พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 230 ฉันจะโทษเธอได้ยังไง
ตอนที่ 230
ฉันจะโทษเธอได้ยังไง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเหลือบมองมู่อวี้เฉิงแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ก็คุณนั่นแหละเป็นคนพูดกระตุ้นเธอไม่ใช่เหรอ”
“คุณโกรธเหรอ?” มู่อวี้เฉิงเลิกคิ้วขณะพูดถาม
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวส่ายหัว ถึงแม้ว่าเธอจะพูดแบบนั้นออกไปแต่เธอก็ไม่ได้โกรธมู่อวี้เฉิงเลย
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดขณะที่รู้สึกว่าบางอย่างกำลังจะย้อนออกมาจากลำคอ ตอนนี้ท้องไส้ของเธอกำลังปั่นป่วน
มู่อวี้เฉิงลูบหลังเธอเบา ๆ แล้วถามว่า “เป็นอะไรมั้ย?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยายามอดทนต่อความรู้สึกไม่สบายท้อง “ฉันไม่เป็นไรค่ะ แต่เมื่อวานฉันถูกบังคับให้ดื่มไวน์เยอะจนท้องไส้เริ่มปั่นป่วน”
มู่อวี้เฉิงเข้าใจดีและพูดอย่างใจเย็น “เดี๋ยวผมให้คนไปต้มโจ๊กให้ ลุกขึ้นมากินจะได้สบายท้อง”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้า
“หม่ามี้” หลังจากที่เสียงเด็กดังขึ้น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็หันไปมองต้นตอของเสียง และเห็นว่าดวงตากลมโตของเสี่ยวเป่ากำลังจ้องมองมาทางเธอกับมู่อวี้เฉิงอยู่
จากนั้นถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็เข้าใจได้ว่าเมื่อคืนนี้เธอนอนกับเสี่ยวเป่า
เธอตีก้นเล็ก ๆ ของเสี่ยวเป่าเบา ๆ แล้วพูดว่า “ลุกขึ้นไปอาบน้ำกินข้าวได้แล้ว”
เสี่ยวเป่าพยักหน้า ยกผ้าห่มออกและพลิกตัวลงจากเตียงไป
ทว่าร่างเล็กที่ห้อยขาอยู่ข้างเตียงกลับทำให้ผู้ใหญ่วิตกกังวล
มู่อวี้เฉิงยื่นมือออกไปช่วยเหลือเขา จนเสี่ยวเป่าหันกลับมามองดูเขาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย “ขอบคุณฮะแด๊ดดี้”
มู่อวี้เฉิงค่อย ๆ ยิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นว่าเขาประพฤติตนดีและมีไหวพริบ
จากนั้นจึงหันไปหาถงเหมี่ยวเหมี่ยว “เดี๋ยวผมลงไปรอพวกคุณข้างล่างนะ”
“อืม” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าตอบรับ
หลังจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นพาเสี่ยวเป่าเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว
ในไม่ช้าทั้งสองคนก็แต่งตัวเสร็จ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงพาเสี่ยวเป่าเดินลงมายังห้องอาหารที่ชั้นล่าง
“คุณหญิง นายน้อย” พ่อบ้านพูดทักทายพร้อมกับโค้งคำนับ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตอบรับคำทักทายจากพ่อบ้านและเห็นว่ามู่อวี้เฉิงกำลังนั่งอยู่หัวโต๊ะอาหาร ไม่รู้ว่ามีอาหารจานไหนวางอยู่ตรงหน้าเขาบ้าง แต่เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ได้เริ่มรับประทานอาหารเลย
หลังจากถงเหมี่ยวเหมี่ยวนั่งลง มู่อวี้เฉิงก็ขยิบตาให้พ่อบ้าน
พ่อบ้านเข้าใจได้จึงรีบกดกริ่งในมือ จากนั้นคนรับใช้ก็ไปยกโจ๊กหลายชามที่ปรุงอย่างพิถีพิถันออกมา ชามโจ๊กพวกนั้นร้อนมากจนควันขาวลอยขึ้นด้านบน
ตามมาด้วยเครื่องเคียงที่ถูกจัดเตรียมอย่างประณีตอีกหลายอย่าง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตักโจ๊กในชามขึ้นมาเป่าเบา ๆ จนกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วห้องอาหาร
หลังจากโจ๊กอุ่น ๆ ไหลเข้าสู่ท้อง เธอก็รู้สึกอบอุ่นและสบายท้องมากขึ้น
เสี่ยวเป่าถือช้อนคันเล็กเอาไว้ในมือ ก้มหน้าก้มตาตักโจ๊กเข้าปาก
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวต้องกลับไปทำงานอีกครั้ง
เสี่ยวเป่ารีบตามไปส่งเธอถึงหน้าประตูอย่างเป็นห่วง
“หม่ามี้ ทีหลังอย่าดื่มเยอะอีกนะ” เสี่ยวเป่ามอง ถงเหมี่ยวเหมี่ยวและพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“จ๊ะ หม่ามี้ไม่ดื่มแล้ว” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวให้คำมั่นสัญญา
เสี่ยวเป่าพูดต่อ “อีกอย่างเหล้าไม่ดีต่อสุขภาพนะฮะหม่ามี้ เสี่ยวเป่าเป็นห่วง”
คราวเมื่อเธอกลับบ้านมาเมื่อวานนี้ เธอดูเมามากจนทำให้เสี่ยวเป่าวิตกกังวล
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นรู้สึกถึงความอบอุ่นในหัวใจ
คำพูดที่เป็นห่วงเป็นใยของเสี่ยวเป่าคอยทำให้เธอรู้สึกดีเสมอ
…
โรงพยาบาล
ตอนนี้จิ้นเป่ยเฉิงนอนอยู่บนเตียงพยาบาลโดยที่มือถูกห่อเฝือกพลาสเตอร์เอาไว้ และเขากำลังคุยกับคุณหมออยู่
“คุณจิ้น ร่างกายมีกระดูกหักหลายจุดเลยนะครับ ยังต้องพักผ่อนให้เพียงพอ” คุณหมอพูดเตือน
จิ้นเป่ยเฉิงพยักหน้า เมื่อคืนเขาตกอยู่ในอาการโคม่าและได้ยินลูกน้องบอกว่าเขาถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉิน เพิ่งเข้ามาพักที่โรงพยาบาลได้แค่คืนเดียวเท่านั้น
เมื่อเช้านี้เขาตื่นขึ้นมาและเห็นว่ามีเฝือกพลาสเตอร์ติดอยู่ที่มือ นอกจากนี้ยังมีรอยบาดแผลบนร่างกายเต็มไปหมด เขาจึงรับรู้ได้ในทันทีว่าอาการบาดเจ็บครั้งนี้สาหัสอย่างแน่นอน
หลังจากคุณหมอกลับออกไปแล้ว เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น
ทันใดนั้นบอดี้การ์ดหน้าห้องก็พูดขึ้นว่า “บอส คุณเฉียวมาเยี่ยมครับ”
ดวงตาของจิ้นเป่ยเฉิงเย็นชาขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เมื่อคืนเขากับพวกซุนจิ้งถูกลอบทำร้าย แต่ยัยเฉียวซือ กลับวิ่งหนีไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เธอเป็นคนเดียวที่วิ่งหนีความตายท่ามกลางกลุ่มคนของพวกเขา
จิ้นเป่ยเฉิงรู้สึกรังเกียจคนที่เห็นแก่ตัวยอมสละได้แม้แต่คนที่อยู่เคียงข้างเป็นอย่างมาก
แต่ในเมื่อตระกูลจิ้นต้องการแต่งงานกับตระกูลเฉียว เขาก็ต้องสร้างมิตรภาพอันดีงามกับเฉียวซือไว้
แม้เขาจะรู้ว่าผู้หญิงอย่างเธอขี้ขลาดตาขาว แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่คิดอะไร
“ให้เธอเข้ามา” จิ้นเป่ยเฉิงตะโกนตอบรับ
หลังจากได้รับอนุญาตแล้ว เฉียวซือก็เปิดประตูเข้ามาและเห็นว่าจิ้นเป่ยเฉิงกำลังนอนอยู่บนเตียงพยาบาล สภาพดูไม่ได้เลยสักนิด
ใครจะคิดว่าคนไข้ที่มีบาดแผลเต็มตัวแบบนี้จะเป็นถึงประธานแห่งจิ้นกรุ๊ป
เฉียวซือแสร้งทำเป็นตาแดงก่ำ และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คุณโอเคมั้ย เมื่อวานฉันไม่ได้ตั้งใจจะวิ่งหนีพวกคุณไปนะ”
เธอพูดขณะมองดูจิ้นเป่ยเฉิงตาปริบ ๆ ดวงตาของเธอเปียกชุ่มและดูน่าสงสารมาก
หลังจากที้เฉียวซือหลบหนีไปเมื่อวานนี้ เธอบังเอิญพบกับใครบางคนจึงขอให้เขาขับรถพาเธอไปส่งที่โรงแรม
เธอวิตกกังวลและหวาดกลัวตลอดทั้งคืนที่เดินทางกลับไป จนกระทั่งผล็อยหลับไปด้วยความงุนงงจนถึงรุ่งสาง
เธอตื่นมาเมื่อเช้านี้และได้รับโทรศัพท์จากผู้ช่วยแจ้งว่าจิ้นเป่ยเฉิงเข้าโรงพยาบาล เธอจึงรีบแวะมาเยี่ยม
จิ้นเป่ยเฉิงมองดูการแสดงของเฉียวซือแล้วแสยะยิ้มในใจ
แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าก็ยังคงยิ้มอ่อนโยน “ไม่เป็นไรหรอก เธอกลัวก็ต้องวิ่งหนีไปเป็นธรรมดา”
“แต่ฉันทิ้งคุณแล้ววิ่งหนีไปแบบนั้น คุณก็ต้องโทษแน่นอน” เฉียวซือก้มหน้าลง หรี่ตาลงเล็กน้อย ดูสำนึกผิดมาก
จิ้นเป่ยเฉิงรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เริ่มหน้าซื่อใจคดมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่เขาจะต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวมก่อน ในตอนนี้เขายังแตกหักกับเธอไม่ได้
เธอจึงพูดเกลี้ยกล่อมเบา ๆ “ฉันจะโทษเธอได้ยังไง ต่อให้เธอไม่วิ่งหนีไปฉันก็จะบอกให้เธอหนีไปอยู่ดี”
เฉียวซือถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดของจิ้นเป่ยเฉิง
พ่อของเธอพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าการหมั้นหมายกับตระกูลจิ้นนั้นสำคัญมากและไม่สามารถทำให้อะไรผิดพลาดได้
นอกจากนี้พ่อของเธอยังไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เธอแวะเข้าไปหามู่อวี้เฉิง
ทว่าข่าวเรื่องอาการบาดเจ็บของจิ้นเป่ยเฉิงได้ลุกลามไปถึงหูของเขาแล้ว และเธอเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากเขาระหว่างเดินทางมาที่นี่
เฉียวซือเปลี่ยนเรื่องและถามว่า “คุณรู้มั้ยว่าเมื่อวานนี้เป็นฝีมือใคร?”
จิ้นเป่ยเฉิงชะงักเมื่อได้ยินคำถาม
เขาพูดตอบรับเสียงต่ำ “มู่อวี้เฉิง”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นเขา?” เฉียวซือถาม
“ก็เมื่อวานเราไปบีบบังคับให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวดื่มเหล้าแล้วถูกโจมตีระหว่างทางกลับ คุณไม่รู้สึกว่ามันบังเอิญไปหน่อยเหรอ? ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาเป็นคนทำ”
ตอนนี้ดวงตาของจิ้นเป่ยเฉิงมืดมนลงมาก มืดมนราวกับน้ำหมึกสีดำที่ไม่สามารถลบล้างออกได้
เฉียวซือคิดตามคำพูดของจิ้นเป่ยเฉิงอย่างรอบคอบและพบว่ามันเป็นเรื่องจริง
เมื่อคืนนี้เธอคิดมาโดยตลอดว่ามู่อวี้เฉิงไม่กล้ายืนหยัดเพื่อถงเหมี่ยวเหมี่ยว เพราะเขาจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
แต่นึกไม่ถึงว่ามู่อวี้เฉิงจะดักรอพวกเขาอยู่
หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกอิจฉาริษยา มู่อวี้เฉิงไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยถงเหมี่ยวเหมี่ยวเพียงอย่างเดียว แต่ยังเลือกที่จะยืนหยัดเพื่อถงเหมี่ยวเหมี่ยวด้วยการลงมือทำแบบนั้น
ยิ่งเฉียวซือคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ความอิจฉาริษยาก็ยิ่งแผดเผาในใจเธอมากขึ้นเท่านั้น