พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 228 ฝีมือคุณเหรอ
ตอนที่ 228
ฝีมือคุณเหรอ?
โทรศัพท์ในมือของมู่อวี้เฉิงยังคงสั่นไหวอยู่นานกว่าเขาจะกดรับสาย
หมายเลขบนหน้าจอแสดงรายชื่อว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวอย่างชัดเจน
ทว่าด้วยเหตุผลบางประการ มู่อวี้เฉิงกลับรู้สึกว่าสายเรียกเข้าในครั้งนี้ดูแปลกประหลาดไปเล็กน้อย
ในที่สุดเขาก็วาดนิ้วกดตอบรับ
เสียงทุ้มที่มีเสน่ห์ของชายหนุ่มดังลอดมาจากปลายสาย “กำลังหาคู่หมั้นอยู่เหรอ?”
ดวงตาของมู่อวี้เฉิงมืดมนลงเมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว เขาคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก
“จิ้นเป่ยเฉิง” มู่อวี้เฉิงพูดขึ้นด้วยน้ำเย็นที่เย็นยะเยือกสุดขีด “ฝีมือคุณเหรอ?”
แม้ว่าคำพูดของเขาจะดูไม่มั่นใจนัก แต่จิ้นเป่ยเฉิงก็ยังตอบกลับมา
เขาหัวเราะเยาะและพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “หาเธอที่ห้อง306สิ”
หลังจากนั้นเสียงบี๊บจากการกดวางสายก็ดังมาจากโทรศัพท์
สีหน้าของมู่อวี้เฉิงดูเย็นชามาก รู้สึกอารมณ์เสียสุดขีด
ห้องหมายเลข306อยู่ติดกับห้องที่เขาเพิ่งแวะไป
บัดซบ เขาพลาดจนได้
โชคดีที่ตำแหน่งของเขาอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น
หลังจากนั้นไม่นานมู่อวี้เฉิงก็มาถึงห้องส่วนตัว
เขาผลักประตูเปิดอย่างแรง ร่างกายเปล่งออร่ามืดมนและเย็นชาราวกับปีศาจ
ตอนที่มู่อวี้เฉิงเปิดประตูออก ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกำลังถูกบอดี้การ์ดหลายคนบีบบังคับให้ดื่มไวน์อยู่
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถูกบีบบังคับจนเมาไม่ได้สติ
ผมเพล้ายุ่งเหยิง ดวงตาเหม่อลอย มีคราบไวน์เปรอะเปื้อนบนเสื้อผ้าเป็นวงกว้าง เลอะไปจนถึงเสื้อเชิ้ตด้านใน
เรียกได้ว่าน่าอับอายอย่างสุดขีด
เฉียวซือมองดูมู่อวี้เฉิงเดินเข้ามาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและสนุกสนาน
สิ่งที่เธอทำลงไปในวันนี้ เธอเพียงต้องการระบายอารมณ์โกรธเคืองเท่านั้น
แต่ในเมื่อตอนนี้มู่อวี้เฉิงมาอยู่ที่นี่แล้ว เธอก็อยากจะใช้โอกาสนี้ดูปฏิกิริยาของมู่อวี้เฉิงด้วย
รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฉียวซือ
เขาชอบถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ใช่เหรอ?
ถ้าเธอทำให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขายขี้หน้าแบบนี้แล้วเขายังจะชอบหล่อนอยู่อีกไหม?
การตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ มู่อวี้เฉิงจะทำอะไรได้บ้าง?
มู่อวี้เฉิงมองดูสภาพของถงเหมี่ยวเหมี่ยวด้วยสีหน้าที่มืดมนและน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
เขาเดินเข้าไปหาถงเหมี่ยวเหมี่ยวและปรายตามองบอดี้การ์ดด้วยสายตามืดมน
ดวงตาที่เย็นชาทำให้พวกเขาปล่อยมือออกด้วยความหวาดกลัว
“คุณโอเคมั้ย?” มู่อวี้เฉิงคุกเข่าลง ประคอง ถงเหมี่ยวเหมี่ยวให้ลุกขึ้น และเช็ดคราบไวน์บนใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยนด้วยความหวงแหน
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่คุ้นเคยจึงค่อย ๆ ลืมตาที่พร่ามัวขึ้นมา
“คุณมาแล้วเหรอ?” น้ำเสียงของเธอแหบแห้งจากการดื่มแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป
หลังจากพูดจบ เธอก็จมดิ่งสู่อ้อมกอดที่คุ้นเคยและผล็อยหลับไป
มู่อวี้เฉิงอุ้มถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ผล็อยหลับไปไว้ในอ้อมแขน และจ้องเขม็งไปที่จิ้นเป่ยเฉิง
น้ำเสียงของเขาดังขึ้นราวกับพายุที่พัดผ่านน้ำแข็งและหิมะ เย็นยะเยือกจนเหน็บหนาว “คุณจิ้นจะไม่อธิบายหน่อยหรือไง?”
