พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 219 เจ้าคิดเจ้าแค้น
ตอนที่ 219
เจ้าคิดเจ้าแค้น
พนักงานในจื้อโหยวมีเดียต่างบ่นเสียงระงม
ต้องบอกว่าพวกเขาใช้ระยะเวลาบ่มเพาะเลเวลระดับสูงในเวยป๋อมานานนับหนึ่งปี และมันน่าเสียใจจริง ๆ ที่บัญชีผู้ใช้ถูกแบนแบบนี้
“เร็ว ๆ นี้ไปรับงานที่ผิดกฎหมายมาหรือเปล่า?” ผู้จัดการถาม
“ไม่มีครับ มีคำสั่งให้ชี้แนะแนวทางความคิดของประชาชนเฉย ๆ ครับ” พนักงานคนหนึ่งตอบ
บริษัทของพวกเขารับจ้างเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่ข่าวสารบนอินเทอร์เน็ต ก่อนหน้านี้มีคนแวะเวียนมาถึงหน้าประตูบริษัทและจ้างให้พวกเขาใช้บัญชีเวยป๋อเลเวลสูงเผยแพร่ภาพวิดีโอบนอินเทอร์เน็ต
เนื้องานดำเนินการค่อนข้างเรียบง่าย ประกอบกับอีกฝ่ายจ่ายเงินค่าจ้างให้ถึงห้าแสนหยวน พวกเขาจึงมีความสุขกันถ้วนหน้า
แต่หลังจากพบเจอกับความสุขก็พบเข้ากับความทุกข์สุดขีด
“ขออุทธรณ์อีกครั้ง เรื่องนี้น่าจะมีอะไรผิดพลาด เดี๋ยวฉันไปตรวจสอบดูก่อน” ผู้จัดการบอก
เขากำลังตกอยู่ในความสับสน บริษัทของเขาได้รับการวานจ้างให้ชี้แนะแนวทางความคิดเห็นของประชาชนอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลย เป็นไปได้ไหมว่าจะถูกคนอื่นตอบโต้กลับ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาก็เริ่มค้นหาข้อมูล ทว่าผลลัพธ์กลับทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้าน
“มู่กรุ๊ปเหรอ? ทำไมพวกเขาถึงลงมือทำแบบนี้?” ผู้จัดการจื้อโหยวมีเดียพูดพึมพำ
“ลูกพี่หมายถึงมู่กรุ๊ปเหรอ?”
“มู่กรุ๊ปไหน?”
“ไอโง่ จะมีมู่กรุ๊ปไหนอีกล่ะ!”
พนักงานทั้งหลายเริ่มพูดคุยกัน
ผู้จัดการไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมมู่กรุ๊ปถึงดำเนินการเช่นนี้
นอกจากนี้เขายังรู้ดีว่ามู่กรุ๊ปไม่ใช่บุคคลที่จะไปรุกรานด้วยได้ง่าย ๆ
แต่ตอนนี้พวกเขาดันทำให้มู่กรุ๊ปขุ่นเคือง ดังนั้นบัญชีของพวกเขาอาจจะถูกแบนอย่างถาวร
เมื่อนึกถึงระยะเวลาและจำนวนเงินที่ใช้ลงทุนไปกับบัญชีผู้ใช้พวกนั้น ผู้จัดการก็ไม่สามารถนั่งนิ่งเฉยได้
เขาเริ่มทำการร้องเรียนและกู้คืนบัญชีผู้ใช้
ทว่าพื้นหลังของหน้าอุทธรณ์บนเว็บไซต์กลับไม่ได้ระบุสาเหตุ หลังจากส่งคำร้องอุทธรณ์ไปแล้ว ข้อความ ‘การยื่นคำร้องอุทธรณ์ล้มเหลว โปรดอัปโหลดใหม่’ ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจออย่างต่อเนื่อง
ผู้จัดการกังวลมากจนเกาหัวแกร๊ก ๆ
เขาอัปโหลดข้อมูลต่อไปแต่กลับล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดจำนวนการอุทธรณ์ก็ถึงขีดจำกัด
ผู้จัดการเห็นว่าการกู้คืนบัญชีไม่สามารถทำได้บนเว็บไซต์โดยตรงจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากฝ่ายบริการลูกค้า
เขากดหมายเลขโทรศัพท์หาฝ่ายบริการลูกค้าทันที
น้ำเสียงไพเราะและเป็นมิตรของฝ่ายบริการลูกค้าดังลอดเข้ามาในหู “สวัสดีค่ะ ต้องการบริการทางด้านใดคะ”
“บัญชีผมถูกแบนโดยไม่มีเหตุผลครับ ช่วยปลดล็อคให้ผมที” ผู้จัดการพูดตอบอย่างกระตือรือร้น
“กรุณาแจ้งหมายเลขบัญชีของคุณค่ะ”
“187***599**”
“ขออภัยค่ะ บัญชีผู้ใช้ของคุณถูกระงับเนื่องจากเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดกฎหมาย”
“ข้อมูลผิดกฎหมายประเภทไหนครับ?” ผู้จัดการรีบถาม
ฝ่ายบริการลูกค้าตอบว่า “บัญชีนี้เคยเผยแพร่ข้อมูลเท็จมาก่อนค่ะ เรากำลังแก้ไขข้อมูลของคุณ คุณจะไม่สามารถใช้งานบัญชีได้ในเร็ว ๆ นี้ค่ะ”
ข้อมูลเท็จ?
