พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 226 คุณกับจิ้นเป่ยเฉิงรู้จักกันด้วยเหรอ
ตอนที่ 226
คุณกับจิ้นเป่ยเฉิงรู้จักกันด้วยเหรอ?
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจ้องมองเฉียวซือด้วยความประหลาดใจ
แน่นอนว่าเธอนึกไม่ถึงว่าจะเจออีกฝ่ายที่นี่
ถึงอย่างนั้น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังคงพูดทักทายอย่างสุภาพ
“คุณเฉียว เจอกันอีกแล้วนะคะ” น้ำเสียงแผ่วเบาดังไปถึงรูหูของเฉียวซือ
เธอมองหน้าคนที่พูดทักทายด้วยความประหลาดใจ ทว่าใบหน้ายังคงรักษารอยยิ้มไว้อยู่
“คุณถงเองเหรอ บังเอิญจังค่ะ” น้ำเสียงอ่อนโยนของเธอแฝงไปด้วยความรำคาญ
ตอนนี้เฉียวซือกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่
จู่ ๆ จิ้นเป่ยเฉิงก็ลากเธอมาที่นี่แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เพียงเพื่อต้องการให้เธอมาพบปะกับเพื่อน ๆ ที่เลวทรามของเขา
ตอนนี้เธอดื่มไวน์เข้าไปมากแล้ว แต่กลุ่มผู้ชายพวกนั้นก็ยังคะยั้นคะยอจะให้เธอกับผู้หญิงพวกนั้นดื่มต่อ หากเธอไม่ใช่คนดื่มเก่ง ป่านนี้เธอคงจะหมดสติไปนานแล้ว
กลิ่นควันบุหรี่ในห้องส่วนตัวกับกลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวตีกันตลบอบอวลจนทำให้เฉียวซืออยากจะอาเจียนออกมา
เดิมทีเธอตั้งใจจะเดินไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ แต่พอเห็นถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็รู้สึกมีแรงฮึดสู้ขึ้นมา
ถึงอย่างนั้นอารมณ์กลับแย่ลงทุกที
เฉียวซือร้องตะโกนในใจว่าโชคร้ายชะมัด แต่สีหน้าเธอกลับไม่มีท่าทีรังเกียจอะไร
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังคงพูดทักทายอย่างสุภาพ “คุณเฉียวทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้คะ?”
เฉียวซือยกยิ้มและตอบกลับเธออย่างใจเย็น “ฉันกับเพื่อนมาฉลองกันน่ะค่ะ แล้วคุณล่ะ? มาทำอะไรที่นี่คะ?”
‘ฉลอง’ ที่เธอกับจิ้นเป่ยเฉิงกลายมาเป็นคู่หมั้นกัน เฮอะ น่าขบขันจริง ๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงตรงหน้า บางทีเธออาจจะกลายเป็นคู่หมั้นของมู่อวี้เฉิงไปแล้วก็ได้
เฉียวซือเหลือบมองถงเหมี่ยวเหมี่ยวและหรี่ตาลง
พลางคิดกับตนเองในใจว่าถึงผู้หญิงคนนี้จะดูใช้ได้แต่ก็ยังดูด้อยกว่าเธอมาก ไม่รู้ว่าทำไมมู่อวี้เฉิงถึงเลือกจะแต่งงานกับหล่อนแทนที่จะเป็นเธอ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตอบกลับเบา ๆ “ฉันมีนัดคุยงานกับลูกค้าน่ะค่ะ”
“อ๋อ มีนัดกับลูกค้านี่เอง” คำพูดของเฉียวซือแฝงไปด้วยความหมาย
ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจของเธอ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าและยิ้มตอบรับอย่างสุภาพ “ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับไปที่ห้องก่อนนะคะ ขอให้สนุกนะคะคุณเฉียว”
เธอพูดบอกขณะเอื้อมมือออกไปจับลูกบิด แต่ขณะที่กำลังจะเปิดประตูห้อง เฉียวซือกลับหยุดเธอไว้
“คุณเฉียวคะ?” น้ำเสียงของถงเหมี่ยวเหมี่ยวเต็มไปด้วยความสับสน
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเฉียวซือถึงห้ามไม่ให้เธอกลับเข้าไปในห้องส่วนตัว
“ไม่ต้องรีบร้อนนักหรอกค่ะ ที่เรามาเจอกันอีกครั้งคงเป็นเพราะโชคชะตาแน่เลย คุณว่ามั้ยคะ?” เฉียวซือถามด้วยรอยยิ้ม
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถือคติว่าจะไม่ทุบตีคนที่หยิบยื่นรอยยิ้มให้ ถึงแม้ว่าคำพูดของเฉียวซือจะฟังดูแปลกประหลาดแต่เธอก็ไม่ได้เก็บมันเอามาใส่ใจ
