พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 227 แกคิดจะทำอะไรกันแน่
ตอนที่ 227
แกคิดจะทำอะไรกันแน่
ภายในห้องนี้แทบจะไม่มีใครปรารถนาดีต่อ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเลย
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตื่นตระหนกทันที
เธอจ้องมองจิ้นเป่ยเฉิงด้วยดวงตาเฉียบคมที่เต็มไปด้วยความป้องกันตัว “แกคิดจะทำอะไรกันแน่?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังคงไม่ลืมว่าผู้ชายคนนี้อันตรายขนาดไหน
เพียงเพราะต้องการที่ดินผืนเดียวก็สามารถลักพาตัวคนอื่นได้
เธอมองดูจิ้นเป่ยเฉิงขณะที่เหตุการณ์ถูกลักพาตัวแวบเข้ามาในหัว
แม้แต่ข้อนิ้วยังรู้สึกเจ็บปวดขึ้น
จิ้นเป่ยเฉิงไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางป้องกันตัวของเธอเลย ในเวลานี้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็เป็นเพียงนกน้อยในกรงที่ไม่สามารถหลบหนีพวกเขาไปได้
เขาก้มหน้ามองถงเหมี่ยวเหมี่ยวก่อนจะแสยะยิ้มชั่วร้าย “คงต้องถามคำถามนี้กับคู่หมั้นของฉันแทนแล้วล่ะ”
เขาพูดและหันไปมองคนที่อยู่ในอ้อมแขนด้วยท่าทางหลงใหล
เฉียวซือยืนหยัดที่จะอยู่เคียงข้างจิ้นเป่ยเฉิงด้วยการส่งยิ้มอันทรงเสน่ห์ “คุณถงมัวกังวลอะไรคะ ฉันก็แค่ชวนคุณดื่มเอง”
“ฉันไม่ได้กังวลค่ะ ฉันแค่เพิ่งนึกออกว่ามีธุระ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดด้วยสีหน้าไม่แยแส
สายตาของเธอจ้องมองไปทางประตูเงียบ ๆ และคิดว่าจะหลบหนีได้อย่างไร
“มีธุระเหรอคะ?” เฉียวซือถาม ดวงตาฉายแววไม่เชื่อ
เธอกลอกตาคู่สวยและพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ฉันคิดว่าคุณคงไม่ได้มีธุระหรอก แต่ฉันกลัวมากกว่าใช่มั้ยล่ะ?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหรี่ตาลงและไม่พูดอะไร คอยสังเกตหาวิธีการหลบหนีเงียบ ๆ
เฉียวซือแสยะยิ้มเมื่อเห็นว่าเธอกำลังรู้สึกว่าตนเองคิดผิด
“ถงเหมี่ยวเหมี่ยว ฉันคิดว่าคุณคงไม่มีอะไรไปมากกว่าหวาดกลัวและขี้อายหรอก แค่ดื่มไวน์สักแก้วยังไม่กล้าเลย”
เฉียวซือหันไปมองหน้าผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าโต๊ะไวน์แล้วสั่งว่า “เอาไวน์สองแก้วมาให้ฉันที”
เรียวนิ้วยาวชี้ไปยังเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่แรงที่สุดบนโต๊ะซึ่งจัดเรียงตามความเข้มข้นของระดับแอลกอฮอล์
เฉียวซือรับแก้วไวน์มาจากพวกเธอและยื่นมันให้ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
และพูดด้วยน้ำเสียงปลุกใจ “ได้โปรดอย่าให้ฉันต้องดูถูกคุณเลยนะคะ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ได้สนใจการยั่วยุของหล่อนเลยสักนิด เธอเหลือบมองเฉียวซือเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ฉันไม่ดื่มค่ะ แล้วก็ไม่สำคัญด้วยว่าคุณจะคิดยังไง”
เธอสังเกตเห็นว่าแก้วในมือของเฉียวซือนั้นเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นระดับสูง
