พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 220 ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณ
ตอนที่ 220
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟากำหมัดทั้งสองข้างแน่น ดวงตาของเธอกำลังลุกโชนราวกับเปลวไฟ
จากการโจมตีของจิ้นเป่ยเฉิงก่อนหน้านี้ เธอรับรู้ได้ว่าผู้ชายคนนี้จะไม่มีวันยอมลามือจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
การลักพาตัว การยุยง การข่มขู่และการติดสินบน ผู้ชายคนนี้ทำได้ทุกอย่าง
ตอนนี้อาจเป็นเพราะว่าเขาไม่มีทางพ่ายแพ้ได้จึงสามารถทำสิ่งที่น่าละอายแก่ใจได้ทุกอย่าง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกัดฟันแล้วพูดว่า “ฉันคงปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้ เพราะเขาเกือบจะทำลายภาพลักษณ์ของสตีเฟนจนย่อยยับ”
อาจกล่าวได้ว่าจิ้นเป่ยเฉิงกำลังคิดจะทำลาย สตีเฟนกรุ๊ปเพียงเพราะโครงการหลุดมือไป
แม้แต่ดึงตัวผู้บริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ถงเหมี่ยวเหมี่ยวคิดว่าเขาไร้มนุษยธรรมเกินไป
มู่อวี้เฉิงเห็นว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวกำลังโกรธจัดจึงยื่นมือออกไปกุมมือของเธอ
น้ำเสียงอ่อนโยนอันน่าหลงใหลพูดปลอบโยนเบา ๆ “อย่าโมโหไปเลย ผมจัดการเรื่องนี้ให้ได้”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ได้ยินดังนั้นเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาที่สับสน
เธอดึงมือออกจากฝ่ามือของมู่อวี้เฉิงและพูดด้วยความลังเล “ฉันไม่อยากลากมู่กรุ๊ปมาเดือดร้อนด้วยเพราะเรื่องนี้หรอกค่ะ”
นี่เป็นเรื่องระหว่างจิ้นกรุ๊ปกับพวกเธอ ไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น
มู่อวี้เฉิงมองดูสีหน้าเธอและรับรู้ได้ว่าเธอไม่ต้องการให้ มู่กรุ๊ปตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของจิ้นเป่ยเฉิง
แต่ชายคนนั้นเป็นเหมือนงูพิษที่คอยจะพ่นพิษออกมา เขาไม่อยากให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจัดการกับจิ้นเป่ยเฉิงเพียงลำพัง
อีกอย่างฝ่ายนั้นก็แค่จิ้นกรุ๊ป มู่อวี้เฉิงไม่ได้จริงจังอะไรกับพวกเขานัก
มู่อวี้เฉิงพูดขึ้นอย่างใจเย็น “ผมกับจิ้นเป่ยเฉิงเคยต่อสู้ทางการตลาดกันอยู่หลายครั้ง ผมรู้จักเขาดีและมีประสบการณ์มากกว่าคุณ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวส่ายหัวด้วยดวงตาแน่วแน่ “นี่ความขัดแย้งระหว่างจิ้นกรุ๊ปกับสตีเฟนค่ะ ต่อให้คุณเข้ามาเอี่ยวก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
“มู่กรุ๊ปเป็นคนขัดขวางโครงการแรกของจิ้นกรุ๊ปเอง เพราะฉะนั้นให้ผมจัดการเถอะ” มู่อวี้เฉิงพูดโดยไม่ลังเล