ช่วงนี้พวกเขาไม่ได้เผยแพร่ข้อมูลเท็จอะไรเลย หรือว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสตีเฟนกรุ๊ป?
แต่ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงแค่ภาพวิดีโอ ไม่มีคำประกอบการอะไรเลย มันจะกลายเป็นข้อมูลเท็จไปได้ยังไง?
ทั้งสองหนทางไม่สามารถช่วยปลดล็อคบัญชีผู้ใช้ได้ ผู้จัดการจึงรู้สึกสิ้นหวังมากหลังจากวางสายลง
พนักงานที่เห็นหน้าเศร้าสร้อยของผู้จัดการรีบพูดถามว่า “ลูกพี่ บางทีคนที่จ้างให้เรากระจายข้อมูลอาจจะมีทางแก้ปัญหาก็ได้นะครับ”
ดวงตาของผู้จัดการเป็นประกายทันที ก่อนจะสั่งการให้พนักงานนำข้อมูลของนายจ้างดังกล่าวออกมา
เขากวาดสายตาอ่านข้อมูลแล้วนึกไม่ถึงว่าจะเป็นซุนจิ้ง ผู้ช่วยของท่านประธานจิ้นที่ไหว้วานให้พวกเขาทำสิ่งนี้
เขาไม่ได้คิดอะไรมากนักและกดโทรศัพท์ตามหมายเลขด้านบน
หลังจากโทรติด ผู้จัดการก็ถามอย่างสุภาพว่า “ขอโทษนะครับ ใช่ผู้ช่วยซุนมั้ยครับ? ผมเป็นผู้จัดการของจิ้อโหยวมีเดียครับ”
ซุนจิ้งขมวดคิ้วและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มีเรื่องอะไร?”
พวกเขากับจื้อโหยวมีเดียซื้อขายกันเสร็จสิ้นแล้ว ทำไมคนคนนี้ถึงโทรศัพท์มาหาเขาอีก?
ผู้จัดการแค่นเสียงหัวเราะแล้วพูดว่า “ผู้ช่วยซุน ช่วยกรุณาบอกท่านประธานจิ้นด้วยว่ามู่กรุ๊ปสั่งแบนบัญชีของเรา และเขาอยากจะขอให้ท่านประธานจิ้นช่วย”
“ท่านประธานจิ้นยุ่งมาก ไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พรรค์นี้หรอก” ซุนจิ้งปฏิเสธโดยตรง
“ผู้ช่วยซุน ถึงพวกเราจะได้รับเงินจากการทำงาน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับความสูญเสียที่ต้องเสียบัญชีเวยป๋อระดับสูงไป มันไม่คุ้มเสียเลยนะครับ ได้โปรดผู้ช่วยซุนไปร้องขอความเมตตากับท่านประธานจิ้นให้พวกเราที ไม่อย่างนั้นผมคงจะต้องบุกไปที่บริษัทของพวกคุณ”
สีหน้าของซุนจิ้นดูขุ่นเคืองขึ้น แม้แต่ดวงตายังมืดมนลง “นี่แกกำลังขู่ฉันเหรอ?”