เธอเคยเห็นเครื่องดื่มชนิดนี้ตามงานเลี้ยงต่าง ๆ มาหลายครั้งแล้ว ดังนั้นดวงตาของเธอจึงมืดมนลงทันทีและคิดในใจว่าเฉียวซือจะต้องมีเจตนาที่ไม่ดี
ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ พวกเขานึกไม่ถึงว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะปฏิเสธออกมาโดยตรง
ใบหน้าของเฉียวซือมืดมนลงด้วยความโกรธจัด
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวฉวยโอกาสช่วงเวลาที่พวกเขากำลังตกตะลึงผลักแขนคนที่ขว้างทางเธอออกไป และเตรียมจะก้าวออกไป
จิ้นเป่ยเฉิงแสยะยิ้มเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะหลบหนี และครั้งนี้เขาจะไม่มีทางปล่อยให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหลบหนีออกไป ง่าย ๆ
“ในเมื่อเธอไม่ไว้หน้าพวกเรา ก็อย่าหาว่าพวกเขาลงไม้ลงมือเลยนะ” คำพูดของเขาทำให้ทุกคนหายจากอาการตกตะลึง
บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ รีบคว้าตัวถงเหมี่ยวเหมี่ยวไว้ในทันที
“พวกแกคิดจะทำบ้าอะไร?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวโกรธมากจนดวงตาของเธอแทบจะลุกเป็นไฟ
เธอพยายามดิ้นรนสุดชีวิตแต่กลับไม่สามารถสลัดมือของพวกเขาออกไปได้เลย
“เดี๋ยวสักพักก็รู้เองแหละว่าจะทำอะไร” จิ้นเป่ยเฉิงพูดอย่างเย็นชา
จากนั้นจิ้นเป่ยเฉิงก็สั่งการให้บอดี้การ์ดจับ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวให้คุกเข่าลงหน้าโต๊ะไวน์
บอดี้การ์ดพยักหน้าและกดร่างถงเหมี่ยวเหมี่ยวให้คุกเข่าลง
แต่กลับนึกไม่ถึงว่าแผ่นหลังของถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะเหยียดตรงโดยไม่แสดงความเคารพต่อเจ้านายของพวกเขาเลย
พวกเขาเตะข้อพับขาของถงเหมี่ยวเหมี่ยวจนเธอสูญเสียจุดศูนย์กลางและล้มลงไปคุกเข่ากับพื้น
ทั้งสองแสยะยิ้มขณะมองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่
จิ้นเป่ยเฉิงชี้นิ้วไปทางขวดไวน์บนโต๊ะและพูดกับเฉียวซือว่า “อยากให้เธอดื่มอันไหนก็เลือกเอาเลยนะ”
ปลายนิ้วขาวเรียวเคลื่อนตัวผ่านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายสีสัน จากนั้นจึงค่อย ๆ หยิบแก้วขึ้นมา
“อันนี้น่าจะดี” เฉียวซือหยิบแก้วไวน์ที่มีระดับเข้มข้นทางแอลกอฮอล์เหมือนเดิมขึ้นมา “ในเมื่อพูดดี ๆ แล้วไม่ชอบ ฉันก็จะบังคับให้เธอกินมันซะ”
เธอพูดเสียงเบาและส่งแก้วไวน์ให้บอดี้การ์ด
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวปิดปากแน่นจนแก้วไวน์ที่บอดี้การ์ดบีบบังคับให้เธอดื่มหกเลอะพื้นเต็มไปหมด
จิ้นเป่ยเฉิงจึงสั่งการให้อีกหลายคนเข้าไปจับเธอไว้และเอาเทไวน์กรอกปากเธอ
มู่อวี้เฉิงเหลือบมองเวลาบนนาฬิกา และหยิบกุญแจรถยนต์ขับรถตรงไปยังจุนหาวคลับ
เขาขับรถมาถึงตอนสี่ทุ่มพอดีแต่กลับไม่เห็น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวออกมายืนรอหน้าคลับ
มู่อวี้เฉิงจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรหาหมายเลขที่คุ้นเคย
แต่หลังจากฟังเสียงรอสายอยู่พักใหญ่ เสียงผู้หญิงก็ดังก้องเข้ามาในรูหู “ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ”
เขากดโทรออกอีกหลายครั้งแต่ก็ยังไม่มีใครรับสาย
ดวงตาของมู่อวี้เฉิงมืดมนลงมาก ปลายสายไม่ตอบรับเขาสักทีจนเขาเริ่มสงสัยว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับถงเหมี่ยวเหมี่ยวหรือไม่
เขารีบดับเครื่องยนต์ ลงจากรถและเดินตรงไปที่คลับ
หลังจากเดินเข้ามาในห้องโถง เขาก็ตรงไปหาลูกค้าของถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่กำลังจะเดินกลับออกไปในทันที
ดวงตาของลูกค้าเป็นประกายเมื่อเห็นหน้ามู่อวี้เฉิง ถึงแม้ว่าบริษัทของพวกเขาจะมีขนาดใหญ่แต่กลับไม่ได้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมของมู่กรุ๊ป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยร่วมมือกันมาก่อน
แต่ว่าเมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งพัฒนาโครงการใหม่และบางทีอาจจะใช้โอกาสนี้ปีนป่ายไปหามู่กรุ๊ปได้
เขารีบเดินเข้าไปทักทาย “คุณมู่ สวัสดีครับ ผมหลินหยวนเป็นผู้จัดการของโซ่วคังกรุ๊ปครับ บังเอิญจังครับที่ได้เจอคุณที่นี่”
“โซ่วคังกรุ๊ป?” มู่อวี้เฉิงมองสแกนคนตรงหน้า คนคนนี้ดูคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นลูกค้าที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมาพบ
“ใช่ครับ ใช่” หลินหยวนรีบพูดประจบประแจง
มู่อวี้เฉิงไม่ได้ต้องการเสียเวลากับเขา “ถงเหมี่ยวเหมี่ยวล่ะ?”
หลินหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “คุณถงออกไปเข้าห้องน้ำแล้วยังไม่กลับเข้ามาอีกเลยครับ พอดีผมมีธุระต้องไปทำต่อเลยฝากข้อความไว้ให้เธอก่อนจะออกมา ส่วนกระเป๋าของเธอยังอยู่ในห้องครับ”
หลังจากที่มู่อวี้เฉิงสอบถามตำแหน่งที่อยู่ของห้องส่วนตัวแล้ว เขาก็หันหลังเดินไปที่ห้องน้ำชั้นบนทันทีโดยไม่สนใจไยดีเสียงร้องตะโกนด้านหลัง
เขาพาพนักงานเสิร์ฟเข้ามาด้วย โดยขอให้เธอเข้าไปช่วยตามหาอีกฝ่าย
แต่ผลลัพธ์กลับน่าผิดหวัง ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ได้อยู่ในห้องน้ำ
มู่อวี้เฉิงรีบเดินไปยังห้องส่วนตัวที่หลินหยวนบอกเล่าในทันที
แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไป ด้านในกลับว่างเปล่า มีเพียงกระเป๋าสีขาววางอยู่บนโซฟาเท่านั้น
มู่อวี้เฉิงรู้สึกถึงหัวใจที่ปั่นป่วน
เขาไม่รู้ว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวอยู่ไหน? ทำไมถึงไม่รับสายเขา? เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?
รัศมีบนร่างกายของเขาค่อย ๆ เย็นยะเยือกลง ใบหน้ามืดมนอย่างน่าสะพรึงกลัว
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงหลังจากที่มู่อวี้เฉิงเข้ามา เขายังคงค้นหาเธออยู่ในคลับด้วยความวิตกกังวล
แต่จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของมู่อวี้เฉิงก็สั่นไหว เขาหยิบมันออกมามองดูด้วยสายตามืดมน