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเห็นว่าเขาวางแผนจะจัดการเรื่องนี้ตามลำพังจึงจำใจพูดออกมาว่า “ไม่ค่ะ เราต้องร่วมมือกันจัดการเรื่องนี้”
มู่อวี้เฉิงยิ้มเบา ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาสีเข้มกำลังทอแสงประกายวิบวับ
เขายิ้มขณะโน้มตัวลงไปใกล้เธอ “ก็ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณ”
รัศมีเย็นยะเยือกกำลังห่อหุ้มร่างกายของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว จนใบหูสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ขณะที่อีกฝ่ายพูด
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหรี่ตาลงเพื่อหลีกเลี่ยงจ้องมองเขา ใบหน้าของเธอแดงก่ำไปชั่วขณะ
มู่อวี้เฉิงอารมณ์ดีขึ้นมากเมื่อเห็นใบหูทั้งสองข้างของเธอแดงแปร๊ด
ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นจนกลายเป็นรูปทรงที่สวยงาม ขณะที่ดวงตาโค้งลงจนกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว
มู่อวี้เฉิงเขยิบเข้ามาใกล้และกระซิบข้างใบหูของเธอ “ดึกแล้ว ได้เวลาเข้านอนแล้วนะ”
ลมหายใจร้อนสัมผัสเข้ากับใบหูของถงเหมี่ยวเหมี่ยวอีกครั้ง จนความรู้สึกจั๊กจี้ทำให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสั่นสะท้าน
มู่อวี้เฉิงเห็นว่าร่างกายของเธอไม่มั่นคงนักจึงเผลอหลุดหัวเราะออกมา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยายามตอบโต้เมื่อได้ยินเสียงทุ้มอันแสนเร่าร้อน
ทว่าร่างใหญ่ของมู่อวี้เฉิงกลับปกคลุมร่างของเธอไปเกือบทั้งตัว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยกมือขึ้นมาผลักเขาออก ลุกขึ้นจากโซฟา หันหลังให้มู่อวี้เฉิงแล้วพูดว่า “ราตรีสวัสดิ์”
หลังจากพูดจบ เธอก็วางแผนจะเดินขึ้นไปยังชั้นบน
หากไม่ใช่เพราะใบหูของเธอเปลี่ยนไปเป็นสีแดง มู่อวี้เฉิงก็คงจะคิดว่าเธออยากจะขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นบน
เขาถือวิสาสะคว้าข้อมือถงเหมี่ยวเหมี่ยวเพื่อดึงเธอกลับมา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหันกลับมามองเขาด้วยแววตาสงสัย “มีอะไรอีกคะ?”
มู่อวี้เฉิงจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่ฉายแววเจ้าเล่ห์ เขายกยิ้มมุมปากแล้วพูดแกมหยอกล้อ “วันนี้จะนอนไม่หลับอีกหรือเปล่า อยากให้ผมอยู่กับคุณเหมือนเมื่อก่อนมั้ย? หรือว่าอยากจะดื่มนมอีก?”
ใบหน้าของถงเหมี่ยวเหมี่ยวร้อนฉ่าเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว เมื่อคืนเธอแค่นอนไม่หลับไม่ใช่เหรอ? ทำไมผู้ชายคนนี้ไม่ลืม ๆ เรื่องอื่นไปซะบ้าง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยื่นมืออีกข้างออกมาปัดมือของเขาออก ก่อนจะจ้องมองตรงเข้าไปในดวงตาคู่สวย “ไม่ต้อง!”
