พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 224 จุดประสงค์ของงานแต่ง
ตอนที่ 224
จุดประสงค์ของงานแต่ง
เฉียวซือขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าเธอจะถูกพ่อแม่ส่งไปอยู่ต่างประเทศหลังจากมู่อวี้เฉิงหมั้นหมายแล้ว แต่เธอก็ยังได้ยินเรื่องราวของเขาผ่านการบอกเล่าของคนอื่นอยู่เสมอ
เล่ากันว่าคู่หมั้นของเขาหนีงานแต่งงานไปเมื่อห้าปีก่อน
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มู่อวี้เฉิงกลายเป็นตัวตลกของใครหลายคน
ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงที่เจอเธอในห้องทำงานเขาในวันนี้คือผู้หญิงคนเดียวกันกับที่หนีงานแต่งไปเมื่อห้าปีก่อนหรือเปล่า?
เธอมีสิทธิอะไร?
เฉียวซือถามขึ้นอย่างสงสัย “คุณไม่ได้โกหกฉันใช่มั้ย”
ดวงตาของจิ้นเป่ยเฉิงฉายแววสะใจเมื่อเห็นว่าใบหน้าของเฉียวซือดูน่าเกลียดขึ้นเล็กน้อย
เขาพูดต่อ “เรื่องระหว่างมู่อวี้เฉิงกับถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ได้เป็นความลับอะไรในเมืองเป่ยทั้งนั้น พวกเขาไม่ได้ปิดซ่อนอะไร ถ้าเธออยากรู้ว่าจริงหรือเปล่าก็ลองไปสุ่มถามรอบ ๆ ดู”
เฉียวซือพยักหน้า เธอได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้ว ถึงตอนนั้นจะได้รู้กันว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ
“มู่อวี้เฉิงพาผู้หญิงคนนั้นกับลูกติดของเธอไปอยู่ที่บ้านด้วย บ้านหลังที่เป็นชื่อของเขาเองน่ะ ดูสิว่าเขาชอบเธอมากขนาดไหนถึงกับปลอบใจตัวเองให้เลี้ยงดูลูกของคนอื่นได้” จิ้นเป่ยเฉิงยังคงพูดใส่ไฟ
ตอนนี้สีหน้าของเฉียวซือดูบูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัด
จากคำพูดของจิ้นเป่ยเฉิง ผู้หญิงที่ชื่อถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่เพียงแต่จะหนีงานแต่งแต่ยังให้กำเนิดลูกกับผู้ชายคนอื่นด้วย
มู่อวี้เฉิงรักเธอมากจนยอมรับทุกข้อบกพร่องของเธอโดยไม่แม้แต่จะกังวลเลยเหรอ?
จิ้นเป่ยเฉิงพูดเติมเชื้อเพลิงต่อ “ใครก็ตามที่มองออกจะรู้ว่ามู่อวี้เฉิงใส่ใจผู้หญิงคนนั้นมากแค่ไหน เพราะฉะนั้นเธอลืมเขาไปจะดีกว่า”
คำพูดใส่ไฟของเขาทำให้หัวใจของเฉียวซือเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“มีสิทธิอะไร!” เฉียวซือพูดขึ้นอย่างเย็นชา
ทำไมเธอจะต้องลืมมู่อวี้เฉิงแทนที่จะให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสละตัวออกไปด้วย
เธอไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมมู่อวี้เฉิงถึงชอบผู้หญิงคนนั้น
ในเมื่อเธอครอบครองผู้ชายอย่างเขาไม่ได้ แล้วผู้หญิงอย่างถงเหมี่ยวเหมี่ยวมีคุณสมบัติอะไรที่จะได้เขามาครอบครอง
ขณะนี้ออร่ารอบกายของเฉียวซือเต็มเปี่ยมไปด้วยความมืดมน สีหน้าของเธอดูน่ากลัวมากเช่นกัน
จิ้นเป่ยเฉิงสามารถบอกได้ในทันทีว่าตอนนี้เธอกำลังโกรธจัด
เขาจึงรีบพูดชักชวน “เธอรู้มั้ยว่าจุดประสงค์ที่ฉันจะแต่งงานกับเธอคืออะไร?”
เฉียวซือที่ได้ยินเช่นนั้นเงยหน้ามองเขา ดวงตาเธอฉายแววสงสัย “คืออะไร?”
จิ้นเป่ยเฉิงยกยิ้มมุมปาก รูปลักษณ์ส่วนโค้งกับออร่าแฝงความอันตรายทำให้ใบหน้าของเขาดูหล่อเหล่าขึ้น
เขาโน้มตัวลงมาให้เฉียวซือ ยิ้มกริ่มพร้อมกับกระซิบว่า “ก็เพื่อจัดการกับมู่อวี้เฉิงไง”
หลังจากพูดจบ เขาก็ค่อย ๆ ยืดตัวขึ้นและเขยิบถอยตัวออกไปจากเฉียวซือ
แววตาของเฉียวซือเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นี่สินะคือสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำ
“ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันจะช่วยคุณล่ะ?” เฉียวซือถามขึ้นอย่างเย็นชา
คนคนนี้อวดดีเกินไปแล้ว
ในเมื่อจิ้นเป่ยเฉิงรู้ว่าเธอไปเจอมู่อวี้เฉิงมา เขาก็จะต้องรู้ว่าทั้งหัวใจของเธอเต็มไปด้วยมู่อวี้เฉิง แล้วเขาจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเธอจะช่วยเหลือเขา
เฉียวซือที่นั่งอยู่บนโซฟาจ้องมองรอยยิ้มของจิ้นเป่ยเฉิงแล้วรู้สึกแปลกประหลาดในหัวใจ
จิ้นเป่ยเฉิงยิ้มและพูดว่า “เธอไม่รู้อะไรเลยหรือไง? มู่อวี้เฉิงกับสตีเฟนกรุ๊ปทำงานร่วมมือกันอย่างสนิทสนม พวกเขาทั้งสองต้องทำงานด้วยกันอยู่บ่อย ๆ และมันเป็นโอกาสที่ดีที่พวกเขาจะได้เสริมสร้างความสัมพันธ์…”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็แสยะยิ้มที่เต็มไปด้วยความหมาย
เฉียวซือที่ได้ยินดังนั้นเข้าใจได้ในทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร เธอจึงรีบถามว่า “แล้วคุณคิดจะทำอะไรล่ะ”
“พวกเรามาแต่งงานกันแล้วสร้างปัญหาให้กับมู่กรุ๊ปกันดีกว่า ถึงตอนนั้นเราจะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย” จิ้นเป่ยเฉิงพูดสื่อความหมาย
หลังจากฟังคำพูดของจิ้นเป่ยเฉิงแล้ว เฉียวซือก็เข้าใจได้ในทันที
ใช่แล้ว ตราบใดที่เฉียวกรุ๊ปกับจิ้นกรุ๊ปรวมพลังกัน ความแข็งแกร่งของทั้งสองตระกูลจะนำพากันและกันไปสู่ระดับที่ทรงอิทธิพลมากขึ้น และในตอนนั้นเองมู่อวี้เฉิงก็จะถูกครอบงำเช่นกัน
ด้วยวิธีการนี้ เขาจะต้องใช้พละกำลังอย่างมากในการร่วมมือกับสตีเฟนกรุ๊ป
อีกอย่างมันเป็นเพียงแค่การหมั้นหมายกัน เธอก็สามารถติดต่อเขาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
ถ้าอย่างนั้น…
เฉียวซือหลับตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ตกลง”
…
อีกด้านหนึ่ง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเริ่มพูดคุยกับมู่อวี้เฉิงทันทีที่ เฉียวซือเดินกลับออกไปจากห้องทำงานประธานบริษัท
ทั้งสองคนนั่งหันหน้าเข้าหากัน โดยมีข้อมูลและเอกสารมากมายวางซ้อนกันอยู่ที่มุมโต๊ะกาแฟข้าง ๆ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหยิบเอกสารที่เธอนำมาส่งให้มู่อวี้เฉิงแล้วพูดว่า “นี่คือแผนการที่พวกคุณเพิ่งส่งมาให้ค่ะ ฉันคิดว่ามีบางอย่างที่ยังต้องปรับเพิ่มและแก้ไขอยู่”
มู่อวี้เฉิงหยิบเอกสารขึ้นมาดูอย่างระมัดระวัง จากนั้น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงพูดต่อ “ย่อหน้าสุดท้ายของหน้าที่หก ก่อนหน้านี้เราได้เลือกวัสดุสำหรับก่อสร้างโครงการแล้ว และตัดสินใจเอามันออกหลังจากหารือกันเสร็จ เพราะฉะนั้นฉันถึงอยากจะคุยกับคุณ…”
มู่อวี้เฉิงพยักหน้าหลังจากได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกว่าการปรับเปลี่ยนของเธอสามารถเป็นไปได้
เขากดโทรศัพท์สายในและสั่งให้ลู่หมิงไปจัดการทันที
ตอนนี้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวนั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่วงท่าที่ สง่างาม ใบหน้าของเธอไม่ได้ดูผิดแปลกอะไร
เธออยากรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เฉียวซือพูดเมื่อสักครู่นี้
จากที่ฟังคำพูดของหล่อน ทุกคำพูดดูจะเกี่ยวข้องกับ มู่กรุ๊ป
แต่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ได้คิดอะไรมากนัก และในเมื่อเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอ เธอจึงไม่ได้ถามอะไรมู่อวี้เฉิงเพิ่มเติม
ตอนนี้มู่อวี้เฉิงรู้จุดประสงค์ที่เฉียวซือแวะเข้ามาเยี่ยมเขาที่มู่กรุ๊ปแล้ว แต่เขากลับไม่ได้สนใจอะไรเธอเลย และมันยิ่งทำให้เขาสนใจประเด็นเรื่องการปรองดองระหว่างตระกูลมู่กับตระกูลเฉียวน้อยลง เขาคิดว่ามันคงจะดีกว่าหากฝากเรื่องนี้ไว้กับ จิ้นเป่ยเฉิง
สำหรับเฉียวซือ เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไร
หลังจากที่ลู่หมิงรับสาย เขาก็รีบไปแก้ไขแผนการและนำมันกลับมาให้เธอในทันที
“ท่านประธาน แก้แผนการเรียบร้อยแล้วครับ” ลู่หมิงพูดขณะยื่นแผนการให้มู่อวี้เฉิง
หลังจากที่มู่อวี้เฉิงรับเอกสารมา เขาก็โบกมือให้ลู่หมิง ออกไป
เหลือเพียงเขากับถงเหมี่ยวเหมี่ยวอยู่ในห้องกันสองคน
มู่อวี้เฉิงตรวจสอบแผนการและหันไปพูดคุยเรื่องนี้กับ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอีกครั้ง
หลังจากตรวจสอบแล้วว่าแผนการถูกต้อง ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ยิ้มกว้าง “แก้ไขเสร็จแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
เธอหันไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนโซฟาและวางแผนจะกลับออกไป
วันนี้ที่สตีเฟนกรุ๊ปยังมีเรื่องมากมายให้ต้องจัดการ หากไม่จำเป็นจะต้องหารือกับมู่อวี้เฉิง เธอคงจะไม่มาที่นี่
ในเมื่อตอนนี้เอกสารได้รับการแก้ไขแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อไปและขอตัวกลับไปในทันที
“จะกลับไปเลยเหรอ?” มู่อวี้เฉิงมองดูแผ่นหลังเธอขณะถามขึ้น
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหันกลับมามอง ดวงตาจับจ้องไปทางมู่อวี้เฉิงด้วยความสงสัย “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
เธอกำลังสับสนและไม่เข้าใจว่ามู่อวี้เฉิงหมายถึงอะไร
“ใกล้เที่ยงแล้ว มากินข้าวด้วยกันสิ” มู่อวี้เฉิงพูดตอบอย่างอบอุ่น
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยกนาฬิกาขึ้นมาดูและพบว่าใกล้เที่ยงแล้วจริง ๆ ทั้งนี้เธอไม่สามารถทำงานในส่วนของสตีเฟนให้ล่าช้าไปจากเดิมได้
“พอดีที่บริษัทมีงานด่วน ฉันขอกลับก่อนนะคะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวส่ายหัวและปฏิเสธ
มู่องี้เฉิงก้าวไปข้างหน้าขณะจ้องมองเธอ “แค่กินข้าวกลางวันยังไม่ได้เลยเหรอ?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้า “วันนี้ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ”
มู่อวี้เฉิงพูดต่อ “พอคุณงานยุ่งทีไรก็ไม่รู้จักดูแลตัวเองทุกที แต่ในเมื่อคุณอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ว่ายังไงก็ตามคุณจะต้องไปกินข้าวเที่ยงกับผม”