พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 232 นี่คือหลานชายของคุณ
ตอนที่ 232
นี่คือหลานชายของคุณ
ลิ่นอวี๋เหยียนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าและกดหมายเลขโทรศัพท์ของมู่อวี้เฉิง
“มู่อวี้เฉิง รีบบอกเสี่ยวเป่าให้กลับไปที่บ้านหลังเก่ากับแม่ทีสิ” ลิ่นอวี๋เหยียนพูดเร่งเร้า
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาถามด้วยความไม่มั่นใจ “ตอนนี้แม่อยู่ไหน?”
“ก็ต้องอยู่คฤหาสน์ตี้หลานน่ะสิ” ลิ่นอวี๋เหยียนพูดออกมาเต็มปากเต็มคำ
หัวใจของมู่อวี้เฉิงจมดิ่งลงทันที เขาพูดตอบด้วยความโกรธจัด “ผมบอกแล้วไงว่าผมจะพาเขากลับไปเอง แม่จะไปหาเขาทำไมไม่ขอผมก่อน”
“ให้ฉันรอแกเหรอ? รอให้แกพากลับมาก็ไม่รู้ต้องใช้อีกนานเท่าไหร่” ลิ่นอวี๋เหยียนตอบโต้กลับ
จากนั้นเธอก็พูดว่า “รีบบอกหลานเร็ว ๆ ว่าแม่จะพาเขากลับ”
ลิ่นอวี๋เหยียนพูดขณะยื่นโทรศัพท์ให้เสี่ยวเป่า พร้อมทั้งพูดเกลี้ยกล่อมเบา ๆ “เดี๋ยวคุณย่าให้แด๊ดดี้คุยกับหนูนะ”
“แด๊ดดี้?” เสี่ยวเป่าหันไปถามจนเสียงของเขาดังลอดเข้าไปในโทรศัพท์
มู่อวี้เฉิงที่ได้ยินเสียงของเสี่ยวเป่าเปลี่ยนสายตาเป็นอ่อนโยนลงทันที เขาพูดตอบรับอย่างอบอุ่น “เสี่ยวเป่า”
เสี่ยวเป่าดวงตาเป็นประกายเมื่อได้ยินเสียงของมู่อวี้เฉิง เขาเหลือบมองลิ่นอวี๋เหยียนแล้วพูดว่า “แด๊ดดี้! ใช่แด๊ดดี้จริง ๆ ด้วย ถ้าอย่างนั้นคนนี้ก็เป็นคุณย่าจริง ๆ เหรอฮะ?”
“ใช่ เป็นแม่ของแด๊ดดี้เอง คุณย่าอยากจะพาเสี่ยวเป่ากลับไปที่บ้านของแด๊ดดี้ด้วย เสี่ยวเป่าอยากไปมั้ย?” มู่อวี้เฉิงถามเบา ๆ
“บ้านของแด๊ดดี้เหรอ? ไม่ใช่ที่นี่หรอกเหรอ?” เสี่ยวเป่ากะพริบตาด้วยความสับสน
มู่อวี้เฉิงตอบ “ที่นั่นเป็นที่ที่แด๊ดดี้เติบโตขึ้นมา เสี่ยวเป่าอยากจะไปดูมั้ย?”
“เสี่ยวเป่าอยากไป” เสี่ยวเป่าพยักหน้าตอบรับปลายสาย
มู่อวี้เฉิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นกลับไปกับคุณย่าก่อน แล้วเดี๋ยวแด๊ดดี้กับหม่ามี้จะไปรับทีหลัง”
“ครับ” เสี่ยวเป่าตอบตกลงและกดวางสาย
ลิ่นอวี๋เหยียนยื่นมองออกไปจับมือของเสี่ยวเป่า “มากับคุณย่ามา”
เสี่ยวเป่าติดตามเธอออกไปโดยไม่ได้ต่อต้านใด ๆ
ระหว่างทางกลับไปที่บ้านหลังเก่า เสี่ยวเป่ายังคง นั่งเงียบ ๆ
ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก ทำให้ลิ่นอวี๋เหยียนคอยจ้องมองเสี่ยวเป่าอย่างละเอียดรอบคอบ
รูปลักษณ์สงบเสงี่ยมแบบนี้มีเงาของมู่อวี้เฉิงในวัยเด็กอยู่บ้าง
ข้อเท็จจริงทั้งหมดบอกเธอว่านี่คือเด็กที่เกิดจากลูกชายของเธอจริง ๆ
ครู่หนึ่งความปรารถนาที่จะเข้าใกล้เขาเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ลิ่นอวี๋เหยียนกระแอมไอเบา ๆ “หนูเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ?”
เสี่ยวเป่าตอบ “หม่ามี้บอกว่าผมเกิดเดือนพฤศจิกายนฮะ ตอนนั้นข้างนอกมีหิมะตกหนักมาก ผมก็เลยได้ชื่อว่าถงเป่ยหาน เพราะว่าขี้หนาวมาก”
เกิดในฤดูหนาวเหรอ?
ลิ่นอวี๋เหยียนคิดคำนวณย้อนกลับไปยังวันที่เขาเกิด
เป็นไปได้ไหมว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะตั้งท้องก่อนที่จะหนีหายไป
ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมเธอถึงหนีไปล่ะ?
ความสงสัยเข้ามาปกคลุมหัวใจของเธอจนหนาทึบ
“หม่ามี้หนูพาไปอยู่ที่ต่างประเทศมาหลายปีเลยเหรอ? ตอนนี้เป็นยังไงกันบ้าง?” ลิ่นอวี๋เหยียนถามต่อ
หลังจากที่เสี่ยวเป่ารู้ว่าคนตรงหน้าคือแม่ของแด๊ดดี้ ทัศนคติของเขาที่มีต่อเธอก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เขาลดความระมัดระวังตัวลงจนกลายเป็นคนน่ารัก อ่อนโยนและมีเหตุผล
“ตอนแรกที่หม่ามี้พาผมไปด้วยมันยากมากเลยฮะ แต่สุดท้ายก็ดีขึ้น” เสี่ยวเป่าพูดตอบด้วยรอยยิ้ม
“คุณย่า แล้วตอนเด็ก ๆ แด๊ดดี้เป็นยังไงบ้างฮะ?” เสี่ยวเป่าถาม
เมื่อสักครู่นี้มู่อวี้เฉิงบอกว่าพวกเขากำลังเดินทางไปยังสถานที่ที่เขาเติบโตขึ้นมา เสี่ยวเป่าจึงอดไม่ได้ที่จะอยากรู้
ลิ่นอวี๋เหยียนยิ้มเมื่อได้ยินคำถามเกี่ยวกับลูกชาย “ตอนเขาเด็ก ๆ น่ะ คล้ายกับหนูเลย แต่แค่ไม่ชอบพูดมาก”
“คุณย่า ผมคล้ายกับแด๊ดดี้จริง ๆ เหรอฮะ?” เสี่ยวเป่ามองเธอแล้วถามต่อ
ลิ่นอวี๋เหยียนรู้สึกว่าดวงตาของเสี่ยวเป่าในตอนนี้นั้นเปล่งประกายกว่าดวงดาวยามค่ำคืนเสียอีก
“อืม คล้ายมาก” ลิ่นอวี๋เหยียนยิ้ม
คำว่าคุณย่าจากปากของเสี่ยวเป่ากัดกร่อนเธอทุกคำจนทำให้เธออารมณ์ดี
ความใกล้ชิดอย่างเป็นธรรมชาติแบบนี้ทำให้ ลิ่นอวี๋เหยียนมีความสุขมาก
ในไม่ช้ารถยนต์ก็แล่นมาถึงคฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลในยามพลบค่ำ
ลิ่นอวี๋เหยียนพาเสี่ยวเป่าออกจากรถและเดินเข้าไปในคฤหาสน์ ทำให้แม่บ้านประหลาดใจมากที่เห็นเธอไปพาเด็กกลับมา
แต่หลังจากมองพิจารณาเสี่ยวเป่าอยู่หลายครั้ง ความประหลาดใจของแม่บ้านกลับแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ
ด… เด็กคนนี้ดูคล้ายกับนายน้อยมากจริง ๆ
“แม่บ้าน แม่บ้าน” ลิ่นอวี๋เหยียนขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ฉันตะโกนเรียกเธอหลายครั้งแล้วนะ มัวคิดอะไรอยู่? ใจลอยไปไหนหมด?”
แม่บ้านตกใจกับเสียงร้องตะโกนของเธอ และรีบก้มหน้าลงโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ลิ่นอวี๋เหยียนสั่ง “ไปที่ห้องครัว แล้วบอกให้เด็กรับใช้เอาขนมมาเสิร์ฟที่ห้องนั่งเล่นด้วย”
หลังจากพูดจบ เธอเดินจับมือเสี่ยวเป่าเข้าไปข้างใน
“ค่ะคุณนาย” แม่บ้านรีบตอบรับเธอ
จากนั้นจึงหันหลังเดินเข้าไปในห้องครัวทันที
คนรับใช้ของตระกูลมู่รีบนำขนมชั้นเลิศมาวางลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
ขนมลากลิ้งตัว ขนมถั่วกวน… ขนมดังกล่าวขึ้นรูปสวยงามและมีหลากหลายรูปทรง
เดิมทีเสี่ยวเป่าประหลาดใจเมื่อมาเห็นสภาพแวดล้อม เขาระมัดระวังตัวเล็กน้อย แต่หลังจากรู้สึกสบายใจกับ ลิ่นอวี๋เหยียน เขาก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เสียงเรียกคุณย่า คุณย่า ทำให้ลิ่นอวี๋เหยียนมีความสุขมาก
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่นจนกระทั่งมู่หงจวิ้นกลับมา เขาอยู่ในชุดสูทสวมรองเท้าหนัง เห็นได้ชัดว่าเพิ่งเลิกงาน
เขามองดูเหตุการณ์ในห้องโถงแล้วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถามด้วยความประหลาดใจ “คุณ… คุณไปพาเด็กที่ไหนมา?”
หลังจากที่ลิ่นอวี๋เหยียนค่อย ๆ ป้อนขนมให้เสี่ยวเป่า เธอก็หยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดมือ
เสี่ยวเป่ามองดูเธอและพูดอย่างอ่อนหวาน “ขอบคุณฮะคุณย่า”
คุณย่า?
มู่หงจวิ้นที่ได้ยินเช่นนั้นตกใจยิ่งกว่าเดิม
ลิ่นอวี๋เหยียนเหลือบมองเขาและเห็นว่าเขามีสีหน้าประหลาดใจจึงบอกว่า “นี่คือหลานชายของคุณ”
จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่มู่หงจวิ้นแล้วพูดกับเสี่ยวเป่าว่า “นั่นคือพ่อของแด๊ดดี้ หนูต้องเรียกเขาว่าคุณปู่นะจ๊ะ”
เสี่ยวเป่ายิ้มและร้องตะโกนว่า “สวัสดีครับคุณปู่”
อะไรนะ?
หลานชายเขาเหรอ?
ลูกชายของเขายังไม่ได้แต่งงานด้วยซ้ำ เขาจะมีหลานชายโตขนาดนี้ได้ยังไง?
มู่หงจวิ้นแทบจะไม่เชื่อสิ่งที่เธอพูด เขาคิดว่า ลิ่นอวี๋เหยียนเพียงคลั่งไคล้อยากจะได้หลานชายเท่านั้น
น้ำเสียงของเขาสงบลงมาก แม้แต่บรรยากาศรอบตัวยังเงียบเชียบ “คุณพูดไร้สาระอะไร เด็กคนนี้มาจากไหน? รีบเอาไปส่งคืนพ่อแม่เขาซะ”
ลิ่นอวี๋เหยียนเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “นี่คือสิ่งที่ลูกชายคุณบอกฉัน และเขาก็ทดสอบความเป็นพ่อลูกแล้วด้วย ถ้าไม่เชื่อ คุณก็ดูเอาเองแล้วกัน”
เธอพูดขณะวางมือลงบนหัวไหล่ของเสี่ยวเป่าและหันไปเผชิญหน้ากับมู่หงจวิ้น
มู่หงจวิ้นมองพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วต้องตกตะลึง
เด็กคนนี้ดูคล้ายคลึงกับลูกชายของเขาครั้งเมื่อยังเป็นเด็กมาก
เขาเป็นลูกชายแท้ ๆ ของมู่อวี้เฉิงเหรอ?
“คุณบอกว่าอวี้เฉิงบอกคุณเหรอ?” น้ำเสียงของมู่หงจวิ้นเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ
ลิ่นอวี๋เหยียนพยักหน้า
มู่หงจวิ้นเดินเข้ามาคุกเข่าลง จับมือเล็ก ๆ ของเสี่ยวเป่าแล้วถามว่า “หนู อายุเท่าไหร่แล้ว?”
“คุณปู่ ปีนี้ผมห้าขวบแล้วฮะ” เสี่ยวเป่ายิ้มรับ
ห้าขวบ?
หรือว่า…
มู่หงจวิ้นถามขึ้นอีกครั้ง “เสี่ยวเป่า แม่ของหนูคือใคร?”