เธอพูดตอบและไม่ได้หันกลับไปมองมู่อวี้เฉิงอีก รีบเดินกลับขึ้นไปพักผ่อนที่ห้อง
แต่จากสายตาของมู่อวี้เฉิงแล้ว การเดินจ้ำอ้าวของเธอดูเหมือนจะเป็นการวิ่งหนีจากเขาเสียมากกว่า
หลังจากกลับมาถึงห้องแล้ว ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็เข้าไปอาบน้ำชำระสิ่งสกปรก และเมื่อกลับออกมาจากห้องน้ำ เธอก็พบกับแก้วนมที่วางอยู่ข้างเตียงนอน
เธอเอื้อมมือออกไปแตะมันเบา ๆ จนรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่กระจายไปทั่วปลายนิ้ว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวแอบยิ้มเบา ๆ คนเดียว ก่อนจะหยิบนมขึ้นมาดื่มภายในอึกเดียว
เธอดื่มนมจนหมดแก้วและเตรียมพร้อมที่จะเข้านอน
ไม่รู้ว่าเหนื่อยล้าจากเหตุการณ์ล่าสุดหรือเปล่า ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถึงได้ผล็อยหลับไปทันทีที่ศีรษะแตะหมอน
ในอีกด้านหนึ่ง
หลังจากที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกลับออกไปแล้ว มู่อวี้เฉิงไม่ได้กลับไปพักผ่อนที่ห้องนอนแต่แวะไปที่ห้องทำงานแทน
เขามีประชุมที่จะจัดขึ้นทางวิดีโอในวันนี้ และจวนจะถึงเวลาแล้ว
เขานั่งลงบนเก้าอี้ เปิดคอมพิวเตอร์ และเข้าสู่หน้าการประชุมทางวิดีโอโดยตรง
การประชุมที่จัดขึ้นในครั้งนี้เป็นการประเมินผลกิจการในประเทศเอ็ม อันเนื่องมาจากมีเหตุให้ต้องลาพักงานในครั้งก่อน
กว่าการประชุมจะสิ้นสุดลงก็ดึกมากแล้ว
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้วและกดโทรศัพท์ไปหาลู่หมิง
“ท่านประธาน” น้ำเสียงเคารพของลู่หมิงดังลอดออกมาจากปลายสาย
“ไปตรวจสอบเรื่องของจิ้นเป่ยเฉิงกับข่าวเกี่ยวกับจิ้นกรุ๊ปมาว่ามีอะไรคืบหน้ามั้ย” มู่อวี้เฉิงสั่งการ
ลู่หมิงพยักหน้าตอบรับ “ครับ”
มู่อวี้เฉิงวางสายลงและหันหน้ามาจัดการกับกองเอกสารต่อ
ช่วงนี้จิ้นกรุ๊ปไม่ได้ปิดบังการกระทำของตนเองมากนัก
ทำให้ลู่หมิงที่สืบค้นหาข้อมูลโทรศัพท์กลับมาทันทีหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง
น้ำเสียงของลู่หมิงฟังดูตื่นเต้นมากราวกับค้นพบโลกใบใหม่ “ท่านประธาน เมื่อไม่นานมานี้จิ้นกรุ๊ปมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครับ”
“บอกมาให้หมด” มู่อวี้เฉิงหรี่ตาลงขณะพูดอย่างใจเย็น
ลู่หมิงพูดต่อ “เมื่อเร็ว ๆ นี้จิ้นเป่ยเฉิงเข้าไปพบประธานเฉียวกรุ๊ปอยู่บ่อย ๆ ครับ เห็นว่าทั้งสองบริษัทน่าจะผูกมัดด้วยการแต่งงานกัน เฉียวกรุ๊ปเป็นบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ระดับประเทศ ถ้าทั้งสองบริษัทนี้ร่วมมือกัน จิ้นกรุ๊ปจะถูกยกระดับให้สูงขึ้นครับ”
ลู่หมิงแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้รับข่าวดังกล่าว เขารู้สึกว่าการวางแผนของจิ้นกรุ๊ปในครั้งนี้เป็นไปได้ด้วยดีมาก
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้ว “เฉียวกรุ๊ป ฟังดูคุ้น ๆ”
เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน?
แต่เขากลับนึกมันไม่ออก
ลู่หมิงถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ท่านประธานลืมไปแล้วเหรอครับ?”
เขาคิดกับตนเองว่าท่านประธานมีความทรงจำอันเป็นเลิศมาก ทำไมถึงหลงลืมเรื่องนี้ไปได้?
หรือว่าช่วงนี้งานยุ่งเกินไปจนความทรงจำเลอะเลือนหรือเปล่า?
“ฉันจำเป็นต้องจำด้วยเหรอ?” มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้วแล้วพูดถามอย่างใจเย็น
ลู่หมิงหน้าชาเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ตอนนี้ คุณหนูเฉียวซือจากเฉียวกรุ๊ปก็สนใจท่านประธานไม่ใช่เหรอครับ? แต่ว่าท่านประธานปฏิเสธเธอเพราะว่ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว”