พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 221 หรือว่าเขาตั้งใจจะหลบหน้าฉันกันแน่
ตอนที่ 221
หรือว่าเขาตั้งใจจะหลบหน้าฉันกันแน่?
เฉียวซือ?
มู่อวี้เฉิงหรี่ตาลงและคิดอย่างรอบคอบ ดูเหมือนว่าจะได้เคยได้ยินชื่อของคนคนนี้มาก่อน
ก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนนี้เคยเข้ามาพัวพันอยู่กับเขาพักหนึ่ง แต่หลังจากผ่านไปนานเขาก็ลืมเธอไปเสียสนิท
หลังจากลู่หมิงพูดเตือน ความทรงจำของเขาก็กลับคืนมา
เขาขมวดคิ้วพลางคิดในใจว่านี่คือปัญหาอีกอย่าง
หลังจากจำได้ว่าเฉียวซือคือใคร มู่อวี้เฉิงก็หันไปพูดกับ ลู่หมิงอย่างเย็นชา “นึกออกแล้ว”
เขาวางสายโทรศัพท์และกลับเข้าไปพักผ่อนในห้องนอน
ลู่หมิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งรู้สึกชาที่หนังศีรษะเมื่อได้ยินเสียงตู้ดดังมาจากปลายสาย
เขาสังเกตเห็นว่าหลังจากพูดชื่อของเฉียวซือ ท่านประธานที่ดูมีความสุขดีในตอนแรกก็อารมณ์เสียลงเล็กน้อย
เช้าวันรุ่งขึ้น
แลมโบกินีสุดหรูขับเคลื่อนตัวตรงมายังมู่กรุ๊ป
หลังจากเครื่องยนต์จอดสนิท ประตูรถยนต์ก็ถูกยกขึ้น ขาเรียวสวยก้าวออกมาจากด้านในตัวรถยนต์ จากนั้นหญิงสาวผู้สง่างามที่อยู่ในชุดเดรสสีแดงดั่งดอกกุหลาบก็ออกมาเฉิดฉาย
รถยนต์คันหรูดึงดูดความสนใจของใครหลาย ๆ คน เพียงแต่ว่าใบหน้าของหญิงสาวที่สวมแว่นกันแดดทำให้ยากต่อการมองเห็นรูปลักษณ์หน้าตาด้านใน
มีเพียงริมฝีปากสีแดงสดเท่านั้นที่ดูสวยงามและน่าดึงดูด
เธอเดินตรงเข้าไปในสำนักงานของมู่กรุ๊ป จนพบเข้ากับพนักงานต้อนรับที่กล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ทราบว่าเข้ามาพบใครคะ”
“ฉันเฉียวซือจากเฉียวกรุ๊ปมาพบคุณมู่ค่ะ” เฉียวซือพูดขณะที่ค่อย ๆ ถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นใบหน้านวลขาวที่ถูกแต่งเติมอย่างประณีต
หลังจากเฉียวซือถอดแว่นกันแดดออกแล้ว พนักงานทั้งหลายก็ถูกเธอดึงดูดในทันที
พนักงานหลายคนถึงกับแอบชื่นชมอยู่ในใจ
“ว้าว เธอสวยมาก!”
“สวยอะไรขนาดนั้นอะ หน้าตาก็ดีแถมหุ่นยังแซ่บเว่อร์ ออร่านี่แผ่ออกมาจากร่างกายเต็มเลย!”
“ก็ผู้หญิงที่เพิ่งลงมาจากแลมโบกินีเมื่อกี้ไง น่าจะเป็นลูกคุณหนูจากสักตระกูลนั่นแหละ”
ขณะเดียวกัน ลู่หมิงบังเอิญเดินผ่านมาที่แผนกต้อนรับ
พนักงานที่แผนกต้อนรับเห็นเขาจึงตะโกนร้องเรียก “ผู้ช่วยลู่คะ คุณผู้หญิงคนนี้บอกว่ามาพบท่านประธานค่ะ”
ลู่หมิงที่ได้ยินเช่นนั้นเดินหันหลังกลับไปที่แผนกต้อนรับ
หลังจากพูดคุยกับเฉียวซือแล้ว ลู่หมิงก็เดินพาเฉียวซือไปที่ลิฟต์
ลู่หมิงที่อยู่ในลิฟต์แอบถอนหายใจ พอพูดถึงเธอหน่อยเธอก็โผล่มาที่นี่จนได้
เมื่อวานนี้เขาเพิ่งพูดคุยเรื่องเธอกับท่านประธานไป มาวันนี้เธอก็มาอยู่ที่นี่แล้ว
ไม่รู้ว่าวันนี้ที่เธอแวะเข้ามาหาจะมีธุระอะไรอีก
ไม่นานหลังจากขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้นบนสุด ลู่หมิงก็เดินพาเฉียวซือไปยังห้องรับแขกที่อยู่ด้านข้างห้องประธานบริษัท
ลู่หมิงรีบเข้าไปทักทายมู่อวี้เฉิงทันทีที่เข้ามาถึงห้องทำงาน
เขาเอื้อมมือออกไปหยิบแฟ้มเอกสารก่อนเดินตามเข้าไปในห้องทำงานและรายงานว่า “ท่านประธาน มีแขกมาพบครับ ตอนนี้กำลังรออยู่ในห้องรับแขก”
มู่อวี้เฉิงหยุดชะงักชั่วคราวและมองย้อนกลับไปถามว่า “ใคร?”
“เฉียวซือจากเฉียวกรุ๊ปครับ” ลู่หมิงตอบ
“เธอมาทำไม?” มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้วแน่น ออร่าเย็นชาบนร่างกายของเขาแผ่กระจายออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว
ร่องรอยแห่งความรังเกียจฉายแวบเข้ามาในดวงตาสีนิล จากนั้นเสียงทุ้มก็ดังขึ้นว่า “ไปบอกเธอว่าเช้านี้ฉันติดประชุม ไม่สะดวกเจอ”
มู่อวี้เฉิงพูดและเดินตรงเข้าไปในห้องทำงาน
ลู่หมิงปาดเหงื่อที่เผลอไหลออกมาตอนตกใจกลัวรังสีอำมหิตของท่านประธาน แล้วเดินหันกลับไปที่ห้องรับแขก
ลู่หมิงพูดว่า “คุณเฉียว เช้านี้ท่านประธานติดประชุมครับ คงไม่สะดวกพบคุณ ทำไมคุณไม่กลับไปก่อนล่ะครับ?”
เฉียวซือขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น ปากบอกว่างานยุ่งแต่อันที่จริงไม่อยากพบเธอต่างหาก
เธอมองดูลู่หมิงดวงตาที่เต็มไปด้วยคำถาม “ท่านประธานของคุณไม่มีเวลามาพบฉันจริง ๆ เหรอ? หรือว่าเขาตั้งใจจะหลบหน้าฉันกันแน่?”
“คุณเฉียว เช้านี้ท่านประธานมีประชุมจริง ๆ ครับ” ลู่หมิงยิ้มตอบรับอย่างมืออาชีพ
เฉียวซือตอบโต้กลับอย่างเกรี้ยวกราด “ฉันไม่เชื่อ”
ลู่หมิงยิ้ม “จะเชื่อไม่เชื่อก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วครับ แต่ผมอยากจะเตือนคุณว่าท่านประธานมีเหตุผลอะไรที่จะต้องหลบหน้าคุณด้วยเหรอครับ?”
คำพูดของลู่หมิงแทงใจเฉียวซือมากจนเธอฉุกคิดเรื่องนี้ และมันก็เป็นตามที่เขาพูดจริง ๆ
มู่อวี้เฉิงไม่มีเหตุผลจะต้องหลบหน้าเธอ บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น
เฉียวซือจึงพยายามประนีประนอม “ถ้าอย่างนั้นผู้ช่วยลู่ช่วยบอกคุณมู่ด้วยนะคะว่าฉันจะรอเขาอยู่ในห้องรับแขกจนกว่าเขาจะประชุมเสร็จ”
ลู่หมิงพยักหน้า “ผมจะไปบอกท่านประธานให้ครับ”
หลังจากพูดจบ ลู่หมิงก็เดินออกจากห้องรับแขกไป
ก๊อก ๆ ๆ!
หลังจากเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นสามครั้ง มู่อวี้เฉิงก็พูดตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง “เข้ามา”
ลู่หมิงผลักประตูเข้าไปหลังจากได้รับอนุญาต
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยขณะพูดรายงาน “ท่านประธาน คุณเฉียวบอกว่าจะรออยู่ในห้องรับแขกจนกว่าจะประชุมเสร็จครับ”
ลู่หมิงนึกไม่ถึงมาก่อนว่าคุณหนูแห่งตระกูลเฉียวจะดันทุรังขนาดนี้
คำพูดของท่านประธานแฝงความหมายถึงการปฏิเสธ แต่เขากลับนึกไม่ถึงว่าเธอจะดั้นด้นรอคอยต่อไป
ไม่รู้ว่าเธอไม่รู้จริง ๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มือของมู่อวี้เฉิงกำลังจับปากกาเซ็นชื่ออยู่ก็แข็งค้าง ก่อนจะตวัดมือเซ็นชื่ออย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเฉียวซือมาที่มู่กรุ๊ปทำไม แต่ในเมื่อเฉียวกรุ๊ปมีความคิดที่จะปรองดองกับจิ้นกรุ๊ป เขาก็ไม่อยากจะเจอหน้าใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจิ้นเป่ยเฉิงทั้งนั้น
“ในเมื่อเธออยากรอก็ปล่อยเธอรอต่อไป” มู่อวี้เฉิงตอบรับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ลู่หมิงพยักหน้าแล้วตอบว่า “ครับ”
เฉียวซือรออยู่ในห้องรับแขกเป็นเวลานานแต่มู่อวี้เฉิงก็ยังไม่ออกมาเจอเธอสักที แม้แต่ลู่หมิงก็ไม่แวะเข้ามาหาเธออีก
ถึงแม้ว่าที่นี่จะน่าเบื่อหน่ายไปสักหน่อย แต่อย่างน้อยห้องรับแขกแห่งนี้ก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างมิดชิด สันนิษฐานว่า มู่อวี้เฉิงสร้างห้องรับแขกแห่งนี้ขึ้นมาเพื่อพูดคุยเจรจาเรื่องสำคัญกับลูกค้าบางราย ซึ่งมันช่วยปกป้องเฉียวซือจากสายตาสอดรู้สอดเห็นของพนักงานคนอื่นด้วย
ไม่เช่นนั้นเธอที่รอคอยมู่อวี้เฉิงอยู่ในห้องรับแขกมานานแล้วก็คงจะโดนดูถูกเหยียดหยาม
จวนใกล้จะเที่ยงวันแล้ว เฉียวซือก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับออกไป
ลู่หมิงเข้าไปรายงานมู่อวี้เฉิงอีกครั้ง “ท่านประธาน คุณเฉียวยังรออยู่ในห้องรับแขกอยู่เลยครับ ให้ผมทำยังไงดีครับ”
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้ว ผู้หญิงคนนี้ดื้อดึงมาก
“ให้เธอเข้ามา” มู่อวี้เฉิงพูดตอบ
นอกจากนี้เขายังอยากจะรู้ว่าเฉียวซือกับเฉียวกรุ๊ปมีแผนการอะไรอยู่ในใจ
เฉียวซือตามลู่หมิงเข้ามาในห้องทำงาน
ทันทีที่เธอเงยหน้าเธอก็พบเข้ากับคนที่เฝ้าคิดถึงอยู่ตรงหน้า
“อวี้เฉิง คุณยังจำฉันได้มั้ยคะ? ฉันเฉียวซือ เรา…” เฉียวซือพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ฟังดูอ่อนโยนมาก
เดิมทีเธอวางแผนจะชวนมู่อวี้เฉิงพูดคุยเรื่องวันเวลา เก่า ๆ ก่อนจะคุยลึกถึงเรื่องธุรกิจ แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเธอจะถูกเขาขัดจังหวะก่อนที่จะพูดจบ
ดวงตาของมู่อวี้เฉิงที่จ้องมองมาทางเธอเย็นชามากราวกับใบมีดคมกริบ “คุณเฉียวมีธุระอะไรครับ?”
เฉียวซือที่ถูกขัดจังหวะตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าใบหน้าของเธอยังคงรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์เอาไว้
เธอพูดต่อภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของมู่อวี้เฉิง “ฉันแค่สงสัยว่าคุณพอจะได้ยินข่าวเรื่องการแต่งงานระหว่างตระกูลเฉียวกับตระกูลจิ้นบ้างมั้ย?”
มู่อวี้เฉิงมีท่าทีเฉยเมยมาก วันนี้ผู้หญิงตรงหน้าเข้ามาพบเขาเพียงเพราะต้องการจะบอกเรื่องนี้ใช่ไหม? มีแต่จะทำให้เขาเสียเวลาเปล่า ๆ
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าเป็นเรื่องนี้ผมรู้แล้วครับ แต่ถ้าคุณเฉียวจะมาถามผมเพราะเรื่องแค่นี้ก็เชิญกลับออกไปเถอะครับ ลู่หมิงส่งแขก”