าเขามีความคิดเหมือนกับผู้ใหญ่ขนาดไหน
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มันกะทันหันไป
หลังจากที่รับรู้ว่าเขาถูกพาตัวไปยังคฤหาสน์ตระกูลมู่ เธอก็อารมณ์มากและไม่มีเวลาได้คิดเรื่องดังกล่าว
ตอนนี้ทุกคนในตระกูลมู่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเสี่ยวเป่าแล้ว
และเธอไม่รู้จริง ๆ ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกอดเสี่ยวเป่าแน่นและกระซิบว่า “ขอเวลาหม่ามี้อีกหน่อยนะ”
เธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่ามู่อวี้เฉิงเป็นพ่อของเสี่ยวเป่าได้ แต่เธอก็ไม่สามารถลิดรอนสิทธิ์ของพ่อลูกได้เช่นกัน
เธอจึงทำได้เพียงขอเวลากับเสี่ยวเป่าสักพักเพื่อให้เธอได้คิดหาวิธีการแก้ไข
เสี่ยวเป่าพยักหน้าแล้วตอบว่า “ได้ฮะ”
รถยนต์เคลื่อนตัวผ่านแสงไฟตามท้องถนนมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่พวกเขาเคยเช่าอยู่กันมาก่อน
หลังจากเกิดเรื่องขึ้นในวันนี้ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกว่าหากพวกเขาแยกกันอยู่เพื่อสงบสติอารมณ์กันสักพักมันคงจะดีกว่า ดังนั้นเธอจึงไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ตี้หลาน
แม้ว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะผ่านเรื่องทุกข์ยากมากแต่เธอก็ยังไม่มีอารมณ์กินข้าว แต่เมื่อคำนึงถึงเสี่ยวเป่าแล้ว ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็พาเขาไปรับประทานอาหารเย็นก่อน
จากนั้นทั้งสองจึงกลับมาที่คอนโดดังเดิม
ทันทีที่เปิดประตู อากาศอบอ้าวในห้องก็พุ่งมาทางพวกเขา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเปิดไฟและจำได้ว่าพวกเธอไม่ได้อยู่ที่นี่มาสักพักหนึ่งแล้ว
นอกจากนี้มู่อวี้เฉิงยังนำเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่กลับไปที่คฤหาสน์
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัว เธอเปิดหน้าต่างเพื่อเตรียมจะทำความสะอาดห้อง
จนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงต่อมา ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ทำความสะอาดห้องเสร็จและรีบไปพูดเร่งให้เสี่ยวเป่าอาบน้ำ
เสี่ยวเป่าเชื่อฟังมากรีบหยิบชุดนอนเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เข้าไปนอนในห้องอย่างเชื่อฟัง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวทำงานบ้านและเกลี้ยกล่อมเสี่ยวเป่าจนหลับไปแล้วก็มานั่งนวดไหล่ที่ปวดอยู่ในห้องนั่งเล่น
จากนั้นเธอก็เริ่มสงบสติอารมณ์และคิดพิจารณาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
เสี่ยวเป่ายินดีจะให้เวลาเธอคิดแก้ปัญหา แต่เธอกลับนึกไม่ออกเลย
‘ก๊อก ๆ ๆ’ หลังจากที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็เดินไปที่หน้าประตู
เธอพึมพำกับตนเองว่า “ดึกขนาดนี้แล้วใครยังจะแวะมาหาอีก”
‘ก๊อก ๆ ๆ’ เมื่อเห็นว่าไม่มีคนเปิดประตู เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“มาแล้วค่า” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรีบพูดขึ้น