“ผมไม่กล้าหรอกครับ ผมก็แค่หมดหนทางสู้และไม่มีทางออกแล้ว”
หากอีกฝ่ายบุกมาที่บริษัท มู่กรุ๊ปจะต้องรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้แน่
จนถึงตอนนั้นเขาจะถูกท่านประธานตำหนิและจะต้องทุกข์ทรมานอีกครั้ง
ดังนั้นเขาจะนำเอาเรื่องนี้ไปรายงานท่านประธาน จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านประธานว่าจะช่วยเหลือหรือไม่ สุดท้ายแล้วเขาก็จะไม่ถูกตำหนิอีกต่อไป
“ก็ได้” หลังจากชั่งน้ำหนักแล้ว ซุนจิ้งก็ตอบตกลง
“ขอบคุณมากครับ ขอบคุณ” ผู้จัดการรู้สึกขอบคุณเขามาก
หลังจากวางสายลง ซุนจิ้งก็เข้าไปรายงานเรื่องนี้กับ จิ้นเป่ยเฉิง
แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจิ้นเป่ยเฉิงจะตอบตกลงทันทีที่ได้ยิน
จิ้นเป่ยเฉิงไม่ได้คิดเรื่องนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาเพียงคิดว่าการปลดล็อคบัญชีผู้ใช้เป็นเรื่องที่สั่งการผ่านการคุยโทรศัพท์กับซุนจิ้งเท่านั้น
และจิ้นเป่ยเฉิงก็ไม่รู้เลยว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวตกอยู่ในสายตาของลู่หมิงมาโดยตลอด
ลู่หมิงเดินเข้าไปรายงานผลการติดตามครั้งล่าสุดในห้องทำงานของมู่อวี้เฉิง “ท่านประธาน พบคนที่อยู่เบื้องหลังสื่อแล้วครับ”
สีหน้าของมู่อวี้เฉิงดูจริงจังขึ้นมาทันที ดวงตาของเขาเฉียบคมราวกับมีดปลายแหลม “ใคร?”
“จิ้นเป่ยเฉิงครับ คนของเขาโทรศัพท์ไปขอให้ทางเว็บไซต์ปลดล็อคบัญชีผู้ใช้”
จู่ ๆ ท่าทางของมู่อวี้เฉิงก็น่าสะพรึงกลัวขึ้น ดวงตาของมืดมนราวกับค่ำคืนอันมืดมิด
เขาตอบรับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เข้าใจแล้ว”
หลังจากนั้นเขาก็โบกมือสั่งให้ลู่หมิงกลับออกไปและตกอยู่ในห้วงความคิด
ตกเย็น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่แก้ไขปัญหาจนลุล่วงแล้วได้เดินทางกลับมาบ้านตามเวลาปกติ
คราวเมื่อมู่อวี้เฉิงกลับมาถึงบ้าน เขาก็เห็นว่า ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกับเสี่ยวเป่ากำลังนั่งอยู่หน้าโทรทัศน์
คนหนึ่งกำลังดูโทรทัศน์ ส่วนอีกคนกำลังนั่งอ่านหนังสือ
แต่เนื่องจากพวกเขาจดจ่ออยู่กับสิ่งตรงหน้ามากเกินไปจึงทำให้ไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามู่อวี้เฉิงเดินเข้ามาในบ้าน
แต่สุดท้ายเสี่ยวเป่าก็เหลือบเห็นรองเท้าหนังจากหางตา เขาจึงรีบตะโกนร้องเรียกแด๊ดดี้อย่างมีความสุข
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหันกลับไปมองหลังจากได้ยินเสียงร้องตะโกนของเสี่ยวเป่า ก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยน “กลับมาแล้วเหรอคะ”
หน้าตาของเธอดูมีความสุขมาก คงจะพึงพอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้มากเช่นกัน
มู่อวี้เฉิงเข้ามานั่งลงบนโซฟาและสั่งให้พ่อบ้านพา เสี่ยวเป่าขึ้นไปนอนบนห้อง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกชัดเจนว่ามู่อวี้เฉิงมีอะไรบางอย่างอยากจะพูดกับเธอ
เธอจึงเป็นฝ่ายเริ่มถามก่อน “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?”
“วันนี้ผมพบคนที่บงการสื่อบนอินเทอร์เน็ตแล้ว” มู่อวี้เฉิงพูดตอบอย่างใจเย็น
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหรี่ตาลง ดวงตาของเธอดูแข็งกระด้างขึ้นก่อนจะจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ใครคะ?”
“จิ้นเป่ยเฉิง”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นดังกล่าว ขณะที่ใบหน้าของเธอดูโกรธเคืองขึ้น
พลางคิดในใจกับตนเองว่าทำไมจิ้นเป่ยเฉิงถึงตามหลอกหลอนเหมือนผีขนาดนี้
มู่อวี้เฉิงพูดต่อ “ผมกำลังสงสัยว่าเขาเป็นคนส่งคนไปก่อเรื่องที่ร้านค้าของสตีเฟนด้วย”
“เขาทำแบบนี้เพราะต้องการแก้แค้นที่ฉันกับคุณขโมยธุรกิจของเขาไปหรือเปล่า?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยถาม
นอกเหนือจากนี้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่สามารถคิดหาเหตุผลอื่นที่จิ้นเป่นเฉิงเลือกลงมือกับเธอได้เลย
มู่อวี้เฉิงพยักหน้า “ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น”