ถึงแม้ว่ามู่อวี้เฉิงจะจ้องมองจิ้นเป่ยเฉิงเช่นนั้น แต่สีหน้าของจิ้นเป่ยเฉิงกลับไม่ได้รู้สึกผิดแม้แต่น้อย
อาจพูดได้ว่าตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นมากเสียด้วยซ้ำ
เดิมทีเขาต้องการทำให้มู่อวี้เฉิงโกรธจัดอยู่แล้วจึงได้โทรศัพท์บอกตำแหน่งที่อยู่ของถงเหมี่ยวเหมี่ยว
จิ้นเป่ยเฉิงกลางมือออกแสดงท่าทางราวกับไม่มีอะไรต้องพูดอธิบาย “ผมก็แค่ชวนคุณถงมาดื่มไวน์ด้วยกันสักสองแก้ว แต่ใครจะคิดว่าเธอจะไม่ไว้หน้ากันขนาดนี้ก็เลยต้องบังคับให้เธอดื่มน่ะสิครับ อีกอย่างเราไม่ได้ให้เธอดื่มเยอะสักหน่อย ก็แค่ไวน์แดงครึ่งขวดที่มีความเข้มข้นอยู่ในระดับเจ็ดเอง ค็อกเทลลองไอซ์แลนด์อีกสองแก้ว…”
จิ้นเป่ยเฉิงนับเครื่องดื่มที่บีบบังคับให้เธอดื่ม รวมแล้ว ถงเหมี่ยวเหมี่ยวดื่มแอลกอฮอล์ไปเกือบสิบชนิด
หลังจากคำนวณเสร็จ เขาก็แสยะยิ้ม “คุณมู่ นี่ยังไม่เยอะเลยนะครับ ยังไม่รวมถึงไวน์แดงที่ถูกเทจนเสียของอยู่บนพื้น ส่วนที่คุณถงเมามากก็เพราะว่าเธอดื่มไม่เก่งเองน่ะแหละ”
เฉียวซือที่นั่งอยู่บนโซฟาใกล้ ๆ พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ เราก็แค่อยากคุยสนุกกับคุณถง แต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะคออ่อนขนาดนี้”
มู่อวี้เฉิงจ้องมองทั้งสองคนด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะอุ้มถงเหมี่ยวเหมี่ยวออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไร
จิ้นเป่ยเฉิงรู้สึกประหลาดใจมากหลังจากร่างของเขาหายลับสายตาไป
เขานึกไม่ถึงว่ามู่อวี้เฉิงจะมีความอดทนมากขนาดนี้ ไม่แม้แต่จะตอบโต้กลับให้เขาขุ่นเคือง
เฉียวซือเหลือบมองบานประตูด้วยสายตาดูถูกและพูดเยาะเย้ยว่า “อะไรกัน มู่อวี้เฉิงไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เลยเหรอ ฉันนึกว่าเขาจะมีความสามารถมากกว่านี้ซะอีก”
มู่อวี้เฉิงผู้ที่ชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่าแต่หวาดกลัวคนที่แข็งแกร่งไม่กล้าแม้แต่จะพูดแทนคู่หมั้นที่ถูกทำให้ขายขี้หน้า เฉียวซือรู้สึกว่าเธอตาบอดมาหลายปีเหลือเกิน
หลังจากที่มู่อวี้เฉิงเดินเข้ามา เพื่อน ๆ ของจิ้นเป่ยเฉิงรู้สึกหวาดกลัวกันมาก พวกเขาหวาดกลัวรัศมีเย็นชาของอีกฝ่ายจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ แต่หลังจากเขากลับออกไป พวกเขาก็กลับมาสังสรรค์กันอีกครั้ง
พวกเขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่ามู่อวี้เฉิงจะพาคู่หมั้นกลับออกไปโดยไม่พูดอะไร
มีข่าวลือว่ามู่อวี้เฉิงหลงรักและรอคอยเธอมาห้าปีแล้ว
วันนี้ดูเหมือนว่าข่าวลือจะไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป
เพื่อนของจิ้นเป่ยเฉิงพยายามกอบกู้บรรยากาศอย่างเต็มที่ จากนั้นไม่นานเหตุการณ์ภายในห้องก็สนุกสนานขึ้นอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซือก็เริ่มเมาเล็กน้อย เธอหันไปมองจิ้นเป่ยเฉิงแล้วพร่ำบ่นว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้ฉันตาสว่างจากมู่อวี้เฉิงแล้ว เขามันก็แค่ไอ้คนขี้ขลาด ฉันเคยคิดว่าเขาสูงส่งนักหนาแต่มันไม่จริงเลย แล้วแม่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอะไรนั้นก็ไม่ได้หน้าตาดีสักหน่อย ดูไม่ค่อยมีความสามารถอะไรด้วยซ้ำ คงจะทำได้แค่ไล่อ่อยผู้ชายนั่นแหละ ไม่อย่างนั้นเธออ่อยมู่อวี้เฉิงจนอยู่หมัดได้ยังไง”
จิ้นเป่ยเฉิงจ้องมองเธอแล้วพูดเบา ๆ “ก็จริง คุณเมาแล้ว เดี๋ยวผมพาคุณไปส่งนะ”
ทันใดนั้นจิ้นเป่ยเฉิงก็กล่าวอำลากับเพื่อนฝูง พาเฉียวซือขับรถไปยังโรงแรมที่เธออยู่
ระหว่างทาง เฉียวซือรู้สึกง่วงมากจนอยากจะนอนหลับ ขณะที่จิ้นเป่ยเฉิงนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ระยะห่างบนเบาะที่นั่งระหว่างพวกเขาทั้งสองจึงค่อนข้างกว้างขวาง
จู่ ๆ รถยนต์ก็เบรกกะทันหัน ศีรษะของเฉียวซือกระแทกเข้ากับเบาะด้านหน้าอย่างแรง
“ซี๊ดดด” เฉียวซือเอามือกุมศีรษะขณะที่สูดจมูก เธอกำลังรู้สึกเมามายจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น
จิ้นเป่ยเฉิงไม่พอใจอย่างมากที่ซุนจิ้งหยุดรถกะทันหัน
ดวงตาของเขาเฉียบคม น้ำเสียงดูเย็นชาขึ้น “เกิดอะไรขึ้น?”
ซุนจิ้งตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง “บอส มีคนปิดล้อมเราครับ”
จิ้นเป่ยเฉิงที่ได้ยินเช่นนั้นมองดูบริเวณรอบข้างรถยนต์และพบว่าพวกเขาถูกปิดล้อมอย่างสมบูรณ์แบบ
ประตูรถยนต์คันสีดำเปิดออกพร้อมกัน คนข้างในค่อย ๆ ทยอยออกมา
ชายร่างกำยำในชุดดำเข้ามารุมล้อมปิดกั้นรถยนต์ของจิ้นเป่ยเฉิงทันที
พวกเขาเปิดประตูรถยนต์โดยวางแผนจะโจมตีจิ้นเป่ยเฉิง
ทว่าจิ้นเป่ยเฉิงที่มีทักษะฝีมือสามารถหลุดพ้นจากโจมตีได้ในทันที
ซุนจิ้งที่หลุดพ้นจากการโจมตีพยายามป้องกันเขาจากทางด้านหลัง
ศรัทธาเดียวของเขาคือการไม่ปล่อยให้เจ้านายได้รับบาดเจ็บ
กลุ่มชายในชุดดำโจมตีอีกครั้ง แต่หลังจากซุนจิ้งประลองฝีมือกับพวกเขาอยู่สองสามครั้ง ซุนจิ้งก็ตัดสินใจได้ว่าเขาไม่สามารถรับมือกับคนกลุ่มนี้ได้ อีกฝ่ายมีจำนวนมากเกินไป เขากับพวกบอดี้การ์ดไม่สามารถเอาชนะคนพวกนี้ได้เลย
หลังจากโจมตีคนที่เดินเข้ามาใกล้จิ้นเป่ยเฉิงได้สำเร็จ เขาก็พูดว่า “บอส ที่นี่อันตราย ขับรถพาคุณเฉียวออกไปก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมคอยหยุดพวกมันไว้เอง”