พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 222 คู่หมั้นของเขา
ตอนที่ 222
คู่หมั้นของเขา
“คุณเฉียว เชิญครับ” ลู่หมิงพูดขึ้นอย่างสุภาพและผายมือให้เธอเดินกลับออกไป
“เดี๋ยวก่อน ฉันมีเรื่องอย่างอื่นจะคุยอีก” เฉียวซือรีบพูดขึ้น
เธอเดินเข้าไปใกล้โต๊ะของมู่อวี้เฉิงแล้วพูดว่า “อวี้เฉิง ในเมื่อคุณเคยได้ยินเรื่องนี้แล้ว ฉันก็จะพูดเข้าประเด็น เรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว คุณรู้สึกยังไงบ้างคะที่ตระกูลเฉียวกับตระกูลจิ้นจะแต่งงานกัน”
จุดประสงค์ในการมาวันนี้ของเฉียวซือชัดเจนมาก ถึงแม้ว่าตระกูลจิ้นจะต้องการแต่งงานกับตระกูลเฉียว แต่เธอก็ยังคงปลาบปลื้มมู่อวี้เฉิงมากกว่า
ครั้งนี้เธอจึงตั้งใจจะมาพูดลงลึกกับตระกูลมู่โดยเฉพาะ
ท่าทางของมู่อวี้เฉิงเปลี่ยนไปมากเมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนั้น และเขาไม่ได้สนใจคำพูดของเธอเลย “ไม่ยังไง”
เฉียวซือแอบกัดฟันแน่นแล้วพูดต่อ “แต่ถ้าเราแต่งงานกัน ต่อจากนี้ไปตระกูลมู่กับตระกูลเฉียวก็จะคอยช่วยเหลือกัน และในอนาคตเราจะกลายเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งขึ้นนะคะ”
แต่กลับกลายเป็นว่ามู่อวี้เฉิงไม่ได้แสดงท่าทางสนใจเลย “ตระกูลมู่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบารมีลูกสะใภ้เพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นหรอกครับ และไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมกองกำลังอิทธิพลอะไรด้วย ผมเคยบอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าผมมีคู่หมั้น ถ้าคุณจะมาหารือเรื่องแต่งงานผมว่าคุณเฉียวไปหาท่านประธานจิ้นดีกว่าครับ”
สีหน้าของเฉียวซือเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เธอรู้สึกทึ่งกับคำตอบของเขามาก
เธออุตส่าห์รวบรวมความกล้าทั้งหมดแบกหน้าเข้ามาหามู่อวี้เฉิง แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดปฏิเสธเธอแบบนี้
สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในตนเองของเฉียวซือ อย่างมาก
เธอรีบถามขึ้นทันที “ฉันไม่ดีตรงไหน? ทำไมถึงไม่เคยอยู่ในสายตาคุณเลย”
“คุณเฉียวดีพร้อมแล้วครับ มันก็แค่เรื่องของความรู้สึก” มู่อวี้เฉิงตอบกลับอย่างใจเย็น
ขณะเดียวกันถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินทางมาถึงบริษัทและได้รับเอกสารความร่วมมือกับมู่กรุ๊ปจากกู้ชิง
“ผู้จัดการคะ มีเอกสารที่ยังต้องตรวจสอบอยู่นะคะ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหยิบเอกสารขึ้นมามองดูและพบว่ามีหลายประเด็นที่เธอจะต้องปรึกษาหารือกับมู่อวี้เฉิงก่อน
“เดี๋ยวฉันจะแวะเข้าไปที่มู่กรุ๊ปสักหน่อย ถ้ามีอะไรโทรหาฉันนะ” เธอพูดแนะนำก่อนจะหันหลังเดินกลับออกมา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมาถึงมู่กรุ๊ปในไม่ช้า เธอแวะมาที่นี่อยู่บ่อยครั้งจึงทำให้ไม่มีใครเข้ามาขวางทางเธอ
เธอเดินขึ้นไปถึงชั้นบนสุดอย่างราบรื่น และเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกเธอก็เดินเข้าไปหาลู่หมิง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจ้องมองเขาด้วยสายตาแน่วแน่แล้วถามว่า “ผู้ช่วยลู่ คุณมู่อยู่ที่นี่หรือเปล่าคะ? ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขาสักหน่อย”
“ท่านประธานอยู่ข้างในครับ แต่ว่ามีแขกอยู่” ลู่หมิงตอบ
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันนั่งรอให้แขกกลับไปก่อนที่ข้างนอกนี้ก็ได้ค่ะ”
ลู่หมิงลังเลเมื่อได้ยินเช่นนั้น ถ้าเขาพาคุณถงเข้าไปข้างในทั้งที่คุณเฉียวยังอยู่ข้างในนั้น คุณถงก็อาจจะเข้าใจผิดได้ และท่านประธานก็จะติเตียนว่าเขาทำอะไรไม่ถึงนึกผลที่ตามมา
แต่เมื่อเขาพิจารณาเรื่องนี้ให้ดี ดูเหมือนว่าวันนี้ท่านประธานจะวางท่าทางไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณเฉียว
หลังจากตีกับตัวเองอยู่สักพัก ลู่หมิงก็พูดขึ้นว่า “คุณถง เดี๋ยวผมพาเข้าไปข้างในนะครับ”
เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้าไปข้างในแล้ว ลู่หมิงกับ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็เปิดประตูเข้าไปในห้องทำงาน
ทันทีที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเข้ามา เธอก็พบกับหญิงสาวแสนสวยที่วางมือค้ำโต๊ะของมู่อวี้เฉิงเอาไว้ ใบหน้าของหล่อนดูเหมือนกำลังจะร้องไห้เต็มทน โดยมีมู่อวี้เฉิงนั่งจ้องหน้าอยู่บนเก้าอี้ด้วยสายตาเย็นชา
เธอเดินเข้าไปแล้วสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลก ๆ จากข้างใน
ลู่หมิงเปิดประตูเข้ามาและสังเกตเห็นว่าบรรยากาศในห้องทำงานดูแตกต่างไปจากเดิม เขาจึงเชิญถงเหมี่ยวเหมี่ยวเข้ามาและรีบถอยกลับออกไป
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูทั้งสองคน ขณะที่เฉียวซือก็มองดูหญิงสาวที่บุกรุกเข้ามาเช่นกัน
เธอสวมชุดสูททางการที่อวดทรวดทรงองเอวของเธอได้อย่างลงตัว
คอเรียวยาวสละสลวย ไหล่มนตั้งฉากเรียบร้อย ทำให้เธอดูมีออร่าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ผมยาวถูกมัดรวบตึงเอาไว้ด้านหลัง ปล่อยไรผมปกคลุมขมับเพียงเล็กน้อย ถึงแม้ว่าใบหน้าของเธอจะถูกแต่งแต้มด้วยสีสันเบาบาง แต่มันก็ขับจุดเด่นบนใบหน้าของเธอออกมาจนหมด ทำให้เธอสวยงามอย่างน่าประทับใจ
“คุณแวะมาที่นี่ทำไม?” มู่อวี้เฉิงถามถงเหมี่ยวเหมี่ยว
สีหน้าของเขาในเวลานี้เปรียบเสมือนกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่พัดผ่านมาหลอมละลายหิมะไปจนหมดสิ้น เขาไม่ได้ดูเย็นชาอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น
“พอดีฉันมีเรื่องจะปรึกษาคุณเกี่ยวกับโครงการก่อนหน้านี้น่ะค่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดอย่างใจเย็น
เฉียวซือสังเกตเห็นว่าตั้งแต่ที่ผู้หญิงคนนี้เข้ามา ทัศนคติของมู่อวี้เฉิงก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่เห็นเฉียวซืออยู่ในห้องทำงานของ มู่อวี้เฉิงไม่ได้เข้าใจอะไรผิดเลย เพียงแต่ตกใจเล็กน้อย
“ใครเหรอคะ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถาม
มู่อวี้เฉิงพูดแนะนำด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “นี่คือ คุณเฉียวซือจากเฉียวกรุ๊ป”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวแสดงรอยยิ้มอย่างเป็นมืออาชีพ “คุณเฉียวนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
ขณะเดียวกันเฉียวซือกำลังตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับผู้หญิงตรงหน้า เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามู่อวี้เฉิงปฏิบัติต่อผู้หญิงแบบนี้
เธอรีบเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอันทรงเสน่ห์ “อวี้เฉิง พี่สาวคนนี้ใครเหรอคะ?”
“ผมลืมแนะนำไป นี่ถงเหมี่ยวเหมี่ยว คู่หมั้นของผม”
อะไรนะ?
คู่หมั้นของเขาเหรอ?
เธอตามสืบมาจนชัดเจนแล้วว่าคู่หมั้นของมู่อวี้เฉิงได้หลบหนีงานแต่งงานไปแล้ว ทำไมตอนนี้…
ทว่าเฉียวซือไม่ได้แสดงสีหน้าผิดปกติอะไร เธอยิ้มแล้วพูดว่า “คุณถงนี่เอง”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าแล้วพูดต่อ “ดูเหมือนว่ากำลังยุ่งกันอยู่สินะคะ ถ้าอย่างนั้นฉันไปนั่งรอตรงนั้นนะ พวกคุณคุยกันไปก่อนเถอะค่ะ”
เธอพูดขณะเดินไปนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ใกล้ ๆ
“อืม รอแป๊บนึงนะ” มู่อวี้เฉิงตอบ
สีหน้าของมู่อวี้เฉิงที่จ้องมองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยวนั้นอ่อนโยนมาก จนเฉียวซือเกือบจะอิจฉาแทบบ้าเมื่อเห็นว่าพวกเขาสบสายตากัน
เธอพยายามระงับอารมณ์อิจฉาริษยาเอาไว้ในใจ และไม่ได้ปล่อยให้มันขึ้นมาปรากฏบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย
เฉียวซือเหลือบมองถงเหมี่ยวเหมี่ยวเพียงแวบเดียวและหันไปส่งยิ้มให้มู่อวี้เฉิงอีกครั้ง “อวี้เฉิง เรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว สิ่งที่ฉันเสนอไปไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราแค่สองคนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมู่กรุ๊ปกับเฉียวกรุ๊ปด้วย ฉันหวังว่าคุณจะตัดสินใจอย่างรอบคอบนะคะ”
มู่อวี้เฉิงหันไปมองเธอด้วยสีหน้าที่เย็นชาเหมือนเดิม “ผมก็บอกแล้วนี่ครับว่ามันไม่จำเป็น”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวครุ่นคิดขณะหันไปมองเฉียวซือ เธอรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองมาทางเธอ และทิศทางดังกล่าวมาจากทางเฉียวซือ
จากนั้นเธอก็ตระหนักถึงคำพูดของเฉียวซือ
มันเกี่ยวข้องกับเธอและมู่อวี้เฉิงหรือเปล่า?
มู่กรุ๊ปกับเฉียวกรุ๊ปเหรอ?
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทั้งสองอย่างนี้เชื่อมโยงกันอย่างไร แต่คำตอบของมู่อวี้เฉิงกลับทำให้เธอไม่ได้เก็บเอาคำพูดของ เฉียวซือมาใส่ใจมากนัก
เฉียวซือแอบชำเลืองมองถงเหมี่ยวเหมี่ยวจากหางตาอีกครั้ง ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นมาเป่าลมร้อนอย่างสุภาพ
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ฟังคำพูดของเฉียวซือเลย จนทำให้เฉียวซือโกรธมากจนกัดฟันแน่น แต่ถึงอย่างนั้นเฉียวซือก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
หลังจากพูดคุยกันอีกสองสามประโยค เฉียวซือก็ยิ้มหวาน “ฉันมีธุระที่ต้องไปทำต่อ ขอตัวก่อนนะคะ คุณถงถ้าโชคดีหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้งนะคะ”
คำพูดของเธอแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง แต่ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกลับไม่ทันได้สังเกตเห็น
เฉียวซือเดินออกมาจากมู่กรุ๊ปและกลับขึ้นไปบนรถยนต์
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออก “ไปตามสืบเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวให้ฉันที”