“ก็จริงค่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าเล็กน้อยและส่งยิ้มกลับ
เฉียวซือพูดขณะที่รอยยิ้มบนใบหน้าฉีกกว้างขึ้น “วันนี้มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นกับฉันน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าคุณทรงจะไว้หน้าด้วยกันไปดื่มด้วยกันได้มั้ยคะ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวลังเลเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เธอเป็นคนดื่มไม่เก่งและต่อให้ต้องออกไปสังสรรค์เธอก็แทบจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลย หากจำเป็นจริง ๆ เธอก็จะดื่มเพียงแค่แก้วสองแก้วเท่านั้น
ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกเชิญชวนให้ไปดื่มอย่างตรงไปตรงมา
เธอจึงปฏิเสธอย่างสุภาพ “ต้องขอโทษด้วยค่ะคุณเฉียว วันนี้คงไม่ได้ค่ะ พอดีว่าฉันยังติดลูกค้าอยู่และฉันเองก็ดื่มไม่เก่งด้วย เกรงว่าจะไปทำให้คุณหมดสนุกเปล่า ๆ”
เฉียวซือที่ได้ยินว่าเธอดื่มไม่เก่ง ในใจก็อยากจะชวนเธอไปดื่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
เธอแสร้งทำเป็นน้อยใจ “คุณถงจะไม่ไว้หน้าฉันหน่อยเลยเหรอคะ?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวงุนงงเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอจึงรีบปฏิเสธ “เอ่อ… ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ”
เธอเองก็รู้สึกหดหู่ใจเช่นกัน ทำไมถึงอารมณ์เสียขึ้นมาได้ล่ะ?
“ฉันแค่อยากแบ่งปันความสนุกกับคุณ ทำไมคุณถงถึงปฏิเสธกันแบบนี้ล่ะคะ? หรือว่ากลัวว่าฉันจะให้คุณดื่มเหล้า?” เฉียวซือถาม
“ฉันไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นค่ะ คุณเฉียวกำลังเข้าใจผิดไปใหญ่แล้วค่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรีบพูดอธิบาย
เฉียวซือที่ได้ยินเช่นนั้นถามอีกรอบ “ถ้าอย่างนั้นคุณก็เต็มใจใช่มั้ยคะ?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้ดีว่าตอนนี้มันยากที่จะปฏิเสธได้
แต่เธอคิดว่าในเมื่อมู่อวี้เฉิงยังไม่มา การตอบรับคำเชิญชวนของเฉียวซือและไปดื่มด้วยกันสักสองแก้วก็คงจะไม่น่ามีปัญหาอะไร
“ได้ค่ะ” เธอพยักหน้าเบา ๆ และตอบตกลง
เฉียวซือยิ้มกว้างขณะที่แววตาดูไม่สบอารมณ์อย่างสิ้นเชิง
เธอรู้ดีว่าตราบใดที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเข้าไปในห้องส่วนตัวของเธอ มันจะกลายเป็นเหมือนเนื้อเข้าปากเสือ
ส่วนเธอก็แค่รอดูการแสดงเท่านั้น
เฉียวซือเปิดประตูห้องส่วนตัว โดยมีถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินตามเข้ามา
ทันทีที่บานประตูถูกเปิดออก ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ได้กลิ่นยาสูบและแอลกอฮอล์อันแรงกล้าลอยเข้ามาแตะจมูก จนเธอรู้สึกแสบตา
“พี่สะใภ้กลับมาแล้ว ไปพาคนสวยมาด้วยเหรอ?” ใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟาพูดหยอกล้อ
ขณะที่อีกคนลุกขึ้นมาจากโซฟาและจ้องมอง ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอย่างพิจารณา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก้าวถอยหลังเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของเขา
ชายคนนั้นลูบคางแล้วพูดว่า “ใส่ชุดสูททางการมาแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ พี่สะใภ้ ไปหามาจากไหนครับ?”
เฉียวซือตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เพื่อนใหม่ที่ฉันเพิ่งเจอน่ะ ฉันขอให้เธอมาดื่มฉลองด้วยกันกับพวกเรา”
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ
จนกระทั่งเธอสบตากับคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างทันที
นั่นมัน… จิ้นเป่ยเฉิง
สีหน้าของถงเหมี่ยวเหมี่ยวเปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้
เธอพยายามเคลื่อนตัวหลบหนีโดยหันหลังกลับไปที่ทางออก
จิ้นเป่ยเฉิงเห็นเธอเช่นกัน เขาส่งสายตาให้เฉียวซือกับชายที่อยู่ใกล้ประตู จากนั้นทั้งสองคนก็เข้าใจได้ในทันที
พวกเขาก้าวขาเดินไปปิดกั้นประตู
เฉียวซือยังคงยิ้มแย้ม “คุณถงจะไปไหนเหรอคะ? ไหนว่าตกลงจะดื่มด้วยกันสองแก้วไง?”
“ใช่คนสวย เพิ่งมาถึงเองจะรีบไปแล้วเหรอ หัดไว้หน้าพวกเราบ้างสิ” ชายคนนั้นพูด
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูรอยยิ้มของเฉียวซือ พลางคิดในใจว่าเธอจงใจทำแบบนี้หรือเปล่า
เธอขมวดคิ้วแล้วถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ฉันกับ จิ้นเป่ยเฉิงรู้จักกันด้วยเหรอ?”
แต่ก่อนที่เฉียวซือจะปริปากตอบอะไร จิ้นเป่ยเฉิงก็เดินรุดไปข้างหน้าเธอ
เขาโอบไหล่เฉียวซือและแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “นี่คือคู่หมั้นของฉัน”
เฉียวซือตกใจกับการเคลื่อนไหวที่กะทันหัน ถึงอย่างนั้นเธอไม่สามารถทำให้ตนเองขายขี้หน้าได้
เธอเอนกายพิงไหล่ของจิ้นเป่ยเฉิงราวกับว่าสนิทสนมกันมาก
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวประหลาดใจมากเช่นกัน เมื่อเช้านี้เธอคิดว่าเฉียวซือเป็นหุ้นส่วนของมู่อวี้เฉิง
ทำไมพอตกกลางคืนแล้วเฉียวซือถึงกลายมาเป็นคู่หมั้นของจิ้นเป่ยเฉิงได้
หากเธอรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาก่อนหน้านี้ เธอคงจะไม่ตอบรับคำเชิญชวนของเฉียวซือ
จิ้นเป่ยเฉิงยังพูดไม่จบ เขาหยุดพูดครู่หนึ่งและพูดขึ้นอีกครั้ง “อ๋อ เราลืมบอกเธอไปเลยว่าตอนนั้นเฉียวซือเกือบจะได้เป็นคู่หมั้นของมู่อวี้เฉิงแล้วนะ โชคดีที่ตอนนี้ได้เจอคนที่เหมาะสมกันแล้ว”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตกใจ เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าเฉียวซือกับมู่อวี้เฉิงเคยเกี่ยวข้องกันมาก่อน
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าเธอกำลังอยู่ผิดที่ผิดทาง